ถือว่าขึ้นเป็นปีที่ 3 แล้วที่ “วีต้าเบอร์รี่” จากค่ายเซเรบอสได้เลือกใช้ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” เป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งในช่วงแรกๆ ก็เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์อยู่เหมือนกัน เพราะเป็นการปรับการสื่อสารครั้งยิ่งใหญ่ของวีต้าเบอร์รี่เลยก็ว่าได้ จากที่เคยใช้พรีเซ็นเตอร์ผู้หญิงมาโดยตลอด
ความสำเร็จของการใช้ณเดชน์เป็นพรีเซ็นเตอร์นั้นจากปากของ “บุญเลิศ สุขเสริมทรัพย์” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด ได้เล่าให้ฟังว่า นอกจากการสร้างการรับรู้ได้มากขึ้น แมสขึ้น ความสำคัญอยู่ที่การขยายฐานลูกค้ามากกว่า ซึ่งจะได้ลูกค้า Unisex และเป็นวัยทำงานมากขึ้น จากเดิมที่ฐานลูกค้าเป็นกลุ่มผู้หญิง ภาพของณเดชน์ทำให้ผู้ชายกล้าดื่มขึ้น
รวมไปถึงการทำการตลาดด้วย “ไลฟ์สไตล์” ที่เน้นการสื่อสารด้วยอินไซต์ไลฟ์สไตล์จริงๆ ของผู้บริโภคก็คือการ “ติดสมาร์ทโฟน” ที่มีการใช้ดวงตาเพ่งตลอดทั้งวัน ที่มีการออกแคมเปญใหญ่ “7.2 ชั่วโมง” เมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้การสื่อสารเหล่านี้ใกล้ตัวผู้บริโภคมากขึ้น
“สิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากแบรนด์อื่นก็คือแบรนด์อื่นสื่อสารแต่เรื่องประโยชน์ของสินค้า แต่ของเราพูดในเรื่องไลฟ์สไตล์ มีการเปลี่ยนวิธีพูดเท่านั้นเอง จากเดิมที่มีการเน้นเรื่องการใช้สายตามาตลอด แต่ 2-3 ปีมานี้เรามาพูดเรื่องการใช้จอในแต่ละวันของแต่ละคน ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจง่าย มีการเอาสถิติมาพูด สามารถกระตุ้นให้คนเริ่มตระหนักถึงการใช้ดวงตามากขึ้น ถือว่าเราวางโพซิชั่นมาถูกทาง และเป็น First Move เรื่องสายตาด้วย”
ในปีนี้วีต้าเบอร์รี่เลยตอกย้ำแคมเปญเดิมมาเป็น “ได้เวลาฟังเสียงดวงตา โดยวีต้าเบอร์รี่” พร้อมทั้งปั้นคาแรคเตอร์ “น้องตาต้า” มาเป็นตัวแทนสะท้อนเสียงจากดวงตา โดยใช้งบการตลาดรวม 50 ล้านบาท ยังคงเน้นในส่วนของสื่อโฆษณา และสื่อนอกบ้าน แต่จะให้น้ำหนักในสื่ออนไลน์มากขึ้นเป็น 10% มากขึ้น จากเดิมที่ใช้ 7-8%
โดยที่มีการตั้งเป้าการเติบโตของบริษัทที่ 10% และตลาดน้ำผลไม้สกัดเข้มข้นก็เติบโตเฉลี่ย 10% เช่นกัน