ประมูลลิขสิทธิ์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อาทิตย์นี้ คาด 4 รายชิงดำ สิ้นเดือน พ.ย.รู้ผล

ใกล้งวดเข้ามาเต็มทีแล้วสำหรับการประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอล “พรีเมียร์ลีก” อังกฤษ 3 ฤดูกาลหน้า ตั้งแต่ 2016/2017, 2017/2018 และ 2018/2019 
 
แหล่งข่าวในวงการกีฬา ระบุว่า การยื่นประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (EPL) ฤดูกาลหน้า โดยจะได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดในไทย ลาว และกัมพูชา จะมีขึ้นภายในสัปดาห์นี้ และคาดว่าจะประกาศผลการตัดสินได้ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้
 
การประมูลลิขสิทธิ์ครั้งนี้ ประเทศ ไทย และออสเตรเลีย จะเป็น 2 ประเทศสุดท้ายที่อยู่ในตารางการประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก โดยแผนในการประมูลจะเริ่มที่ประเทศอังกฤษเป็นประเทศแรก จากนั้นจะไล่เปิดประมูลไปตามประเทศต่างๆ ที่คาดว่าค่าลิขสิทธิ์จะมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าฤดูกาลที่ผ่านมา 
 
“เป็นกลยุทธ์ในการประมูล จะต้องเริ่มที่ประเทศที่คาดว่าค่าลิขสิทธิ์จะสูงก่อน จากนั้นจะไล่มาจนถึงประเทศที่คาดว่าค่าประมูลต่ำกว่าปีที่แล้ว ส่วนของไทยนั้น เนื่องจาก 3 ฤดูกาลที่แล้ว ซีทีเอช ประมูลไปด้วยราคาสูงเกือบ 1 หมื่นล้านบาท สูงเป็นอันดับ 2 รองจากอังกฤษ ดังนั้นในปีนี้ทางผู้จัดประมูล พรีเมียร์ลีก คาดว่า ราคาไม่น่าจะเพิ่มสูงกว่านี้ ไทยจึงตกไปอยู่ตารางการประมูลเป็นประเทศสุดท้าย พร้อมๆ กับออสเตรเลีย” แหล่งข่าวกล่าว
 
ส่วนผู้เข้าประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดในไทยครั้งนี้ คาดว่า ทั้งทรูวิชั่นส์ และซีทีเอช จะเข้าประมูลด้วยกันทั้งคู่ เพราะได้ประกาศตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว และถือเป็นคอนเทนต์กีฬารายการสำคัญระดับแม่เหล็กที่ทั้งคู่ต้องการ 
 
สำหรับซีทีเอชนั้น ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของซีทีเอช แม้ว่าใน 3 ฤดูกาลจะทำได้ไม่ดีนัก แต่หากไม่ได้ลิขสิทธิ์ในรอบนี้แล้วโอกาสในการแข่งขันจะยิ่งยากลำบาก ในขณะทรูวิชั่นส์ต้องการนำ พรีเมียร์ลีก กลับบ้านหลังเดิมที่เคยถ่ายทอดสดมาตลอด หลังจากพลาดท่าเสียทีให้กับซีทีเอชไป 3 ฤดูกาล ดังนั้นหากครั้งนี้สามารถชิงลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กลับมาได้ ก็ยิ่งเป็นแต้มต่อให้กับคอนเทนต์กีฬาของทรูวิชั่นส์ จากที่เคยประกาศตัวเป็น “คิงส์ ออฟ สปอร์ต” อย่างเต็มรูปแบบ หลังจากได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกมานอนอุ่นในกระเป๋าแล้ว 
 
นอกจากทรูวิชั่นส์ และซีทีเอชแล้ว คาดว่าจะมีอีก 2 ราย ที่เป็นเจ้าของรายการกีฬาในระดับโลก คือ ฟ็อกซ์ สปอร์ตส์ และ บีอิน สปอร์ตส์
 
ฟ็อกส์ สปอร์ตส์ นั้นเป็นเจ้าของรายการกีฬาที่มีเครือข่ายทั่วเอเชีย ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดรายการกีฬาหลากหลาย เช่น ฟุตบอล กอล์ฟ มอเตอร์สปอร์ต เทนนิส รักบี้ ออกอากาศไปและเพิ่งคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลบุนเดสลีกา 
 
ส่วนบีอิน สปอร์ตส์ (beIN Sports) เป็นเครือข่ายช่องกีฬา ที่มีสำนักข่าวอัลจาซีรา ของอาหรับเป็นเจ้าของ มีเครือข่ายออกอากาศทั่วโลก ในไทยนั้นทรูวิชั่นส์นำมาออกอากาศในช่อง บีอิน สปอร์ตส์ ให้กับลูกค้าบอกรับสมาชิก บีอิน สปอร์ตส์ ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกีฬาดังหลายรายการ เช่น ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เอฟเคคัพ และล่าสุดเพิ่งคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอล ลาลีก้า ของสเปน 
 
การคาดการณ์ว่า 1 ใน 4 ราย ใครจะคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดครั้งนี้ยังประเมินได้ยาก ซีทีเอช นั้นแม้ว่า 3 ฤดูกาลที่ผ่านมาจะทำได้ไม่ดี แต่ก็มีกระแสข่าวว่ามีกลุ่มทุนบางรายอัดฉีดเงินเพื่อคว้าลิขสิทธิ์ เพราะหากซีทีเอชไม่มีลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก โอกาสยืนอยู่ในธุรกิจนี้จะยิ่งยากลำบาก 
 
ส่วนทรูวิชั่นส์นั้น มีความพร้อมเรื่องของช่องทางในการเผยแพร่ ทั้ง ทีวีบอกรับสมาชิก ช่องฟรีทีวี ในระบบดิจิทัลทีวี โทรศัพท์มือถือ ออนไลน์ ต้องขึ้นอยู่กับ “ราคา” ที่ทรูวิชั่นส์จะรับได้แค่ไหน เนื่องจากต้องคำนึงถึงต้นทุนคอนเทนต์กีฬา ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของคอนเทนต์ทั้งหมดของทรู 
 
สำหรับฟ็อกซ์ สปอร์ตส์ และบีอิน สปอร์ตส์ เป็นเครือข่ายช่องรายการกีฬาระดับโลก มีความพร้อมในเรื่องของเงินทุน ช่วงหลังฟ็อกซ์หันมาเน้นกีฬาหลากหลาย มอเตอร์สปอร์ต แต่ก็ยังไม่ทิ้งฟุตบอล สวนบีอินเองก็ดูแล้วจะให้น้ำหนักกับฟุตบอล เพราะเพิ่งคว้าประมูลลาลีก้าไป
 
แหล่งข่าวกล่าวว่า การประมูลครั้งนี้คาดเดาได้ยาก สิ่งที่ EPL จะพิจารณาคือเรื่องของ “ราคา” เป็นหลัก แต่การประมูลครั้งนี้ก็อาจมีเรื่องของแบรนด์ด้วย เพราะเป็นเรื่องที่พรีเมียร์ลีกรู้สึกเป็นห่วง เนื่องจากจากการสำรวจของนิด้าโพลล์ เกี่ยวกับคนติดตามพรีเมียร์ของช่วง 3 ฤดูกาลที่ผ่านมาลดน้อยลงไปเยอะพอสมควร