เมื่อต้องเจอศึกจากร้านอาหารจานด่วนทั้งแบรนด์เก่าและแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาด ทำเอา เคเอฟซี ธุรกิจเชนร้านอาหารในไทยมานาน ต้องประกาศความมั่นใจในการทำธุรกิจในไทย ด้วยอัดฉีดงบ 1.8 พันล้านพัฒนาบริการ และเตรียมเปิดตัว พันธมิตรใหม่ ขยาย 130 สาขา ต้นปีหน้า
แววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล ผู้จัดการทั่วไปเคเอฟซี ประจำประเทศไทย บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “เคเอฟซีมีความเชื่อมั่นในการเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ทั้งนี้แบรนด์เคเอฟซียังมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมายอดขายเพิ่มขึ้น 7 % และเคเอฟซีกำลังพัฒนานวัตกรรมและการดำเนินงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจใหม่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ”
กลยุทธ์แรก คือ ในปี 2015 เคเอฟซีใช้งบลงทุนกว่า 1.8 พันล้านบาท ในการพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า กลุ่มเพื่อนและครอบครัว
ลูกค้าที่มารับประทานภายในร้านและสั่งกลับบ้าน เคเอฟซีได้พัฒนากระบวนการเพิ่มความเร็วในการสั่งซื้อและรับอาหาร หรือ SOP (Speed Up Ordering Process) เทคโนโลยีการรับออร์เดอร์มาตรฐานระดับโลกมาใช้ พร้อมปรับปรุงขั้นตอนและรูปแบบในครัวใหม่ ทำให้การทำและนำส่งอาหารให้ลูกค้าเร็วยิ่งขึ้น โดยระบบ SOP ใหม่นี้ จะทำให้ภายใน 1 ชั่วโมง เคเอฟซีสามารถให้บริการลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
เคเอฟซีตั้งเป้าติดตั้งระบบ SOP ในร้านให้แล้วเสร็จและวางแผนขยายไปยังร้านเคเอฟซีทั้งหมดทั่วประเทศในอนาคต เคเอฟซี หวังว่า จะให้บริการลูกค้าได้รวดเร็วและมีคุณภาพ ส่งผลให้ลูกค้าพึงพอใจสูงสุดและคาดยอดขายเพิ่มขึ้นด้วย
(แววคนีย์ กล่าวเสริมว่า แม้สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันจะสร้างความท้าทายในการดำเนินธุรกิจให้กับเคเอฟซี แต่ด่วยผู้บริโภคยังมีความต้องการและนิยมการใช้ชีวิตด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกรวดเร็ว จึงสร้างความมั่นใจให้เคเอฟซีขยายร้านเพิ่มทั้งมากกว่า 40 สาขา ทั้งในรูปแบบไดร์ฟทรู และร้านที่กระจายอยู่ตามห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าและไฮเปอร์มาร์เก็ต โดยปัจจุบัน แบรนด์เคเอฟซี มีสาขาบริการครอบคลุมทั่วประเทศจำนวน 535 สาขา (ณ เดือนกรกฎาคม 2558)
เปิดตัวพันธมิตรใหม่ต้นปี 2016 ขยาย 130 สาขา
ส่วนกลยุทธ์ที่ 2 คือ นอกย้ำเรื่องการหาพันธมิตรมาช่วยขยายสาขา จากเดิมที่มีบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด พันธมิตรดั้งเดิมที่ช่วยขยายธุรกิจร่วมกันมา 31 ปี ซึ่งเคเอฟซี ได้ประกาศในเดือนพฤษภาคม 2015 ที่ผ่านมาว่า กำลังมองหาพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเพื่อมาช่วยขยายสาขาเพิ่ม เคเอฟซี ให้ความคืบหน้าว่า กระบวนการสรรหาพันธมิตรฯ อยู่ในระหว่างดำเนินการ ซึ่งเป็นความลับทางธุรกิจ โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จและสามารถประกาศแจ้งผู้ที่จะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ได้ในช่วงต้นปี 2016
พันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่จะเป็นผู้ดำเนินงานร้านเคเอฟซีกว่า 130 สาขา กรุงเทพฯ 75 สาขาและในจังหวัดอีก 53 สาขา
เคเอฟซี ได้ตอกย้ำด้วยว่า พันธมิตรใหม่จะได้รับประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจดังนี้
1 สเกลธุรกิจขนาดใหญ่ – เมื่อได้รับสิทธิ์จากแบรนด์เคเอฟซีอย่างทางการ ส่งผลพันธมิตรใหม่ของเคเอฟซี จะเป็นผู้ดำเนินกิจการร้านอาหารรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในไทยทันที
2 พื้นที่ตั้งของร้านเคเอฟซี จะสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งรวมถึงยอดขายที่มีมูลค่าสูง ผลกำไร รวมถึงโอกาสในการลงทุนและผลกำไรตอบแทนจากการเปิดร้านใหม่ในอนาคต
3 จะได้รับสิทธิ์เข้ามาดำเนินกิจการและดูแลธุกิจในพื้นที่มีโอกาสเติบโต รองรับการตลาดต่างจังหวัด ที่มีขยายเมืองอย่างรวดเร็ว ส่วนในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ธุรกิจค้าปลีกยังมีโอกาสเติบโตจากพฤติกรรมลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบาย รวมถึงสินค้าและบริการที่รวดเร็วยิ่งขึ้น