สหพัฒน์ ปรับโลจิสติกส์ เร่งปั๊มรายได้ช่องทางจำหน่าย

นอกจากแผนของ “สหพัฒนพิบูล” ในการปรับกลยุทธ์ของสินค้าภายในเครือ เพื่อสู้ศึกกับพิษเศรษฐกิจในช่วง 1-2 ปีมานี้แล้วนั้น โดยที่ในปี 2558 สหพัฒน์มีรายได้ 29,022 ล้านบาท มีการเติบโต 9.74% และมีกำไรสุทธิ 1,300 ล้านบาท
 
ไฮไลท์หลักของของสหพัฒน์ในปีนี้จะเน้น 2 เรื่องด้วยกันคือระบบโลจิสติกส์ และช่องทางการจัดจำหน่าย ที่ทางสหพัฒน์เชื่อว่าจะสร้างการเติบโตให้บริษัทได้ การพัฒนาระบบโลจิสติกส์เป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสินค้า จะทำให้กระบวนการในการส่งสินค้าไวขึ้นจาก 4-5 วัน เป็น 1-2 วัน ในปีนี้ได้มีการเจรจากับพันธมิตรด้านโลจิสติกส์เพิ่มเติม ซึ่งทางกลุ่มสหพัฒน์ได้ร่วมลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์กับบริษัท SEINO HOLDINGS จากประเทศญี่ปุ่น โดยมีการตั้งบริษัทร่วมทุน ชื่อ เส-นอร์ สหโลจิสติกส์ เมื่อหลายปีมาแล้ว เพื่อดำเนินธุรกิจขนส่งสินค้าของกลุ่มสหพัฒน์ และสินค้านอกเครือสหพัฒน์ไปยังต่างประเทศ
 
และอีกไฮไลท์สำคัญก็คือพัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายเพื่อปั๊มรายได้จากส่วนนี้ให้มากขึ้นด้วย รองรับลูกค้านอกเครือที่จะมาให้ทางสหพัฒน์จัดจำหน่าย จากที่ปัจจุบันสหพัฒน์มีสินค้าที่ทำการจัดจำหน่ายเกือบ 100 แบรนด์ แบ่งเป็นสินค้าในเครือ 80% และสินค้านอกเครือ 20% โดยที่สินค้านอกเครือมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ปีนี้ได้ตั้งเป้าสัดส่วนของสินค้านอกเครือเป็น 24% เพราะด้วยเป้าหมายสำคัญก็คือการขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งด้านการจัดจำหน่าย
 
ควบคู่ไปกับการลงทุนขยายศูนย์กระจายสินค้าตอนนี้มีศูนย์หลักอยู่ที่ศรีราชา และเพิ่งมีที่กรุงเทพฯได้ปีกว่า จากนั้นจะเริ่มขยายไปยังภูมิภาคต่างๆ ได้แก่ ขอนแก่น เชียงใหม่ และโคราช และมีศูนย์กระจายย่อยที่เป็นหน่วยรถอีก 71 ศูนย์ จำนวน 1,246 คัน
 
บุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปี 2558 เราค่อนข้างลำบากกันพอสมควร เพราะเศรษฐกิจในประเทศยังไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่ก็ค่อยๆ ฟื้นจากปี 57 ทำให้เราต้องทำหลายอย่างเพื่อดิ้นรนในการเติบโต ถือว่าท้าทายมากต้องปรับกลยุทธ์กันทุกไตรมาส ต้องปรับให้ทันตลาด และทันคู่แข่ง ปีนี้จึงต้องลงทุนด้านโลจิสติกส์ และช่องทางจัดจำหน่ายมากขึ้นเพื่อให้มีความแข็งแกร่ง เพื่อให้ลูกค้านอกเครือมั่นใจในการให้สหพัฒน์จำหน่ายให้ เห็นได้ชัดจากปีนี้เราได้สินค้านอกเครืออย่างสินค้าน้ำตาลเข้ามา ทำให้เรามีการเติบโตดี”
 
 
ส่วนกลยุทธ์ของสินค้าในเครือจะมีการออกสินค้าใหม่ในกลุ่ม Personal Care จะมีสินค้าเพิ่มเข้ามาแต่อยู่ในแบรนด์เดิม โดยที่อาจจะใช้งบลงทุนราว 0.5% ของยอดขาย หรือหลักหลายร้อยล้านบาท แต่ยังไม่เปิดเผยว่าเป็นแบรนด์ไหน
 
และในส่วนของช่องทางอีคอมเมิร์ซที่ได้เริ่มไม่นาน ในปีที่แล้วมีรายได้ 50 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้ามีรายได้ 100 ล้านบาท
 
ภาพรวมในปีนี้สหพัฒน์ได้ตั้งเป้ารายได้ 32,000 ล้านบาท หรือเติบโต 10% ซึ่งในช่วง 2 เดือนตั้งแต่เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์มีการเติบโตจากปีก่อน 17%