ยอมทุ่มซื้อลิขสิทธิถ่ายทอดสดฟุตบอลบาร์เคลย์ฟรีเมียร์ลีกแต่เพียงผู้เดียว เฉือนเอาชนะ ทรูวิชั่นส์ คู่แข่งคนสำคัญมาด้วยเม็ดเงินลงทุนเกือบ 10,000 ล้านบาท หวังจะใช้รายการนี้มาเป็นทางด่วนแจ้งเกิด CTH
แต่เส้นทางกลับไม่สวยหรู เพราะผ่านมาแล้ว2 ฤดูกาล ปี 2013-2014 , 2014-2015 ก็ยังไม่สามารถปั้นรายได้อย่างที่คาดหมายไว้ เนื่องจากต้นทุนสูงมาก
เชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำประเทศไทยว่า 2 ปีที่ผ่านมา ซีทีเอชต้องอยู่ในสภาพขาดทุน ต้องใช้เงินลงทุนสูง ค่าใช้จ่ายตกปีละประมาณ 4,000 ล้านบาท ในขณะที่ทำรายได้รวมในปีที่ผ่านมาได้เพียง 3,000 ล้านบาท
มาปีนี้ถือเป็นโค้งสุดท้าย ซีทีเอช จึงงัดไม้ตาย ปรับราคาแพ็กเกจ ขึ้นละ 200 บาท เพื่อกระตุ้นรายได้ โดยตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ไว้ที่ 6,000 ล้านบาท ที่จะมาจากการขายแพคเกจ ค่าบริการรายเดือน และ
สปอนเซอร์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังขาดทุนอยู่ดี
แต่ถึงแม้รายได้จะไม่เข้าเป้า แต่สิ่งที่ได้มากคือ ฐานคนดู จากปีแรกมีเพียง 300,000 คน เพิ่มเป็น 1,300,000 คน ในปีที่ 2 และคาดว่าในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอีก 1,700,000 คน รวมเป็น 3,000,000 คน นอกจากนี้ยังได้พาร์ตเนอร์ที่เหมาะกับซีทีเอช อย่างเช่น พีพีทีวี ที่เรามีสัญญาใจต่อกัน ซึ่งหากซีทีเอช ประมูลได้อีกในฤดูกาลหน้า พีพีทีวี ก็จะได้รับสิทธิ์ถ่ายทอดสดบนฟรีทีวีอีกอย่างแน่นอน และนอกจากนี้ยังมีสปอนต์เซอร์หลักที่ใหญ่ แม้จะตกลงมาแต่ก็ถือว่าตกบนโซฟาที่นุ่ม ไม่เจ็บตัวมากนัก
ถึงจะขาดทุน แต่ผู้บริหารซีทีเอช ยืนยันว่าในการประมูลถ่ายทอดพรีเมียร์ลีกที่กำลังจะมีขึ้นเร็วๆ นี้ CTH จะร่วมประมูลอย่างแน่นอน แต่จะไปเดี่ยว หรือหาพันธมิตรร่วม ยังบอกไม่ได้ คาดว่าจะมีคู่แข่งในประเทศ 2-3 ราย แต่ที่น่ากลัวคือ กลุ่มทุนจากต่างชาติที่จะเข้ามาประมูลแล้วขายสิทธิ์ต่อให้บริษัทไทย เพราะกลุ่มเหล่านี้มีกำลังเงินที่สูง
แต่หากแพ้ประมูล จะหันมาเน้นคอนเทนต์ใหม่ ที่เกี่ยวกับเด็กและผู้หญิง เพราะเด็กและผู้หญิงถือเป็นกลุ่มคนที่มีอำนาจตัดสินใจและครอบครองรีโมทของครอบครัว