Google ออกแว่น VR ที่ไม่พึ่งสมาร์ทโฟนหรือพีซี

ปัจจุบัน แว่นสำหรับชมภาพเสมือนจริง หรือ VR Headset นั้นมีข้อจำกัดให้ผู้ใช้ต้องติดสมาร์ทโฟนทั้งเครื่องเข้ากับแว่นแล้วจึงสวมศีรษะ แต่รายงานล่าสุดระบุว่า กูเกิล (Google) จะพัฒนาแว่น VR พันธุ์ใหม่ที่ไม่ต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ใดๆ เพื่อให้ผู้ใช้ได้ชมภาพ 3 มิติเสมือนจริงผ่านแว่น VR ของกูเกิลได้สะดวกที่สุดในอนาคต
 
รายงานจากสำนักข่าววอลสตรีท เจอร์นอล ระบุว่า แว่น VR รุ่นใหม่จากเจ้าพ่ออินเทอร์เน็ตจะถูกเปิดตัวภายในปีนี้ โดยแว่นดังกล่าวจะไม่ต้องการพลังประมวลผลของสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์พีซีอย่างที่เป็นในแว่น VR ของหลายบริษัท
 
รายงานของ WSJ ตรงกับรายงานของไฟแนนเชียล ไทมส์ (Financial Times) ที่ระบุว่า กูเกิลจะเปิดตัวแว่น VR ซึ่งจะเป็นคู่แข่งของ Samsung Gear VR ในอนาคตอันใกล้ จุดนี้มีการวิเคราะห์ว่าเวทีงานประชุมนักพัฒนา Google I/O ในเดือนพฤษภาคม อาจเป็นช่วงเวลาที่กูเกิลนำแว่น VR รุ่นใหม่มาโชว์ตัว
 
รายงานจาก WSJ ยังเผยรายละเอียดว่า แว่น VR ของกูเกิลจะติดตั้งชิปจิ๋วประสิทธิภาพสูงจากบริษัท Movidius ซึ่งจะขับเคลื่อนระบบภายในอุปกรณ์สวมศีรษะ และเทคโนโลยีตรวจจับความเคลื่อนไหวของศีรษะผู้ใช้เมื่อสวมใส่ผ่านกล้องภายนอก ทั้งหมดนี้ทำให้แว่น VR ของกูเกิลไม่ต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟน
 
ข่าวลือนี้ค่อนข้างมีน้ำหนัก เนื่องจากบริษัท Movidius เพิ่งประกาศความร่วมมือกับกูเกิลเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาในการพัฒนาชิป Myriad 2 ซึ่งจะถูกนำไปติดตั้งในอุปกรณ์อัจฉริยะ แต่สามารถประหยัดพลังงานเป็นเลิศ
 
 
ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับธุรกิจแว่น VR ของกูเกิลนี้สะท้อนว่า เจ้าพ่ออินเทอร์เน็ตมีความก้าวหน้าด้านการพัฒนาอุปกรณ์ virtual reality สำหรับผู้บริโภคทั่วไปอย่างก้าวกระโดดอีกครั้ง หลังจากที่ผ่านมา กูเกิลเคยเปิดตัวโครงการทดลอง “การ์ดบอร์ด” (Cardboard) ในรูปแว่น VR ที่ใช้กระดาษแข็งพับเป็นรูปอุปกรณ์สวมศีรษะ และโปรเจกต์แทงโก้ (Project Tango) เทคโนโลยีที่ถอดแบบเครื่องเกม Kinect ของไมโครซอฟท์ (Microsoft) ซึ่งระบบจะสามารถรับรู้ได้ว่าผู้เล่นกำลังทำท่าทางใด ก่อนจะแสดงภาพการโต้ตอบนั้นบนหน้าจอ ทำให้ผู้เล่นรู้สึกสนุกสนานพร้อมกับได้ออกกำลังกายในตัว ทั้งหมดล้วนจุดประกายให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ และผู้สร้างวิดีโอ VR ได้ตื่นตัว และลงมือพัฒนาตัวเองเพื่อเปิดตลาดไปพร้อมกัน
 
สำหรับการ์ดบอร์ด กูเกิลเปิดเผยว่า ได้จัดส่งอุปกรณ์ชมภาพ VR จากกระดาษแข็งมากกว่า 5 ล้านชิ้นแล้ว และมีผู้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Cardboard ลงในสมาร์ทโฟนสำหรับใช้กับแว่นมากกว่า 25 ล้านครั้ง ทั้งหมดนี้ถือเป็นสถิติน่าสนใจที่เกิดขึ้นในเวลา 1 ปีครึ่งเท่านั้น