ไม่ได้มาเล่นๆ ! อิออน เตรียมเปิดศูนย์การค้ากลางเมือง ท้ารบ 3 ห้างฯ ดัง สยามพารากอน-เซ็นทรัล-เอ็มโพเรียม

กำลังเป็น “ผู้เล่น” อีกรายในศึกค้าปลีกที่ต้องจับตา เมื่อ อิออน (ประเทศไทย) ประกาศแผนดำเนินธุรกิจในไทย ในปี 2559-2563  เตรียมอัดฉีดงบ 1 หมื่นล้านบาท ลงทุนค้าปลีก 3 โมเดลหลัก คราวนี้ขยับจาก ซูเปอร์มาร์เก็ต แม็กซ์แวลลู ไปสู่ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมือง เพื่อแข่งขันกับ ห้างสยามพารากอน, เซ็นทรัลเวิลด์ รวมไปถึง ดิ เอ็มโพเรียม
 
1. โมเดลซูเปอร์มาร์เก็ต ภายใต้แบรนด์ “แม็กซ์แวลู”
 
ขยาย 10 สาขา/ปี จากปัจจุบันมีสาขารวมอยู่ที่ 80 สาขา แบ่งเป็นสาขาขนาดใหญ่ หรือ “แม็กซ์แวลู” 32 สาขา และสาขาขนาดเล็กคือ “แม็กซ์แวลู ทันใจ” 48 สาขา 
 
ในการขยายสาขาในปี 2559 สำหรับซูเปอร์มาร์เก็ต “แม็กซ์แวลู” ขนาดใหญ่ คาดว่าจะเปิดประมาณ 3 สาขา ใช้งบลงทุนรวม 50 ล้านบาท ส่วนสาขาขนาดเล็กคือ “แม็กซ์แวลู ทันใจ” จะขยายเพิ่มประมาณ 5 สาขา ใช้งบลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท
 
2. โมเดล ชอปปิ้งเซ็นเตอร์ ขนาดใหญ่ใจกลางเมือง
 
เตรียมเปิดช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ บนพื้นที่ 2-3 แสน ตร.ม. โดยยกต้นแบบจากประเทศญี่ปุ่นมาเปิดในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เน้นทำเลใจกลางเมืองเพื่อให้สามารถแข่งขันกับศูนย์การค้าใจกลางเมืองของไทย อย่าง สยามพารากอน, เซ็นทรัลเวิลด์ รวมไปถึง ดิ เอ็มโพเรียม เป็นต้น
 
โดยงบประมาณลงทุนเปิดชอปปิ้งเซ็นเตอร์ดังกล่าวคาดว่าใช้ประมาณ 6 พันล้านบาท วางแผนจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2561 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหาทำเลที่เหมาะสมในการทำโครงการ
 
3. โมเดล “สเปเชียลตี้ชอป
 
เน้นเปิดร้านที่ยังไม่เคยมีในเมืองไทย โดยนำแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในญี่ปุ่นมาเปิดที่ไทย เช่น ร้านจักรยาน, ดรักสโตร์, ร้านเครื่องสำอาง และร้านอาหารสัตว์ เป็นต้น เบื้องต้นจะทดลองนำ 2 แบรนด์มาเปิดในไทยก่อนภายในปี 2560 ประมาณ 3-4 สาขา หากประสบความสำเร็จมีโอกาสที่จะขยายเพิ่มเป็น 20 สาขาต่อแบรนด์ต่อปี พร้อมกับนำแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาเปิดมากขึ้น
 
ระดมทุนตลาดหุ้นไทย
 
ภายในปี 2563 อิออนฯยังได้วางแผนที่จะนำ บริษัท อิออน (ประเทศไทย) จำกัด เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในประเทศไทย เพื่อระดมทุนจำนวน 6 พันล้านบาท นำมาใช้ขยายธุรกิจศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในไทยมากขึ้น โดยเป้าหมายภายในปี 2573 จะเปิดชอปปิ้งเซ็นเตอร์ให้ครบ 20 ศูนย์
 
อีก 4 ปี รายได้แตะ 2 หมื่นล้านปี
 
จากการบุกขยายค้าปลีกทั้ง 3 โมเดล  อิออนฯ คาดว่าภายในปี 2563 อิออน ประเทศไทย จะมียอดขายรวมอยู่ที่กว่า 2 หมื่นล้านบาท (ยอดขายเฉพาะซูเปอร์มาร์เกต) หรือเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าตัวจากยอดขายปี 2558 ที่มีประมาณ 7 พันล้านบาท สิ้นปี 2559 คาดว่าจะมียอดขายรวม 7.7 พันล้านบาท 
 
ปั้นเฮาส์แบรนด์ “ท็อปแวลู”ส่งขายทั่วโลก
 
นอกจากธุรกิจค้าปลีกแล้ว อิออนฯ ยังมีสินค้าเฮาส์แบรนด์อย่าง “ท็อปแวลู” เป็นตัวทำรายได้ โดยใช้ไทยเป็นฐานการผลิตและส่งไปขายที่อิออนญี่ปุ่นและทั่วโลกด้วย เช่น แชมพู, สบู่เหลว, แปรงสีฟัน, ชั้นวางอเนกประสงค์, ข้าวโพดกระป๋อง, ปลากระป๋อง, สินค้าประเภทพลาสติก เป็นต้น รวมทั้งผลิตกลุ่มสินค้าผ้ายืด เช่น เสื้อยืด, ถุงเท้า และผ้าขนหนู ขายในไทย และส่งออกไปกัมพูชา       
 
ฐานการผลิตในประเทศไทยปัจจุบันทำรายได้รวมอยู่ที่ 3.45 พันล้านบาท แบ่งเป็นยอดจำหน่ายในประเทศ 150 ล้านบาท และส่งออกอีก 3.3 พันล้านบาท 
 
ภายในปี 2563 รายได้จากเฮาส์แบรนด์ “ท็อปแวลู” จะอยู่ที่ 5 ล้านล้านเยนจากปัจจุบันมียอดขายทั่วโลกที่ 8 หมื่นล้านเยน โดยบริษัทฯ เชื่อว่า “ท็อปแวลู” จะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของไพรเวตแบรนด์ของเอเชียด้วยเช่นกัน
 
ผ่า 3 โมเดลค้าปลีก อิออน
 
โมเดล แบรนด์ จำนวนสาขาปัจจุบัน ขยายเพิ่ม
ซูเปอร์มาร์เก็ต แม็กซ์แวลู 80 สาขา 10 สาขา/ปี
ชอปปิ้งเซ็นเตอร์ใจกลางเมือง (ขนาด 2-3 แสนตรม.) อิออน อยู่ระหว่างหาทำเลใจกลางเมือง เตรียมเปิดปี 2561
สเปเชียลตี้ชอป (จักรยาน, ดรักสโตร์, เครื่องสำอาง) ทดลองก่อน2 แบรนด์ เตรียมเปิด 3-4 สาขา ปี 2560
ที่มา : manager.co.th/iBizChannel