“เครือสหพัฒน์ เติมเต็มความสุขให้ทุกๆ ความต้องการ” คือปรัชญาในการจัดงาน Saha Group Export & Trade Exhibition ครั้งที่ 8 ในระหว่าง 2-4 กรกฎาคม 2547 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
“งานในปีนี้ จะมีการแสดงสินค้าคอลเลคชั่นล่าสุด ภายใต้แบรนด์ของเครือสหพัฒน์ (original brand) และสินค้าที่ผลิตขึ้นเพื่อสนองความต้องการของลูกค้าโดยเฉพาะ (original design) ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่ท่านจะได้สัมผัสกับสินค้าแฟชั่นที่มีความหลากหลาย ในแนวคิด Thailand Best ได้แลกเปลี่ยนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และขยายตลาดในประเทศของท่าน อีกทั้งยังเป็นโอกาสอันดีที่ท่านจะได้ร่วมธุรกิจกับเครือสหพัฒน์” บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าว
และต่อไปนี้คือ product highlight ของงานทั้งที่เป็น new collection และ innovation จากบริษัทในเครือสหพัฒน์ที่มีเรื่องราวน่าสนใจควรค่าแก่การติดตาม
*MORGAN…Sexy LINGERIE
ชื่อชั้นของ MORGAN แม้จะไม่หรูหรา ฟู่ฟ่าเหมือน Dior หรือ Vuitton แต่ positioning ของ brand ที่เน้นความเซ็กซี่ นำสมัย และมีความคิดสร้างสรรค์สูงเป็นแกนกลาง ทำให้มีสาวเปรี้ยว in trend ติดอกติดใจพร้อมสวามิภักดิ์ต่อ MORGAN อยู่ทั่วโลก สาวไทยรู้จัก MORGAN ผ่านสินค้าประเภทเสื้อผ้า และ ณ บัดนี้ถึงเวลาของ MORGAN LINGERIE แล้ว
ปฐมบทแห่งการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตชุดชั้นใน MORGAN นั้นเพราะด้วยความที่ MORGAN SA เป็น partner ที่ดีกับสหพัฒน์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการผลิตชุดชั้นในเป็นพิเศษ (Wacoal) มีส่วนแบ่งในตลาดชุดชั้นในกว่า 60% และสำหรับ MORGAN ยังมีโอกาสอีกมากในไทย ทั้ง location ของประเทศยังได้เปรียบเหมาะแก่การเป็นศูนย์กลางส่งออกแถบอาเซียน ที่สำคัญคนไทยสนใจแฟชั่นและชอบแต่งตัว Claude Bismuth, CEO MORGAN SA (ฝรั่งเศส) บอก
ในไทย MORGAN DE TOI (Thailand) เป็นบริษัท joint venture ระหว่างสหพัฒน์ และ MORGAN SA ฝรั่งเศส ในสัดส่วน 60 : 40 ตามลำดับ ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
ทำไมถึงเพิ่งเปิดตัว MORGAN LINGERIE ในไทย “ต้องเตรียมการในเรื่องของการปรับขนาดของชุดชั้นในและ design ไม้แขวนเสื้อซึ่งต้องทำพิเศษเพื่อรองรับกับขนาดสาวเอเชีย ซึ่งไม่เหมือนกับ MORGAN LINGERIE ฝรั่งเศส ขณะที่ผ้าลูกไม้ต้อง import จากฝรั่งเศส ราคาจำหน่ายต่ำสุด 380 บาท กลุ่มเป้าหมายคือสาวสมัยใหม่วัย 18-35 ปี” มารินทร์ ลีลานุวัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดให้เหตุผล
ไม่เพียงแต่ MORGAN LIHGERIE เท่านั้นที่จะผลิตในไทยเพื่อส่งออกไปยังภูมิภาค แต่ Claude Bismuth บอกว่า ไทยสามารถเป็นฐานการผลิตสำหรับ lady wear, sport, children โดยมี swimwear เป็น project ต่อไป
Claude Bismuth, CEO MORGAN SA (ฝรั่งเศส) เปิดเผยตัวเลข turn over ของ MORGAN worldwide มีถึง 600 ล้านยูโร แบ่งเป็นสัดส่วนจากยุโรป 70% เอเชีย 20% และภูมิภาคอื่นๆ อีก 10% เหตุที่ตลาดเอเชียยังโตไม่เต็มที่นัก เขาบอกว่า ปัญหาหลักๆ คือเรื่องของขนาดสินค้าที่ไม่พอดีตัวสาวเอเชียนั่นเอง ดังนั้นแนวโน้มการลงทุนเพื่อพัฒนา product ให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายในเอเชีย MORGAN จึงมีไทย ญี่ปุ่น และจีน (เมืองเซี่ยงไฮ้ซึ่งอยู่ในระหว่างการเจรจา) เป็น key country
รอดูกันว่า “hi-end, French brand” นาม MORGAN จะเจิดจรัสได้มากน้อยเพียงใด
Where to buy MORGAN?
Isetan ชั้น 1
เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ชั้น 1
เซ็นทรัล ชิดลม ชั้น 2
ดิ เอ็มโพเรียม ชั้น 2
ขณะที่ทั่วโลกมี MORGAN boutique และ corners มากกว่า 400 แห่ง
Did you know?
MORGAN HOMME มีเฉพาะที่ญี่ปุ่นประเทศเดียวเท่านั้น ด้วยความที่หนุ่มญี่ปุ่นรักการแต่งตัว แถม in trend ชื่นชอบแฟชั่นเป็นชีวิตจิตใจ เสื้อผ้าสีสันนำสมัยของ MORGAN HOMME จึงมีถึง 47 shops กระจายอยู่ทั่วแดนปลาดิบ สำหรับโอกาสที่จะนำ MORGAN HOMME มาลง shop ที่เมืองไทย คงต้องใช้เวลาศึกษาอยู่พักใหญ่ เพราะภาพลักษณ์ MORGAN สำหรับคนไทยคือสาวฮอตสุดเซ็กซี่
แต่จะว่าไปหนุ่มไทยก็ล้ำสมัยอยู่มิหยอก
*Lacoste แดง…แรงฤทธิ์
Lacoste Red…Style in Play คือ sport fragrance for men ล่าสุดจาก Lacoste แนะนำโดยผู้แทนจำหน่าย บริษัท ไอ.ซี.ซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
Positioning คือ น้ำหอมสำหรับผู้ชายที่ประสบความสำเร็จภายใต้ความกดดัน ผู้ชายซึ่งรู้ว่าความสำเร็จไม่ได้มาโดยง่าย ดังนั้นพวกเขาจึงเตรียมพร้อมที่จะรับมือด้วยสภาพ 100% และห้วงเวลาที่หนักหนาสาหัสสากรรจ์จะแปรเปลี่ยนเป็นความปลื้มปีติในผลสำเร็จ ส่วนผสมสำคัญ เช่น แอปเปิลผสมกับไม้สนไซบีเรีย ใบของต้นซีดาร์ เป็นต้น
Packaging บ่งบอกถึงความเคลื่อนไหวและพลังแห่งชัยชนะ รูปทรงเหมือนรักบี้ ด้านข้างออกแบบให้เป็นรอยหยักจับเหมาะมือ และจัดวางได้สะดวก Eau de Toilette มี 3 ขนาด 50 มล. ราคา 1,250 บาท ขนาด 75 มล. ราคา 1,750 บาท และ 125 มล. ราคา 2,350 บาท ผลิตภัณฑ์อื่นๆ คือ แท่งระงับกลิ่นกาย เจลอาบน้ำ สเปรย์ และครีมหลังโกนหนวด
สำหรับผลประกอบการโดยรวม Lacoste ประกาศผล turn over ของปีที่ผ่านมาว่ามีทั้งหมด 856 ล้านยูโร และขายสินค้า Lacoste ไปทั้งหมด 30 ล้าน items จาก 110 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบัน Lacoste มีทั้งหมด 784 boutiques และ 1,700 corners
Where to buy Style in Play?
Lacoste Boutique ทุกสาขาที่
เกษร ชั้น 2
ดิ เอ็มโพเรียม ชั้น 2
สยามดิสคัฟเวอรี่ ชั้น 3
สยามสแควร์ ซอย 4
สยามเซ็นเตอร์ ชั้น 2
เซ็นทรัล พลาซ่า พระราม 3 ชั้น 1
เซ็นทรัล พลาซ่า ปิ่นเกล้า ชั้น 2
เซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว ชั้น 3
เดอะมอลล์ พลาซ่า โคราช ชั้น 1
*STUD หนังปลากระเบน
จากปกติร้องเท้าฟุตบอลหรือ stud ทำจากหนังวัว คราวนี้ PAN สร้าง innovation ให้กับวงการด้วยการผลิต stud จากหนังปลากระเบน ซึ่ง import จากอินโดนีเซีย วาง positioning เป็น premium grade ราคาจำหน่ายคู่ละประมาณ 4,000 บาท พร้อมดาหน้าสู้ศึก inter brand ทั้งหลาย (ก่อนหน้านี้ PAN ส่งรองเท้าฟุตบอลหนังจิงโจ้รุ่น PATRIOT ราคาคู่ล่ะ 4,750 บาท)
“PAN STINGRAY” สร้างขึ้นตามแนวคิด แรง เฉียบ คม หนังปลากระเบน ระบายอากาศได้ดี น้ำไม่สามารถซึมผ่านได้ น้ำหนักของหนังจึงเบา สบายเท้าและเคลื่อนไหวได้คล่องตัว กิตตินันท์ พานิชไกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก แอทเลติค จำกัด ผู้ผลิตภัณฑ์และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ PAN, Diadora, Kappa, Flipper, Arena บอก
www.pan-sportswear.com
www.pan-group.com
Did you know?
หนังปลากระเบนมีมุกเล็กๆ ที่เกิดจากผลึกของแคลเซียม มีคุณสมบัติพิเศษในเรื่องของความแข็งแกร่งและทนทานสูง และด้วยการเรียงตัวของมุกกระเบนอย่างเป็นระเบียบ ลักษณะเป็นแถวและแนว ทำให้เกิดช่องว่างเล็กๆ ขึ้น ช่วยเพิ่มแรงเสียดทานในการปะทะ วสัมผัสนี้จะคล้ายกับผิวสัมผัสของลูกกอล์ฟที่มีปุ่มและร่อง ซึ่งช่วยทำให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น
อดีต มุกกระเบนใช้ทำเป็นเสื้อเกราะกันกระสุน เพราะแข็งแกร่งและมีการเรียงตัวอย่างแน่นหนา มีไฟเบอร์มากกว่า ให้ความเหนียวและยืดหยุ่นตัวสูงกว่าหนังสัตว์ชนิดอื่นๆ
*QB SHELL ตัดผมด่วน 10 นาที
แนวคิดของ QB SHELL คือ “Fashionable time and space” QB SHELL กำเนิดในประเทศสิงคโปร์ จากเครือข่ายของ QB NET ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีร้านตัดผมด่วน 10 นาที ราคา 1,000 เยน ที่เป็นต้นแบบ มานานตั้งแต่ปี 2539 ปีที่แล้วมียอดขาย 6.6 พันล้านเยน จาก 181 outlets และมีลูกค้ากว่า 500,000 คน / เดือน
ในไทยบริษัท โอซีซี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดูแล QB SHELL สิโรตม์ จิระประยูร Manager Overseas Division บอกว่า QB SHELL ในไทยกำลังอยู่ในระหว่างการจัดทำรายละเอียด ทั้งเรื่องของ franchise และค่าบริการ แต่ทั้งนี้ค่าบริการจะเป็นอัตราเดียว ประมาณ 100 บาท “ปกติขั้นตอนการตัดผมคนเราเฉลี่ยอยู่ที่ 10 นาที แต่ที่นานคือการสระไดร์ ซึ่งเราลดขั้นตอนตรงนั้นลง”
จุดขายของ QB SHELL คือ ความเร็ว สะอาด เรียกได้ว่า Completely Antiseptic เลยทีเดียว หวีและผ้าขนหนูใช้ครั้งเดียวให้ลูกค้าเลย ระบบกำจัดเศษผมด้วย air-washer เมื่อตัดเสร็จจะไม่เหลือเศษผมให้รกตามพื้นเพราะจะถูกดูดลงท่อหมด ใช้น้ำแร่ล้างมือและอุปกรณ์ พร้อมกับฆ่าเชื้อเครื่องมือด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต และมี LCD ฉายให้เห็นภาพขณะตัดผม เพื่อการผ่อนคลาย
สำหรับสถานที่ตั้งของ QB SHELL สามารถเปิดได้ทุกที่และเหมาะสมสำหรับสถานที่คนพลุกพล่าน เช่น สนามบิน สถานีรถไฟ โรงแรม และศูนย์การค้าต่างๆ เป็นต้น