Direct Print อาวุธตัวฉกาจของ HP

เมื่อกล่าวถึงเครื่องพิมพ์ในระบบ direct print แล้ว HP ถือได้ว่าเป็นผู้นำทั้งในด้านเทคโนโลยี โดยเป็นรายแรกที่นำระบบ digital multimedia card slot เข้ามาใส่ไว้ในพรินเตอร์ และเป็นผู้นำในแง่ของความหลากหลายของรุ่นพรินเตอร์ ที่มีมากที่สุดในตลาดขณะนี้ โดยปัจจุบัน HP มีส่วนแบ่งตลาดในส่วนของพรินเตอร์ที่มี digital multimedia card slot ถึง 60-70%

กฤษณ์ กิตติทัตต์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ภาพและการพิมพ์ บริษัท Hewlett-Packard (Thailand) Ltd. กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าแนวคิดการทำ direct photo printing มาจากการเติบโตของตลาดกล้องดิจิตอล ซึ่งตลาดสมัยก่อน คนใช้กล้องดิจิตอลต้องโหลดรูปเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อน แล้วถึงจะมาผ่านพรินเตอร์ แต่กล้องดิจิตอลมีการเติบโตที่รวดเร็ว HP จึงมองว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ใช้สะดวก ง่ายต่อการใช้งาน ลูกค้าสามารถพิมพ์ได้ทันที นั่นเป็นโจทย์ของ HP ที่จะต้องคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ตอบสนองผู้ใช้งาน

วัตถุประสงค์ของการสร้าง direct photo printer ก็เพื่อจะเป็น personal lab คุณภาพดี ซึ่งสิ่งที่ HP พยายามใส่เข้าไปในเครื่องพรินเตอร์ประเภทนี้ นอกจากคุณภาพสีในระดับ 72 ล้านสีแล้วยังได้ใส่ฟีเจอร์ photo prove sheet ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับไปล้างอัดภาพที่ร้าน lab สีมืออาชีพ ทำให้ผู้ใช้ได้อารมณ์ของการเป็น personal photo lab จริงๆ ซึ่งเป็นความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ HP มีให้กับลูกค้า

แต่ในภาพใหญ่ของ HP แล้วไม่ได้ตั้งขอบเขตไว้เพียงแค่การเป็น personal lab เท่านั้น แต่ต้องการนำเอาเทคโนโลยีเข้าไปเกี่ยวข้องกับ lifestyle การดำเนินชีวิตของคน โดย HP ต้องการเป็นทั้ง digital entertainment และ digital photography เพราะนั่นเป็นสิ่งที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับ lifestyle ของผู้บริโภคได้

ฐานคนใช้กล้องดิจิตอลที่มีขนาดใหญ่ ความต้องการแตกต่างกันไป จึงต้องมีพรินเตอร์หลายรุ่นมาตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม ซึ่งเครื่องพรินเตอร์เป็นเพียงอุปกรณ์ที่มาเชื่อมต่อกับพฤติกรรม ความต้องการของลูกค้า ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้กล้องดิจิตอลว่าต้องการการอัดภาพแบบไหน และที่ไหนมากกว่า

1 ปีครึ่งสำหรับการเริ่มทำตลาด photo card slot ของ HP มีการเติบโตอย่างชัดเจนตามอัตราการโตของกล้องดิจิตอล คนที่ซื้อกล้องดิจิตอลมีความคาบเกี่ยวกับการซื้อพรินเตอร์ โดยคาดว่าร้อยละ 70-80 ของคนที่มีกล้องดิจิตอล จะต้องมีพรินเตอร์ ถ้าไม่ใช้เครื่องพิมพ์ส่วนตัว ก็ต้องใช้กับที่ทำงาน

กลยุทธ์หลักที่ HP นำมาใช้ในการทำตลาด direct printer คือ 1.ครองความเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี ด้วยการออกนวัตกรรมใหม่ๆ อยู่เสมอ 2.สินค้าที่ออกมาต้องแก้โจทย์ในเรื่องความสะดวก และใช้งานได้ง่าย ไม่เกิดความยุ่งยาก 3.ทำกิจกรรมทางการตลาดร่วมกับกล้องดิจิตอลเพื่อทำให้คนรู้จักมากขึ้น และเข้าใจว่ากล้องดิจิตอลกับเครื่องพรินเตอร์สามารถทำงานร่วมกันได้โดยไม่ต้องผ่านคอมพิวเตอร์ 4.โฆษณาเจาะลงไปในกลุ่ม mass ทำให้คนรู้จักอย่างแพร่หลาย

ถึงแม้ว่าทางด้าน lab สีจะมีการปรับตัวไปเป็นดิจิตอล lab มากขึ้น ก็ไม่มีผลกระทบใดๆ กับตลาดพรินเตอร์ เพราะตลาดของ photo printer นั้นไม่ได้มีขึ้นเพื่อเป็น commercial photo lab เหมือนกับศูนย์ล้างอัดภาพ เพราะค่าใช้จ่ายในการพิมพ์สูงกว่าการไปใช้ศูนย์อัดล้าง แต่ในตลาดต่างจังหวัดการหาร้าน lab สีทำได้ยากกว่า ดังนั้นพรินเตอร์เข้ามาช่วยทดแทนความต้องการของผู้บริโภคได้

หรือแม้แต่ในกรุงเทพฯ ต้นทุนการพิมพ์ภาพขนาดใหญ่จากพรินเตอร์ จะมีราคาใกล้เคียงกับที่ศูนย์ล้างอัดภาพ เพราะฉะนั้นการสร้างภาพขนาดใหญ่ที่บ้านจะมีความสะดวกมากกว่า ซึ่งผู้ใช้โดยทั่วไปจะให้ความสำคัญกับเครื่องพรินเตอร์เพื่อใช้สำหรับการพิมพ์งาน 70% และการพิมพ์ภาพ 30%

วิวัฒนาการของเครื่องพิมพ์ในอนาคตจะมีการพัฒนาในด้านคุณภาพงานพิมพ์ จำนวนสีที่สามารถแสดงออกมาได้มากขึ้นกว่าในปัจจุบัน ที่แสดงได้เพียง 72 ล้านสี มีค่าใช้จ่ายต่อหน้าลดลง ใส่ลูกเล่น เพื่อให้เกิดความสะดวก ใช้งานง่ายมากขึ้น มีขนาดเล็กลงแต่ดีไซน์ให้ดูทันสมัยมากขึ้น

“ภาพรวมของผลกระทบที่มาจากกล้องดิจิตอล ในมุมมองของผมเป็นผลกระทบในเชิงบวก เพราะว่าช่วยให้เกิดการใช้พรินเตอร์มากขึ้น ในยุคที่ไม่มีกล้องดิจิตอล พรินเตอร์ส่วนใหญ่ใช้เพื่อพิมพ์งานทั่วไป แต่วันนี้เมื่อมีกล้องดิจิตอลเข้ามา ทำให้มีการใช้พิมพ์รูปภาพมากขึ้นไปอีก เพราะไม่ต้องเสียค่าฟิล์ม การที่กล้องดิจิตอลได้รับความนิยม ในตอนนี้ผมยังไม่เห็นผลกระทบใดๆ ในเชิงลบ” กฤษณ์กล่าวสรุปในตอนท้าย

Did you know?

ต้นทุนการพิมพ์ภาพ ขนาด 4X6 ประมาณ 20 บาทต่อแผ่น ส่วนต้นทุนการพิมพ์ภาพ ขนาด A4 ประมาณ 70 บาทต่อแผ่น ซึ่งเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับร้านอัดล้างภาพมืออาชีพทั่วไป โดยราคานี้รวมค่ากระดาษ และค่าหมึกที่ใช้ในการพิมพ์แล้ว

Website

www.hp.com