ดิค คอสโทโล (Dick Costolo) ซีอีโอทวิตเตอร์ (Twitter) ประกาศลาออกแล้ว โดยจะมีผลในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ และได้ แจ็ค ดอร์ซีย์ (Jack Dorsey) ผู้ร่วมก่อตั้งทวิตเตอร์มารับตำแหน่งรักษาการซีอีโอจนกว่าจะสามารถหาผู้บริหารใหม่ได้
สำหรับการลาออกของ มร.คอสโทโล นั้นได้รับการเปิดเผยว่ามาจากแรงกดดันของนักลงทุนที่ไม่ปลื้มต่อผลประกอบการของทวิตเตอร์ และยอดผู้ใช้งานที่เติบโตน้อยกว่าที่คาดนั่นเอง ซึ่งหลังจากมีการประกาศการลาออก ก็พบว่า หุ้นของทวิตเตอร์พุ่งขึ้นถึงกว่า 7 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว นอกจากนี้ ทางทวิตเตอร์ได้เผยว่า มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อสรรหาซีอีโอคนใหม่แล้วด้วย
อาจกล่าวได้ว่า การพลาดเป้าด้านตัวเลขผู้ใช้งานของทวิตเตอร์เกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาคือต้นเหตุของการตัดสินใจดังกล่าว โดยบริษัทพลาดจากเป้าหมายที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น และประกาศว่ามีตัวเลขขาดทุน 162 ล้านเหรียญสหรัฐ ความผิดพลาดในครั้งนั้นทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทลดฮวบลงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ และไม่สามารถดันมูลค่าหุ้นกลับไปยังตำแหน่งเดิมได้จนถึงทุกวันนี้
นักวิเคราะห์ที่เฝ้ามองทวิตเตอร์จึงตั้งข้อสังเกตว่า ทวิตเตอร์อาจมีปัญหาด้านความสามารถในการเติบโตเสียแล้ว ยกตัวอย่างเช่น eMarketer ได้มีการประมาณการตัวเลขผู้ใช้งานของทวิตเตอร์ว่าเติบโตอยู่ที่ 14.1 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน ซึ่งน้อยกว่าเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่อัตราการเติบโตอยู่ที่ 30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว และในปี ค.ศ.2019 eMarketer คาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตของผู้ใช้ทวิตเตอร์จะเหลือแค่ 6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นด้วย
สำหรับการสรรหาซีอีโอคนต่อไปนั้น มร.ดอร์ซีย์ รักษาการซีอีโอเผยว่า ผู้ที่เหมาะสมสามารถเป็นได้ทั้งคนใน และคนนอกองค์กร แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นเกณฑ์ในการสรรหาคือ คนคนนั้นต้องเป็นผู้ใช้ทวิตเตอร์ และคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดก็คือ คนคนนั้นต้องใช้ และรักโปรดักต์ตัวนี้อย่างมากนั่นเอง
อย่างไรก็ดี การลาออกของซีอีโอทวิตเตอร์ในครั้งนี้อาจไม่สามารถรักษาอาการยอดผู้ใช้ตกต่ำที่ทวิตเตอร์เป็นอยู่ให้หายได้
Nate Elliott นักวิเคราะห์จากฟอร์เรสเตอร์ รีเสิร์ช เผยว่า การลาออกของดิค คอสโทโล ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด
“ทวิตเตอร์ไม่สามารถตอบผู้ใช้ได้ว่า ทำไมพวกเขาต้องกลับมาใช้ทวิตเตอร์ ในขณะที่โซเชียลมีเดียอื่นๆ มีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ แต่ทวิตเตอร์ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ผลก็คือ ทวิตเตอร์มียอดผู้ใช้งานใหม่ลดลงดังที่ปรากฏ”
ขณะเดียวกัน ก็มีอีกฝ่ายที่มองว่า ความคาดหวังของนักลงทุนที่มีต่อทวิตเตอร์นั้น “สูงเกินไป” ออกมาเช่นกัน เช่น จอห์น กรูเบอร์ (John Gruber) บล็อกเกอร์ชื่อดังเผยว่า สิ่งที่วอลล์สตรีทคาดหวังว่าทวิตเตอร์จะกลายเป็นยักษ์ใหญ่อย่างเฟซบุ๊ก (Facebook) นั้นเป็นเรื่องที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้จริง และไม่มีซีอีโอคนไหนทำได้
สำหรับ มร.คอสโทโล หลังจากก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอจะยังคงเป็นบอร์ดของบริษัทต่อไป โดยเขาก้้าวขึ้นตำแหน่งนี้เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ.2010 และทำงานที่ทวิตเตอร์มาทั้งสิ้น 6 ปี (เริ่มงานในทวิตเตอร์เมื่อปี ค.ศ.2009)
ที่มา http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000066486