ชายผู้ทำให้สโลแกน “Intel inside” ของอินเทลเป็นที่รู้จักทั่วโลกอย่างแอนดี้ โกรฟ (Andy Grove) เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 79 ปี เบื้องต้น สาเหตุการเสียชีวิตยังไม่มีการเปิดเผย แม้จะเป็นที่รู้กันว่าอดีตซีอีโอชื่อก้องโลกป่วยเป็นโรคพาร์คินสันมานานเกิน 10 ปี
ตามประวัติ แอนดี้ โกรฟ หรือแอนดรูว์ สตีเฟน โกรฟ เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายยิวฮังการีซึ่งผันตัวเองจากพนักงานยุคเริ่มแรกของบริษัทอินเทล มาเป็นซีอีโอ และประธานบริษัทผู้มีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จของอินเทล
ประวัติจากวิกิพีเดียระบุว่า โกรฟ เกิดในครอบครัวชาวยิวชนชั้นกลางที่กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ในปี ค.ศ.1956 ระหว่างเกิดการปฏิวัติฮังการี โกรฟได้หนีออกจากบ้าน และเดินทางอพยพมาสหรัฐอเมริกา ในวัย 20 ปี เขาเดินทางถึงนิวยอร์ก ในปี 1957 และเข้าศึกษาวิศวกรรมเคมีที่วิทยาลัยแห่งเมืองนิวยอร์ก และจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ในปี 1963
โกรฟ เข้าทำงานที่บริษัทแฟร์ไชลด์ เซมิคอนดักเตอร์ จากนั้นเข้าทำงานที่อินเทล เป็นพนักงานคนที่ 3 ต่อจากโรเบิร์ต นอยซ์ และกอร์ดอน มัวร์ สองผู้ก่อตั้ง [1] เขาดำรงตำแหน่งประธานบริษัทในปี 1979 ตำแหน่งซีอีโอในปี 1987 และประธานกรรมการบริษัทควบกับซีอีโอในปี 1997 เขาออกจากตำแหน่งซีอีโอในปี 1998 แต่ยังคงเป็นประธานกรรมการบริษัทจนถึงปี 2004 ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโส
โกรฟ เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนโฉมหน้าบริษัทอินเทล จากบริษัทผู้ผลิตเมมโมรีชิป เป็นบริษัทผู้ผลิตไมโครโพรเซสเซอร์ที่มีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรม ในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งซีอีโอ บริษัทอินเทลมียอดขายเติบโตขึ้นถึง 4500% จาก 4 พันล้านเหรียญ เป็น 197 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้บริษัทกลายเป็นบริษัททีมีมูลค่าสูงที่สุดในโลกในขณะนั้น
อีกเรื่องราวที่ทำให้แอนดี้ โกรฟ เป็นที่รู้จักคือ การเป็นผู้เอ่ยปากเตือนใจให้สตีฟ จ็อบส์ ซีอีโอแอปเปิลกลับมารับตำแหน่งอีกครั้งในปี 1997 โดยชีวประวัติผู้ก่อตั้งแอปเปิลที่วอลเตอร์ ไอแซคสัน เขียนนั้นระบุไว้ชัดเจนว่า โกรฟ คือผู้บอกให้จ็อบส์ กลับไปรับผิดชอบความเป็นไปของแอปเปิล
ข้อมูลระบุว่า โกรฟ มีบุตร จำนวน 2 คน กับภรรยา “อีวา” (Eva) ท่ามกลางหลานอีก 8 คน คาดว่าการเสียชีวิตครั้งนี้จะทำให้หนังสือที่โกรฟเขียนขึ้นด้านการจัดการอย่าง High-Output Management และ Only the Paranoid Survive กลับมาเป็นที่สนใจมากขึ้น
