หลังจากนำบริการ “คอนเน็คมีเดีย”เข้ามาดูแลสื่อโฆษณา ณ จุดขายให้กับ “เทสโก้ โลตัส” ทั้ง1,800 สาขา ในช่วงต้นปีที่ผ่าน มาเป็นเวลา 6 เดือน ทำให้ บริษัท ดันน์ฮัมบี้ ประเทศไทย มีรายได้เติบโต ถึง3 เท่าตัว หรือคิดเป็นกำไรประมาณ 75% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ดันน์ฮัมบี้ ได้ใจ ควักกระเป๋าลงทุนขยายบริษัทและรับพนักงานเพิ่มอีกถึง 2 เท่า เพื่อเตรียมลุยอีก2บริการใหม่ คือ 1. Non Sale Floor และ 2. Sociomatic และยังเตรียมเจาะหาลูกค้ากลุ่มค้าปลีกเพิ่มและเตรียมเป็นพาร์ตเนอร์กับบิ๊กแบรนด์โรงภาพยนตร์ เพื่อขยายสื่ออินสโตร์และต่อยอดบริการสื่อในโรงภาพยนต์
ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สื่อโฆษณาคอนเนกต์มีเดีย บริษัท ดันน์ฮัมบี้ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า สื่ออินสโตร์ ถือเป็นด่านสำคัญที่จะช่วยดึงดูดผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าได้มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนถึง 76% ของผู้บริโภคที่มาซื้อของในห้างค้าปลีก จะตัดสินใจซื้อสินค้าเมื่อมาอยู่ ณ หน้าจุดขาย(Shelf )
ถึงแม้ลูกค้าบางคนจะคิดตั้งแต่บ้านแล้วก็ตามว่าจะซื้ออะไร แต่เมื่อมาถึงจุดขาย แล้วพบสินค้าอื่นที่จัดรายการลดแลกแจกแถมก็อาจจะทำให้ผู้บริโภค เกิดความสับสน หรือลืม และเปลี่ยนใจได้
แต่บอกอย่างเดียวไม่เห็นภาพ ธีรเดชจึงต้องนำเอาผลวิจัยพฤติกรรมมายืนยันกับสื่อมวลชนที่มาร่วมงานว่า สื่ออินสโตร์ จะช่วยเตือนความจำให้กับผู้บริโภค และพาผู้บริโภคมายังหน้าจุดขาย (Shelf) ได้เพิ่มขึ้น 15 % สร้างความสัมพันธ์ กับผู้บริโภคได้11% ไปจนถึงทำให้ผู้บริโภคตัดใจซื้อสินค้าส่งผลให้ยอดขายสินค้าแบรนด์นั้นเพิ่มขึ้นอีก 27.2%
นอกจากโฆษณาใน ณ จุดขายแล้วที่รู้แล้วว่าสำคัญแค่ไหน การทำสื่อโฆษณานอกพื้นที่การขายก็มีความจำเป็นไม่น้อยเพราะการทำNon Sale Floor เป็นเหมือนประตูทางเข้าที่จะนำผู้บริโภคไปสู่จุดขาย ดังนั้น ดันน์ฮัมบี้ จึงเตรียมขยายบริการ ” คอนเน็คมีเดีย ” ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ของ”เทสโก้ โลตัส ” ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ Outdoor หรือ Mall Area ตั้งแต่ถนนภายในห้าง ลานจอดรถ ประตูทางเข้า ห้องน้ำ เรียกว่า มีพื้นที่วางตรงจุดไหนก็จะเนตมิตให้เป็นสื่อโฆษณาทั้งหมด และทำให้แบรนด์เข้าถึงผู้บริโภคดดียิ่งขึ้นมากขึ้นแล้ว แน่นอนว่ารายได้ จากโฆษณาจะตามมา
สำหรับ “คอนเน็คมีเดีย ” นอกพื้นที่ขอบเขตการขายจะทำได้ใน “เทสโก้ โลตัส “ที่เป็นรูปแบบไฮเปอร์มาร์เกตเอ็กซ์ตรา และ ดิ พาร์ทเม้นท์ สโตร์ รวมประมาณ 170 สาขา และได้เริ่มทำไปแล้วอย่างเต็มรูปแบบคือ”เทสโก้ โลตัส ” สาขาพระราม 4 เป็นที่แรก
เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ธีรเดช นำตัวเลขผลวิจัยผู้บริโภคมายืนยันอีกครั้ง ระบุว่า สื่อนอกพื้นที่จะช่วยทำให้คนมาเดินเพิ่มขึ้น 15% ซื้อของมากขึ้น 10.7% และซื้อสินค้าที่ทำการโฆษณาเพิ่มขึ้น 27.2% รวมถึงไปเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้สินค้านั้นอีก 40% นอกจากนี้ยังเป็นการสร้าง Brand awarenessให้กับแบรนด์สินค้า และทำให้เกิดสื่อ Free Media ขึ้นอีกมากมาย เพราะพฤติกรรมคนไทยชอบ “แชะและแชร์ ซึ่งหากแบรนด์สินค้าเลือกใช้สื่อที่มี Productionเก๋ๆ หรือทันสมัย ก็มีโอกาสที่คนจะสนใจ ถ่ายรูปและแชร์ลงบนโลกออนไลน์ ทำให้เกิดการบอกต่อได้
สำหรับเทรนด์ สื่อ Media ที่กำลังมาแรงในเวลานี้คือ สื่อที่มี Movement เวลาขยับแล้วสามารถปล่อยกลิ่นของสินค้าออกมาได้ เช่นให้กลิ่นกาแฟ หรือกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม รวมไปถึงสื่อ Digital ที่เป็น Screen ที่ให้ได้ทั้งภาพและเสียง ก็เป็นสื่อที่กำลังเป็นที่นิยม แต่สื่อโฆษณาจะลดลงคือสื่อที่เป็นภาพนิ่ง เพราะแบรนด์สินค้าจะต้องการใช้สื่อที่ดึงดูดและสามารถทำให้คนที่พบเห็นร้อง”wow “ได้ มากกว่าสื่อที่เป็นภาพนิ่งธรรมดา
และนอกจากเรื่อง Production แล้ว การทำContentที่นำเสนอในสื่อก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ แบรนด์ควรเลือกใช้ Messes ที่สั้น เข้าใจง่าย จำง่าย และตอบโจทย์สินค้า ที่สำคัญควรมีการเปลี่ยน Content ใหม่ ทุกเดือน เพราะผู้บริโภคคนไทยเบื่อง่ายมาก เมื่อเทียบกับผู้บริโภคชาติอื่น นายธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ กล่าว
นอกจากนี้ ดันน์ฮัมบี้ ยังเตรียมส่ง Sociomatic การให้บริการการทำโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ โดยใช้ Customer Data ซึ่งจะทำให้แบรนด์สินค้าเข้าใจลูกค้ามากขึ้น และสื่อสารได้ตรงตามไลฟ์ลไตล์ผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งเป็นบริการที่มีการใช้กันแล้วกว่า 60 ประเทศทั่วโลก มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเยอรมันนี และประเทศไทยจะเป็นประแรกในเอเชียที่นำเข้ามา
สำหรับแผนธุรกิจในอนาคตของ ดันน์ฮัมบี้ ได้มีการเจรจาที่จะเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมกันกับโรงภาพยนตร์แบรนด์ใหญ่ เพื่อต่อยอดการบริหารพื้นที่โฆษณาภายในบริเวณโรงภาพยนตร์ และนอกจากนี้ ดันน์ฮัมบี้ ยังมีแผนที่จะเตรียมเข้าไปดูแลพื้นที่โฆษณาสื่ออินสโตร์ให้กับทางห้างค้าปลีกรายอื่นๆ อีกนอกเหนือจาก “เทสโก้ โลตัส” ซึ่งคาดว่า ภายในปี 2559 จะเริ่มเห็นการดำเนินการทั้ง 2 เรื่อง เมอร์ริตต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท ดันน์ฮัมบี้ จำกัด ยืนยันแผนดังกล่าว