“Be a BETTER Person” เอกชัย เอื้อครองธรรม

เมื่อ 3 ปีที่แล้วที่เขากลับเมืองไทย ก่อนที่ชื่อของเขาจะเป็นที่คุ้นหูสำหรับคนไทย ผ่านภาพยนตร์ที่กำกับ “Beautiful Boxer” เป็นภาพยนตร์เรื่องที่เคยได้รับการกล่าวขวัญอย่างหนาหูในวันก่อนฉายจริงว่าเป็นแค่ “หนังกระเทยอีกเรื่อง” ที่เขาเลือกกำกับเป็นเรื่องแรก

“ความที่เรามีอคติให้แก่กันและกัน มันแก้ไม่ได้ มนุษย์ทุกคนมีอคติโดยเฉพาะต่อคนที่ไม่เหมือนเรา เราจะมีอคติกับเขาทั้งที่เราไม่รู้จักเขาดี แต่เวลาเลือกเรื่องผมก็ไม่ใช่จะเลือกเรื่องที่คนถูกรังแกมันก็ไม่เชิง มีคนถามว่าทำไมถึงเลือกเรื่องแรกให้เป็นหนังกระเทย แต่ผมไม่เห็นอย่างนั้น และความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น มันเกี่ยวกับอะไรที่ลึก และตีวงกับมนุษยชนได้มากกว่า”

เอกชัย เอื้อครองธรรม อยู่ในฐานะ 1 ใน 20 คนนิตยสาร Asiaweek ที่เคยยกย่องว่า เขาเป็นผู้นำชาวเอเชียสำหรับสหัสวรรษในด้านศิลปวัฒนธรรม นอกจากนั้นเขาเป็นคนไทยที่ได้ออกรายการ CNN Talk Asia ถัดจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร, หม่อมเจ้าชาตรี เฉลิมยุคล, ไทเกอร์ วู๊ด และภราดร ศรีชาพันทร์ จากงานภาพยนตร์ของเขา

แม้ว่าเขาจะได้รับการยกย่องในระดับตัวแทนของชาวเอเชีย หรือชาวไทยในเวทีระดับโลก แต่เวทีในประเทศกลับ ไม่ได้ผลตอบรับอันเป็นที่น่าพอใจในแง่ตัวเงินสำหรับใครหลายๆ คน…

Beautiful Boxer ในเวอร์ชั่นที่นำไปฉายในต่างประเทศเป็นฉบับ Director’s Cut ที่แตกต่างจากเมื่อเข้าฉายในเมืองไทย หนังของเขาได้รับเลือกให้เข้าฉาย ผ่านเทศกาลนานาชาติอย่าง เทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลิน, Hong Kong Film Festival, San Francisco International Film Festival, Turin Gay & Lesbian International Film Festival และในสิงคโปร์หนังของเขาก็ยังเปิดตัวทำรายได้สูงสุด เมื่อเทียบกับหนังเอเชียเรื่องอื่นๆ ในช่วงเวลาเดียวกัน

แม้ว่าเขาเริ่มชีวิตของการเป็นนักละครตั้งแต่เมื่อยังเรียนอยู่เพราะความสนใจ แต่กับงานหนังที่ถือว่าก็เป็นอีกหนึ่งความใฝ่ฝันในชีวิตของผู้ชายคนหนึ่ง ยังกำลังรอเส้นทางเพื่อที่จะไปถึงฝัน

ปี 1991 หนังสั้นเรื่อง The Nose เข้ารอบสุดท้ายในการประกวดภาพยนตร์สั้นแห่งชาติที่สิงคโปร์จากการกำกับของเขา

แง่มุมความคิดที่ได้ภายหลังจากงานนี้เป็นการเติบโตทางความคิดก้าวไปสู่โลกของการเรียนรู้แห่งใหม่อีกครั้ง

การเกิดในครอบครัวที่มีธุรกิจด้านส่งออกผลไม้เป็นของตัวเอง ทำให้เอกชัยเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชน บทเริ่มต้นก็ทำให้ชีวิตผลิกผัน เมื่อเขาได้รับทุนให้ไปเรียนต่อที่สิงคโปร์ ที่นั่นเขาเติบโตทั้งในด้านสายธุรกิจ จนมาทำงานด้านการตลาดให้กับ AMEX (สิงคโปร์) แต่ความรักในศิลปะการละคร เขาทำงานควบคู่กันระหว่างงานบริหารที่ AMEX กับการสร้างกลุ่มละครของตัวเอง Action theatre ที่เกิดในปี 1987 แต่ 5 ปีถัดมา เอกชัยตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่าย เพื่อมาทำงานที่เขารักแต่เพียงอย่างเดียว

9 ปีที่ได้การปลุกปั้นวงการละครเวทีโดยอาศัยความสามารถทางการตลาด บวกกับการละครของเขา ทำให้กลุ่มของเขาถือว่าเป็นกลุ่มคณะละครร่วมสมัยที่มีชื่อที่สุดในสิงคโปร์ จนเขามีความคิดที่จะทำละครเพลงเป็นเรื่องราวของแฝดสยามคู่หนึ่ง อันส่งผลต่อมาให้เขาได้แสดงความสามารถในบ้านเกิดเป็นครั้งแรกในฐานะผู้กำกับ

Chang & Eng (The Musical) หรือ อินกับจัน ละครเพลงชื่อดังของเขากลับมาเมืองไทยหลังจากเดินทางไปแสดงในหลายแห่งทั่วโลก ทั้งๆ ที่ในโปรดักชั่นนั้นมีเขาแค่คนเดียวที่เป็นคนไทย การกลับมาที่เมืองไทยสร้างประสบการณ์อันประทับใจยากจะลืมเลือนแก่หมู่ผู้ชม โดยหนึ่งในกลุ่มผู้ชมตอนนั้นก็คือ บุษบา ดาวเรือง หลังจากจบเรื่อง เธอต่อสายตรงถึงไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม แล้วบอกว่า เธอได้ผู้กำกับที่จะเป็นคนมากำกับหนังของเราใน GMM Pictures แล้ว

การเข้ามาในแกรมมี่ เมื่อตอนเริ่มต้นเป็นการควบรั้งตำแหน่งทั้งการบริหารและการกำกับภาพยนตร์ ในตำแหน่ง Head of Creative & Development Unit ที่เป็นคนคอยควบคุมดูแลปรึกษาโปรเจกต์ที่จะเกิดขึ้นของบริษัท

“ผมว่าเป็นช่วงเวลาที่สนุกดีเหมือนกันเพราะได้เรียนรู้ธุรกิจภาพยนตร์ การทำงานพร้อมกันทั้งการเป็นผู้บริหารและคนทำหนังด้วย ทำให้ผมเลือกได้ว่า ผมชอบทำหนังมากกว่า”

การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ของแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน สิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจเลือกที่จะเป็นศิลปินแทนที่งานบริหาร… ในโครงสร้างธุรกิจภาพยนตร์ที่เกิดขึ้นของ GTH เอกชัยไม่รับหน้าที่ทางการบริหารใดๆ นอกจากเป็นทำงานเป็นผู้กำกับเท่านั้น

“แม้ว่ามันเป็นงานที่ท้าทาย แต่มันเป็นงานที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจ คือทำให้ผลตอบแทนทางธุรกิจมันต้องคุ้มค่า และเป็นอะไรที่น่าสนใจ แต่การเป็นจิตรกร การเป็นคนทำหนัง เป็นอะไรที่มัน…ดึงชีวิตเราไป 150 เปอร์เซ็นต์ เป็นอะไรที่เราต้องอยู่กินกับมัน หายใจเข้าหายใจออกไปด้วยกัน ถ้าให้ผมเลือกผมก็เลือกการเป็นอาร์ทติสเพราะการเป็นผู้บริหารก็เป็นเหมือนหมวกอีกใบหนึ่งที่เราจะต้องใส่ที่แตกต่างกัน แม้แต่ตอนนี้ถ้าให้ผมเลือกเป็นโปรดิวเซอร์อีกผมยังไม่อยากเป็นเลย”

งานภาพยนตร์เรื่องแรกสร้างเรื่องราวที่เป็นโลกทรรศน์ใบใหม่ให้กับเขา

“ตอนเด็กที่ผมไปดูหนังผมจะชอบหนังที่ทำให้ผมอยากเป็นคนที่ดีขึ้น ผมไปดู “วัยอลวน” และผมอยากเป็นคนดีขึ้นไม่รู้ทำไม ภาพยนตร์สำหรับผมมันเลยเป็นมากกว่าความบันเทิง มันมากกว่าธุรกิจ มันเป็นอะไรที่มันมีเอฟเฟกต์ที่แรงพอสมควร มันมีอะไรที่สามารถกระทบกระเทือนคนดูได้ แล้วถ้าเรามีโอกาสทำจุดนั้น มีอะไรที่ทำให้คนดูเดินไปในทางที่ดีขึ้น มันก็ดูแล้วดีใจ”

“หลังจากหนังเรื่องแรก มีคนชอบถามผมว่าละครเวทีกับภาพยนตร์มันต่างกันยังไง ผมว่ามันคล้ายกันมากเลย ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์หรือละครเวทีมันคือสิ่งเดียวกัน เป็นการใช้ศิลปะเพื่อสื่อความหมายบางอย่างเกี่ยวกับชีวิตของเรา เกี่ยวกับชีวิตของคน มันอยู่ที่ว่าคุณจะใช้สื่อไหน มันเป็นศิลปะหมด”

“ผมได้เรียนรู้ว่าส่วนยากที่สุดสำหรับคนทำหนังคือ…มันมีคำถามว่าเราอยากจะบอกอะไรกับคนดู ในเมื่อถ้าเราไม่มีจริงๆ บางทีสำหรับผมเวลาตอนดูหนังเราก็รู้สึกเออ… เรื่องน่าสนใจ แต่ว่ามันมีอะไรที่มันน่าสนใจที่บอกคนดูผ่านเรื่องๆ นี้ได้บ้าง และสิ่งเหล่านี้เราต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า เราเชื่อในมันไหม เป็นงานที่ personal มากๆ ในจุดหนึ่ง”

“ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผม หลังจากที่ได้ทำหนังมา ผมรู้สึกว่าคุณไม่ต้องรีบมาก ไม่ต้องรีบทำ ผมไปเบอร์ลิน ไปซานฟรานซิสโก ได้รับรู้ว่าหนังมันเป็นอะไรที่มีพลังมาก เป็นอะไรซึ่ง…ทำอะไรที่เป็นประโยชน์แก่มนุษยชน (หัวเราะ) นี่พูดจริงๆ นะ ไม่นึกว่าพลังมันมากขนาดนั้น…”

เขาเปลี่ยนไป ได้เรียนรู้ และเราได้ความคิดเกิดขึ้นเหมือนกันว่า “หนังอาจจะไม่ใช่แค่หนังเรื่องหนึ่ง”

Profile

Name : เอกชัย เอื้อครองธรรม
Born : 1963
Education :
โรงเรียนประเสริฐธรรม, โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก (สายศิลป์คำนวณ), 1981 ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญบริหารธุรกิจ, ทุนการศึกษา ASEAN Merit Scholarship ที่ National University of Singapore ในระดับปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์
Career Highlights :
1983 บริษัท Berli Jucker หลังจบ ทำได้ 1 ปี
1984-1992 ผู้จัดการฝ่ายการตลาด American Express (Amex) ประเทศสิงคโปร์
1987 ก่อตั้งบริษัท Action Theatre โรงละครเอกชน จนได้รับรางวัล Excellence for Singapore Award ในปี 1999 มีผลงานการกำกับละครเพลงและทำละครเพลงอีกหลายเรื่องในฐานะ Artistic Director ได้รับรางวัลมากมาย โดยเปิดการแสดงในสิงคโปร์ ปักกิ่ง นิวยอร์ก และ ไทย ที่เน้นความเป็นเอเชียในสังคมร่วมสมัย ผลงานเด่นๆ เช่น Chang & Eng, Corporate Animals, Autumn Tomyam ฯลฯ
1993 Director of Marketing & Operations ประจำสำนักงานประเทศสิงคโปร์ เรื่อง Les Miserables ร่วมงานกับ Cameron Mackintosh โปรดิวเซอร์ของละครเพลงที่มีชื่อระดับโลก เช่นเรื่อง The Phantom of the Opera, Cats และ Miss Saigon ศึกษาเพิ่มเติมด้านทฤษฎี และปฏิบัติทางการละครจาก National Institute of Dramatic Art Sydney
1995 ได้รับทุน Intech Grant จาก Economic Development Board ของรัฐบาลสิงคโปร์เพื่อไปดู งานที่บริษัท Cameron Mackintosh ในลอนดอนและซิดนีย์
2001 ตำแหน่ง Head of Creative & Development Unit ของ GMM Pictures
2003 ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรก Beautiful Boxer