สมิทธิ เพียรเลิศ Success is all around

ชายหนุ่มชื่อเก๋ผู้นี้เล่าเรียนอยู่อังกฤษนานกว่า 10 ปี ตั้งแต่ high school เรื่อยมาจนกระทั่งจบเป็นมหาบัณฑิตเมื่ออายุ 23 ปี เขาหอบความรู้ด้าน media production กลับมาเมืองไทยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ปัจจุบันเขาคือ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แชแนลวี (ไทยแลนด์) จำกัด

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมวัฒนธรรมมีส่วนสำคัญอย่างมากในการหล่อหลอมความเป็นตัวตนของคนเรา สมิทธิเองก็เช่นกัน ที่อังกฤษได้หล่อหลอมให้เขาเป็นคนประเภท “I am what I am” เป็นคนมี identity สูง แต่ก็พร้อมเปิดรับ idea จากคนอื่น มองโลกมีวิสัยทัศน์กว้างไกล “อังกฤษทำให้ผมมี vision ที่สามารถมองอะไรอีกด้านหนึ่งได้อย่างที่ไม่เคยมอง”

“ทุกวันนี้ผมยังฟังเพลง มี creativity และ style การบริหารแบบอังกฤษอยู่ และชอบแล่นเรือเหมือนตอนเด็กๆ” ช่วงเย็นของวันธรรมดาหรือวันหยุดเขาจะเล่น scooter ที่บ้านริมน้ำเจ้าพระยา บ้านอีกหลังของเขาแถบแคลาย นนทบุรี ขณะย่ำค่ำเขาก็ออกไปดู lifestyle ของคนตาม nightlife ทั่วไป “เราจะต้องเข้าใจใน lifestyle ของ target เรา สามารถที่จะ predict ได้ว่า trend ที่จะมาต่อไปคืออะไร เราต้องเป็น trend setter ไม่ใช่ trend follower แถวทองหล่อก็ไปบ่อย Met bar ก็ไป (ที่โรงแรม Metropolitan) ไปดูว่าไฮโซเขาเป็นยังไง แต่ผมไม่ไฮโซนะครับ” เขารีบออกตัว

แม้ครอบครัวจะมีธุรกิจใหญ่โต แต่เขาบอกว่า “ผมเป็นคน down to earth มาก อยู่อังกฤษต้องช่วยตัวเองตลอดเพราะอยู่โรงเรียนประจำ พ่อแม่ไม่ได้ให้เงินเยอะ ผมต้องทำงานเองด้วย แม้กระนั้นผลการเรียนของเขาก็ยังสวยหรู” นับได้ว่าเขาเป็นตัวอย่างดีที่ของลูกคนรวยแต่ไม่เหลาะแหละ

สมิทธิเป็นคนเรียนเก่ง เขาจบปริญญาตรีบริหารธุรกิจ เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จาก University College London หรือ UCL (1 ใน college ของ University of London) และคว้าปริญญาโทด้าน Media Production ดังนั้นการเป็น GM Channel [V] Thailand ของเขาจึงไม่ใช่เพราะเขาคือลูกชายคนโตและคนเดียวของอิทธิวัฒน์ เพียรเลิศ ประธาน BNT เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นเพราะความรู้ ความสามารถที่คู่ควรเป็นสำคัญ

“Media Production ของอังกฤษถือว่ามี style เป็นของตัวเอง แตกต่างจากฝั่งอเมริกา ในเรื่องของ idea และวิธี approach อังกฤษจะ localize มากกว่า ให้เหมาะกับประเทศของเขาจริงๆ แม้จะไปรับ idea มาจากที่อื่นเขาก็ปรับให้เหมาะกับสภาพสังคมและวัฒนธรรมของเขา ลักษณะจะคล้ายกับโตเกียว ในด้านการ apply business plan จะเป็นการทำหนัง สร้างเพลงหรืออะไรก็แล้วแต่จะมีสไตล์ของตัวเอง”

“ในฐานะ GM ผมเป็น center of information ให้กับทุกคน ใครมีปัญหาอะไรก็วิ่งเข้ามาหาผมได้เสมอ ช่วยแก้ให้ ช่วยซ่อมให้ ปะตรงนู้นปะตรงนี้ develop idea ทั้งหลาย นั่นคืองานที่เป็น routine แต่งานที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ strategic planning ต้องทำเพื่อให้เหมาะกับ brand vision ที่ผมวางไว้ให้กับ Channel [V] Thailand ว่าอีก 5 ปีต่อจากนี้จะไปแนวทางใด จะ develop อะไรบ้าง จะขยายอะไร เช่นการสร้างอะไรใหม่ๆ ขึ้นมา เช่น การซื้อ POP เป็นการใช้ brand synergy คือการใช้สื่ออื่นมาหนุน อาจจะไม่ใช่แบรนด์เดียวกันก็ได้ แต่ว่าเป็นแบรนด์ที่ audience ใกล้เคียงกัน”

“ในการทำงานผมว่า idea สำคัญที่สุด ทุกอย่างเริ่มจาก idea ก่อน ถ้าเราเลือกคนที่ทำงานได้ถูกต้อง เหมาะสม มีทีมที่แข็งแกร่ง ก็สามารถที่จะ develop idea นั้นไปได้ เราต้องหาคนที่เข้าใจไอเดียของเรา” เขาบอกว่า เขาโชคดีที่มีสิ่งเหล่านี้พร้อมมูล เพียงปีแรกที่เขาเข้ามารับตำแหน่ง GM ก็ทำให้ผลประกอบการของ Channel [V] Thailand โตขึ้น 20% โตที่สุดในรอบ 5 ปี ในขณะที่ POP ยังไม่วางแผง ก็ประสบความสำเร็จด้านเม็ดเงินแล้ว “ผมถือว่าผมมองธุรกิจขาด ซื้อมาปุ๊บกำไรเลย สำหรับผมก้าวต่อไปที่ท้าทายคือ [V] FM”

แล้วอีก 5 ปี ถัดจากนี้ไป ภาพลักษณ์ของแบรนด์ [V] จะเป็นอย่างไร

“ผมจะ process เรื่อง Brand Enhancing ของ [V] ทำให้ brand แข็งแกร่งขึ้น เป็นการวาง strategic planning เพิ่ม brand value เข้าไปอีก…มันมีอยู่แล้วเพราะ [V] คือ brand แห่ง lifestyle และความทันสมัย แต่จะทำให้ดีขึ้นไปอีก”

เขาบอกด้วยแววตาและน้ำเสียงที่มุ่งมั่นว่า จะนำพา [V] ข้ามผ่านคำว่า Music Channel “ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องติด UBC เพื่อเสพงาน creative จาก Channel [V] เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป คือ [V] จะอยู่ในทุกๆ channel เป็น beyond music channel และ brand [V] จะเป็นสัญลักษณ์ของ Thailand Youth Market เป็น leading brand ใน segment ของแต่ product นั้นๆ เช่น POP จะเป็นนิตยสารอันดับ 1 ด้านเพลงสำหรับกลุ่มวัยรุ่นถึงวัยทำงาน [V] ที่จะ launch ปลายปี จะเป็นนิตยสารเพลงหนึ่งในใจของ tween ขณะที่ [V] FM ที่กำลังจะเปิดตัวสิงหาคมนี้ จะเป็นคลื่นเพลงฮิตสองภาษา และแน่นอน Channel [V] Thailand ปฐมบทแห่งความสำเร็จจะเป็นผู้นำของ music station”

อนาคตของชายหนุ่มวัย 25 ปี ยังคงยืนหยัดที่จะทำธุรกิจบันเทิงต่อไป

“ทำในสิ่งที่ถนัดก่อน คือ core business ต้องชัดเจน คือ entertainment เป็นสิ่งที่ผมคุ้นเคย เน้นไปที่กลุ่ม youth market เราเชี่ยวชาญตรงนี้ ตัวผมเองก็อยู่ในวัยนี้ มีอะไรหลายๆ อย่างที่เราเข้าใจ อยู่ในขอบข่ายเดียวกัน ขณะที่ผู้ใหญ่เขาจะไม่เข้าใจ หากเป็น line อื่นผมยังไม่ฟันธง แต่ที่แน่ๆ ผมคงจะเป็น conceptual businessman จะทำธุรกิจอะไรก็ได้ที่เป็น concept ไม่เฉพาะ entertainment เท่านั้น เป็นธุรกิจอะไรก็ได้”

งานและ lifestyle ของเขาเข้ากันอย่างพอเหมาะพอเจาะ น้อยคนที่จะมีโอกาสเช่นนี้

“ชอบฟังเพลงตั้งแต่เด็กแล้ว เวลามาทำงานก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง โชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ เรียกได้ว่าผมเป็นคนหนึ่งที่โตมาสื่อกับโดยตรง” เมื่อครั้งเป็นเด็กชายด้วยความที่ office ของบิดาอยู่ใกล้บ้าน แถบสุขุมวิท 49/2 เขาเดินเข้าออก ช่วยงานที่ office นี้เป็นประจำตั้งแต่ช่วยรับโทรศัพท์เลยทีเดียว “ผมเติบโตมากับตรงนี้ summer ก็กลับมาทำงานตลอด คลุกคลีมาตั้งแต่เด็ก เรียกว่าวิ่งเข้าวิ่งออก studio media ตลอด เป็นความชอบ เป็นเหมือนธรรมชาติของผมไปแล้ว”

“ผมฟังเพลงไม่เลือกแนวนะ ฟังหมดเลย คือสนุกกับการฟัง ได้ฟังสิ่งที่คนดูหรือคนฟังเราฟังอยู่ และดูว่าเขาชอบอะไรกัน คิดว่านักร้องคนนี้เป็นยังไง เขาจะชอบคนนี้มั้ย อย่าง pop music จะเป็นสิ่งที่เราวิเคราะห์ สังเกตเยอะ ซึ่งทำให้เรา set trend ให้กับกลุ่ม audience ของเราได้ เราเล่นอะไรได้สนุก ฟังแล้ววิเคราะห์ว่า เอ๊ะ Blue single ใหม่จะโดนมั้ย Kylie ออกชุดใหม่ single แรก Slow เนี่ยจะเป็นยังไง จะเจ๋งเหมือนชุดที่แล้วมั้ย คือการ predictive เป็นสิ่งที่สนุก ฟังแล้ววิเคราะห์ด้วย ถ้าตรงไหนหยิบมาเล่นได้ ก็เป็นการทำกิจกรรมกับคนดู” และนอกจากฟังเพลงเป็นกิจวัตรแล้ว เขายังเป็นนักแต่งเพลงตัวยง ใช้เวลาว่างแต่งเพลงแนว electronic music ที่ home studio

ขณะที่เขาเรียนรู้ความเป็น leadership จากประวัติศาสตร์ “ผมชอบดูหนังจีนโบราณมาก ชอบศึกษาเหตุการณ์ในอดีต ความเจริญรุ่งเรืองของโรมัน Julious Cesar หรือยุคของ Napolian เพราะนี่คือ คนที่มี leadership value ส่วน role model คือ ขงเบ้ง และ Richard Brandson เจ้าพ่อ Virgin อย่าง Brandson อาจจะโหลหน่อย แต่ชอบ เพราะเขามีอะไรคล้ายๆ กันกับผม คือ creative นำก่อน”

วันสัมภาษณ์ “Positioning” ลาจากสมิทธิ (ชื่อที่มีความหมายว่า สำเร็จโดยสมบูรณ์) มาในห้วงเวลาที่เขากำลังผิดหวังกับฟุตบอลทีมชาติอังกฤษซึ่งตกรอบ Euro 2004 “ชอบดูบอลครับ เมื่อคืนเพิ่งตกรอบไป เนี่ยยังไม่นอนเลย” ชายหนุ่มอัธยาศัยดี กล่าวทิ้งท้ายด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

Profile

Name : สมิทธิ เพียรเลิศ
Age : 25 ปี
Education :
2534 ประถมศึกษา โรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร
2541 มัธยมศึกษา Sherborne School, Dorset, UK
2544 ปริญญาตรี Bsc. UCL, University of London (1st class horns), UK
2545 ปริญญาโท MA, Media Production, University of England, UK
Career Highlights :
2546 Love F.M.
Director, BNT
2547-ปัจจุบัน General Manager, Channel [V] Thailand
Publisher, POP Magazine
Family :
เป็นบุตรของ อิทธิวัฒน์ – ฐมพร เพียรเลิศ
สถานภาพโสด