ถึงเวลานี้คงไม่ต้องบอกแล้วว่า “คิทแคทชาเขียว” มีความฮอตมากมายขนาดไหนในประเทศไทย เพราะเชื่อว่าทุกครั้งที่ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น จะต้องมีชื่อคิทแคทชาเขียวบรรจุอยู่ในรายชื่อของฝากเป็นแน่ รวมทั้งทำให้เกิดธุรกิจรับพรีออเดอร์สินค้า รวมไปถึงรับหิ้วขึ้นอีกหลายรายในตลาด และมีราคาที่ค่อนข้างสูง
ในตอนนี้ คงไม่ต้องบินไปถึงญี่ปุ่นก็ได้ฟินกับคิทแคทชาเขียวแล้ว เพราะล่าสุดทาง “เนสท์เล่ไทย” ได้วางจำหน่ายคิทแคทชาเขียวในไทยอย่างเป็นทางการ ในราคาที่เข้าถึงได้สบายกระเป๋า
แต่ยังมีเรื่องราวอีกหลายอย่างกว่าที่คิทแคทชาเขียวจะเข้ามาอยู่บนเชล์ฟสินค้าได้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง มาทำความรู้จักกัน
1. คิทแคท วางจำหน่ายเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1935 หรือมีอายุ 80 ปีแล้ว
2. คิทแคทชาเขียวเป็นรสชาติที่ขายดีที่สุดอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น และเป็น Permanent Item หรือรสชาติถาวร ในขณะที่ในประเทศญี่ปุ่นมีรสชาติอื่นๆ หลากหลายหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
3. คิทแคทชาเขียวที่จำหน่ายในประเทศไทยไม่ได้นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น แต่เป็นการคิดค้นสูตรขึ้นมาใหม่ และทำการผลิตที่ประเทศ “มาเลเซีย” โดยปรับรสชาติ และวัตถุดิบให้ใกล้เคียงกับรสชาติดั่งเดิมมากที่สุด
4. ทางเนสท์เล่ไทยมีแผนที่จะนำเข้าคิทแคทชาเขียวมาหลายปีแล้ว แต่ติดที่ว่าเมื่อนำเข้ามาแล้ว “ราคา” ค่อนข้างสูง ทำให้ต้องไปทำการบ้าน R&D อยู่ 3 ปี เป็นการร่วมมือระหว่างทีมประเทศไทย, ญี่ปุ่น และมาเลเซีย เพื่อพัฒนาสูตรทั้งรสชาติ และราคาให้เข้ากับคนไทย และผลิตขึ้นที่มาเลเซีย ทำให้ได้ราคาที่คนไทยจับต้องได้
5. เมื่อต้นปีที่ผ่านมาทาง “อิออน (ไทยแลนด์)” ได้นำเข้าคิทแคทชาเขียวเข้ามาเพื่อจำหน่ายในห้าง “แม็กซ์แวลู” แต่จะเป็นเรตราคาจากญี่ปุ่น ซึ่งทางอิออนเป็นการนำเข้าผ่านทางดิสทริบิวเตอร์ ไม่ได้ผ่านทางเนสท์เล่ไทย
คิทแคทชาเขียวบนเชล์ฟวางสินค้าในแม็กซ์แวลู
6. ในการเปิดตัวคิทแคทชาเขียวในไทย ได้เลือก “อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ” เป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งต่อยอดมาจากคิทแคทรสดั่งเดิมที่อาเล็กได้เป็นพรีเซ็นเตอร์มาหลายปีแล้ว
7. ทางเนสท์เล่ไทยได้สร้างคาแร็กเตอร์ “โรบอทกรีนที” เป็นมาสคอตประจำคิทแคทชาเขียว เพื่อสื่อสารถึงความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชาเขียวยุคใหม่ รวมทั้งสื่อถึงความเป็นเทคโนโลยีแบบญี่ปุ่นด้วย
8. มีจำหน่าย 3 ขนาดด้วยกัน ได้แก่ ขนาด 17 กรัม ราคา 20 บาท, 35 กรัม ราคา 35 บาท และ 136 กรัม ราคา 115 บาท
9. เนสท์เล่ไทยตั้งเป้ารายได้จากคิทแคทชาเขียวในปีแรกราว 100 ล้านบาท จากรายได้รวมของคิทแคทกว่า 1,000 ล้านบาท และตั้งเป้ามีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 4-5% จากเดิมที่มี 15% จากตลาดรวมช็อกโกแลตบาร์มูลค่า 5,000 ล้านบาท
10. ใน 1 วินาที จะมีคนกินคิทแคทจำนวน 150 ชิ้นทั่วโลก และคิทแคทขนาด 4 แท่ง (35 กรัม) หรือเรียกว่า 4 Finger เป็นขนาดที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย