หรือ “ซัมซุง” จะเป็นผู้เล่นรายใหม่ของวงการรถยนต์?

สำนักงานข่าวรอยเตอร์เผยแนวโน้มบริษัทยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้อย่าง “ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์” ว่า อาจมีโอกาสลงสนามแข่งขันในเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์บ้างแล้ว หลังจากปล่อยให้บริษัทอื่นๆ แซงหน้ากันไปก่อนนานพอสมควร
 
อาจกล่าวได้ว่า ยุคนี้เป็นยุคที่อุตสาหกรรมยานยนต์กับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีความเชื่อมโยงกันสูงมากที่สุดยุคหนึ่งก็ว่าได้ โดยจะเห็นได้จากชื่อของแอปเปิล (Apple) กูเกิล (Google) กลายเป็นชื่อที่คุ้นเคยไปเสียแล้วสำหรับข่าวสารจากแวดวงยานยนต์ แต่การบุกเข้าตลาดยานยนต์ไม่ได้มีเพียงแต่ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่แห่งโลกเทคโนโลยีเท่านั้น ยังมีแอลจี (LG) จากเกาหลีใต้ เพื่อนร่วมชาติของซัมซุง ที่จับมือกับค่ายเจนเนรัล มอเตอร์ส (General Motors) ในการเป็นซัปพลายเออร์รายหลัก หรือ Nvidia ที่ออกมาประกาศว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าจะมีชิปของ Nvidia ทำงานอยู่ในรถยนต์มากกว่า 30 ล้านคันด้วย
 
จากข้อมูลของ Thomson Reuters IP & Science ระบุว่า ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนยักษ์ใหญ่รายนี้เองก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งสองในสามของสิทธิบัตร (1,804 สิทธิบัตร) ที่ซัมซุงมีอยู่นั้นเป็นสิทธิบัตรที่จดในสหรัฐอเมริกา และมีความเชื่อมโยงกับสินค้าประเภทยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า จึงเป็นไปได้ว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ ซัมซุง อาจเปิดตัวเทคโนโลยีสำหรับยานยนต์ของทางค่ายนั่นเอง
 
อย่างไรก็ดี จำนวนสิทธิบัตรเหล่านั้นที่ Thomson Reuters IP & Science รวบรวมมา และรายงานผ่านสำนักข่าวรอยเตอร์นั้นเป็นสิทธิบัตรเฉพาะในช่วงปี ค.ศ.2010-2013 เท่านั้น ส่วนสิทธิบัตรหลังจากปี 2013 ไม่ได้มีการรวมเอาไว้ในรายงานแต่อย่างใด และทางซัมซุงก็ออกมาปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับประเด็นนี้แล้วด้วย
 
เป็นที่ทราบกันดีว่า บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในปัจจุบันกำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถผสานความสามารถของสมาร์ทโฟนเข้ากับระบบสารสนเทศ และระบบเอนเตอร์เทนเมนต์ของตัวรถยนต์กันอย่างเต็มที่ เราจึงมักได้เห็นการจับมือของค่ายผู้ผลิตรถยนต์ กับบริษัทเทคโนโลยีในการพัฒนาระบบดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง ซึ่ง โดมินิค บอนท์ นักวิเคราะห์จาก ABI Research ได้ประมาณการณ์ไว้ว่า ตลาดดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 500,000 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว 
 
อีกทั้งภาวะตลาดอิ่มตัวที่เกิดกับวงการสมาร์ทโฟน ทีวี และคอมพิวเตอร์ได้ทำให้ค่ายผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยีต้องมองหาตลาดใหม่ๆ แทนการนอนรอความหายนะที่ใกล้เข้ามา
 
“เทรนด์ในตอนนี้มี 2 ข้อ หนึ่งคือ รถยนต์จะกลายเป็นอุปกรณ์ตัวใหม่ที่รองรับการเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ และสอง ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เชื่อมต่อครั้งนี้สำเร็จลุล่วง” บอนท์ กล่าว