“บีอิน”คว้าลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก จับตาทุนต่างชาติชิงคอนเท้นต์กีฬาดัง เขย่าทีวีไทย

ประกาศผลผู้ชนะประมูล ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (EPL) อังกฤษ ฤดูกาลหน้า ปี 2016/2017, 2017/2018 และ 2018/2019  ในประเทศไทย, ลาว และกัมพูชาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผลปรากฎว่า บีอิน สปอร์ตส์ (beIN Sports) คว้าชัยชนะในการประมูลไปด้วยเม็ดเงิน  300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณกว่าหมื่นล้านบาท เฉือนเอาชนะผู้ประมูลอีก 3 ราย คือ ทรูวิชั่นส์  ซีทีเอช  และฟ็อกซ์ สปอร์ตส์  แต่ยังน้อยกว่าสมัยที่ ซีทีเอช ประมูลได้ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ
 
นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมา ที่ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด EPL ในไทย ต้องตกไปอยู่ในมือของกลุ่มทุนต่างชาติ หลังจากลิขสิทธิ์เคยอยู่กับผู้ประกอบการเพย์ทีวีของไทย อย่าง “ทรูวิชั่นส์” มาเป็นเวลานานสิบกว่าปี นับตั้งแต่มีการผนวกกิจการระหว่าง ยูบีซี (ทรูวิชั่นส์เดิม) และไอบีซี (อดีตบริษัทเพย์ทีวีของกลุ่มชินคอร์ป) 
 
จนเมื่อการประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด พรีเมียร์ลีก อังกฤษครั้งที่แล้ว คือ  2513/2514, 2514/2515 และ2515/2516  ลิขสิทธิ์ได้ถูกเปลี่ยนมือไปให้กับ “ซีทีเอช” เพย์ทีวี ของ“วิชัย ทองแตง” ที่หวังแจ้งเกิดโดยเร็ว จึงยอมทุ่มเงินเกือบหมื่นล้านบาท  เพื่อคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกอังกฤษ  สูงเป็นประวัติการณ์ สูงกว่าที่ทรูวิชั่นส์เคยประมูลครั้งที่แล้ว 2,000 ล้านบาท งแต่หลังจากคว้าลิขสิทธิ์มาแล้ว ซีทีเอช กลับประสบปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินงาน ทั้งระบบหลังบ้าน การติดตั้ง และการเก็บเงิน จนทำให้มีผลขาดทุนต่อเนื่องมาตลอด 
 
ในการประมูลรอบนี้ ซีทีเอช เป็นผู้ที่เสนอราคารองมาจากบีอิน การพลาดหวังจากการประมูลรอบนี้ ทำให้ซีทีเอชต้องเผชิญกับแรงกดดันมากยิ่งขึ้น เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ที่ได้มาล้วนมาจาก พรีเมียร์ลีก แม้ว่า ซีทีเอชคอนเท้นต์กีฬาอื่นๆ เช่น ฟุตบอลยูโร 2016 มาแล้วก็ตาม แต่การไม่ได้พรีเมียร์ลีก อักงฤษ ยังเป็นเรื่องใหญ่สำหรับซีทีเอชอยู่ดี ซีทีเอช จึงต้องพยายามวิ่งหาคอนเท้นท์ กลุ่มบันเทิง, รายการเด็ก และข่าวเข้ามาเสริม
 
สำหรับ บีอิน สปอร์ตส์ (beIN  Sports) นั้นเป็นสถานีกีฬาที่มีสำนักข่าวอัลจาซีราสหรัฐ อาหรับ เอมิเรตส์เป็นเจ้าของ มีเครือข่ายออกอากาศทั่วโลก  ทั้งในยุโรป ฝรั่งเศส สเปน ตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา รวมทั้งเอเชีย ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไทย นับเป็นเครือข่ายสถานีกีฬาที่กำลังมาแรง เพราะมีฐานเงินทุนแน่นหนา ช่วงหลังไปประมูลคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกีฬาดังหลายรายการ เช่น ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เอฟเคคัพ และเมื่อเร็วๆนี้ เพิ่งคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอล ลาลีก้าของสเปนมาได้
 
มีการจับตามองว่า ปัจจุบัน “บีอิน”  ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในธุรกิจโทรทัศน์ของไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเต็มตัวแล้ว ในสถานการณ์ที่รายการกีฬากำลังขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ
 
ในไทยนั้น บีอิน เป็นพันธมิตรกับทรูวิชั่นส์ มีช่องบีอินสปอร์ต สปอร์ต 1 เอชดี ทรูวิชั่นส์ 676 และบีอิน ยังได้ขายลิขสิทธิ์ลาลีกา สเปน และยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก ให้กับทรู  ดังนั้นทรูวิชั่นส์เองเมื่อพลาดหวังจากการประมูลแล้ว ก็คาดหวังว่าจะได้เป็นพันธมิตรกับบีอินในการถ่ายทอดพรีเมียร์ลีก อังกฤษด้วย 
 
สำหรับ ทรูวิชั่นส์ การพลาดหวังจากการประมูลรอบนี้ อาจไม่สะเทือนเท่ากับ ซีทีเอช  เพราะทรูวิชันส์เองได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การมีคอนเทนต์ที่หลากหลายพอจะดึงลูกค้าเอาไว้ แม้จะไม่มีพรีเมียร์ลีก อยู่ในมือก็ตาม  ซึ่งเวลานี้ ทรูวิชั่นส์ได้ต่อสัญญาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกไปอีกถึง 4 ปี  และลิขสิทธิ์รายการกีฬาอื่นๆ มาเสริม และที่สำคัญโอกาสที่จะได้เป็นพันธมิตรกับบีอิน ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกก็มีอยู่มาก 
 
จับตาลิขสิทธิ์ตกอยู่ในมือทุนต่างชาติ
 
เว็บไซต์ www.mediabusinessasia.com ยังได้ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การประมูลพรีเมียร์ลีก อังกฤษครั้งนี้ สะท้อนถึงกระแสที่กำลังเกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศ ที่กลุ่มทุนจากต่างชาติได้เข้าไปแข่งขันกับบริษัทท้องถิ่นของประเทศต่างๆ เพื่อแย่งซื้อสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาอยู่ในมืออย่าง ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, สิงคโปร์, เวียดนาม, อินเดีย และอินโดนีเซีย ก็อาจจะเป็นไปในทิศทางนี้เช่นเดียวกัน
 
นอกจากไทยแล้ว บีอิน คว้าลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไปด้วยราคา 10 ล้านเหรียญ ลดลงจากราคาประมูลครั้งก่อนนิดหน่อย 
 
ส่วนประเทศมาเลเซียนั้นทาง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้เลื่อนการประมูลไปอยู่ในรอบที่ 3 ด้วยความหวังว่าจะสามารถดึงราคาให้สูงขึ้นได้บ้าง ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจของมาเลเซียอยู่ในช่วงที่ไม่ค่อยดีนัก โดยบริษัทเพย์ทีวี Astro คือตัวเต็งที่จะคว้าสิทธิ์ไป แต่ก็ประมาท BeInและ TM ที่พร้อมทุ่มเงินเพื่อคว้าสิทธิ์มาได้เช่นเดียวกัน