มอลต์โดนสกัด! ไทยเปิดตัว “ไมโล นมถั่วเหลือง” ที่แรกของโลก รับกระแสโปรตีนทางเลือก

เนสท์เล่ (ไทย) ส่ง “ไมโล นมถั่วเหลือง” หรือไมโลซอย ลงตลาดที่แรกของโลก ขอชิงแชร์ตลาดนมถั่วเหลืองกว่า 13,500 ล้าน รับกระแสโปรตีนทางเลือก พร้อมกับเด็กยุคใหม่แพ้นมวัวกันมากขึ้น

นมถั่วเหลือง ตลาดใหญ่กว่ามอลต์

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 นอกจากจะทำให้กำลังซื้อน้อยลง เศรษฐกิจแย่ การปิดโรงเรียน หรือนักเรียนต้องเรียนออนไลน์ ก็ส่งผลทำให้ตลาด “นมพร้อมดื่ม” หดตัวลงเช่นกัน ในปี 2564 มีมูลค่า 44,000 ล้านบาท หดตัว 7.5%

โดยในตลาด 44,000 ล้านนั้น แบ่งเป็น 4 เซ็กเมนต์ใหญ่ 50% นมวัวรสชาติต่างๆ 30% นมถั่วเหลือง 15% นมช็อกโกแลตมอลต์ และอีก 5% เป็นนมชนิดอื่นๆ

“ไมโล” เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดนมพร้อมดื่มกลุ่มนมช็อกโกแลตมอลต์ ในปีนี้เรียกว่าเป็นบิ๊กมูฟครั้งใหญ่ในรอบ 69 ปีที่ทำตลาดในไทย ได้เปิดตัว “ไมโล นมถั่วเหลือง” หวังขอแชร์ตลาดนมถั่วเหลืองที่ใหญ่กว่าตลาดนมช็อกโกแลตมอลต์เท่าตัวนึง

ไมโลนมถั่วเหลืองเป็นการรวมเอาคุณประโยชน์จากถั่วเหลือง และมอลต์สกัดจากข้าวบาร์เล่ย์เข้าไว้ด้วยกัน 1 กล่อง ให้โปรตีน 5,000 มิลลิกรัม จากถั่วเหลือง 100% ขนาด 180 มิลลิลิตร วางจำหน่ายในราคา 13 บาท

ไชยงค์ สกุลบริรักษ์ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์นม และโภชนาการ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เริ่มเล่าว่า

“ไมโล นมถั่วเหลืองได้ทำการวิจัยและพัฒนานานพอสมควรร่วม 2 ปี หาจุดที่ลงตัวที่สุด ทำให้อร่อยถูกปาก ทำให้ผ่านเกณฑ์ทางเลือกสุขภาพด้วย สอดคล้องกับเทรนด์ของผู้บริโภคที่มองหาโปรตีนจากพืช กระแสการมาชอง Plant-based ทั้งอาหาร และเครื่องดื่ม ซึ่งได้เปิดตัวที่ไทยเป็นประเทศแรก เพราะมองเห็นโอกาสในตลาดสูง ประเทศอื่นก็มองโอกาสในการขยายต่อไป”

รับกระแส Plant-based และเด็กแพ้นมวัว

นอกจากเทรนด์ของผู้บริโภคที่ต้องการโปรตีนจากพืชมากขึ้น ในยุคนี้เริ่มเห็นผู้บริโภคหลายคนแพ้นมวัวมากขึ้น หรือมีภาวะย่อยนมวัวไม่ดี มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ รวมถึงคนที่ทานวีแกนมากขึ้น ทำให้เป็นโอกาสที่กลุ่มนมถั่วเหลืองมีโอกาสเติบโต และเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่า

อีกทั้งตลาดนมถั่วเหลืองยังมีขนาดใหญ่ มีมูลค่าถึง 13,500 ล้านบาท โดยที่ตลาดนมช็อกโกแลตมอลต์มีขนาดเพียงแค่ 4,500 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมามีการหดตัว 2% ด้วย

เรียกว่าตลาดนมถั่วเหลืองยังมีศักยภาพในการเติบโต และมีตลาดใหญ่กว่า สามารถแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้น ก่อนหน้านี้ไมโลได้พยายามปรับสูตรเพื่อรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลีย่นแปลงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปรับสูตร ไม่มีน้ำตาลตาลทราย, น้ำตาลน้อยกว่า 30% ถือว่าเป็นการเปิดสูตรใหม่เป็นครั้งแรกของโลกเช่นกัน

แต่กลุ่มเป้าหมายหลักของไมโลส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเด็กอายุ 6-12 ปี การทำการตลาดส่วนใหญ่จะเจาะไปที่กลุ่มแม่ ครั้งนี้ได้เลือก “กบ สุวนันท์” และลูกๆ เป็นพรีเซ็นเตอร์

ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในวงการนมพร้อมดื่ม จากไมโลที่เป็นนมในตำนาน แตกไลน์สู่โปรตีนทางเลือก เพราะยุคนี้เป็นยุคของผู้บริโภคในการเลือกทานของจริง