การใช้พื้นที่ของอิมแพคถึง 2 Hall บวกกับลาน Active Square สำหรับการเปิดตัวรถกระบะเพียงรุ่นเดียวจากค่ายเดียวถือว่าไม่ธรรมดา เรียกได้ว่าเป็น “มินิมอเตอร์โชว์” เลยก็ว่าได้ ไม่เพียงแต่ที่กรุงเทพฯ เท่านั้น งานเปิดตัว HILUX VIGO มีการถ่ายทอดสดพร้อมกันถึง 9 จังหวัด พร้อมมินิคอนเสิร์ตในแต่ละจังหวัด ต้องถือว่าทาง TMT (Toyota Motor Thailand) กับการลงทุนเปิดตัวครั้งนี้ที่มอบหมายให้ทาง CM Organizer เป็นผู้รับผิดชอบในกิจกรรมการเปิดตัวทั้งหมด ถือว่าโตโยต้าเดิมพัน VIGO เอาไว้เพื่อเป็นผู้ท้าชิงอันดับ 1 จากเจ้าตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์เดิมอย่างอีซูซุมาให้ได้
งานนี้ทั้งโตโยต้า และ CM Organizer ในฐานะผู้จัดงานเปิดตัว HILUX VIGO เตรียมตัวมาอย่างดี รูปแบบการจัดงานต้องสอดคล้องกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่ใช้เพื่อการพาณิชย์ นอกจากนำรถเข้าไปแสดงใน Hall พร้อมกับมินิคอนเสิร์ตและแฟชั่นโชว์เพื่อเรียกความสนใจ การใช้พื้นที่ Active Square ด้านนอกเพื่อแสดงสมรรถนะของ VIGO ในการพาณิชย์ และในเชิงของการขับแบบออฟโร้ด รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ว่าไม่ได้มีตลาดแค่ในเมืองใหญ่เท่านั้น แต่เป็นตลาดที่รวมทุกพื้นที่ทั้งประเทศ
การชิงเปิดตัว VIGO ของโตโยต้าในครั้งนี้ ถือเป็นการแก้เกมจากบทเรียนครั้งที่ผ่านมา ที่เคยหวังจะให้ HILUX TIGER มาล้มตำแหน่งที่ 1 จากอีซูซุ แต่ทางอีซูซุเองกลับชิงเปิดตัว D-MAX ออกมาก่อน ทำให้อีซูซุโกยยอดขายไปในปีที่แล้วถึงกว่า 120,000 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดคร่าวๆ กว่าร้อยละ 40 โตโยต้าครองส่วนแบ่งทางการตลาดรถเพื่อการพาณิชย์เป็นอันดับ 2 ราวๆ ร้อยละ 30
มาคราวนี้โตโยต้าจึงชิงเปิดตัว HILUX VIGO ก่อนที่ทางอีซูซุจะเปิดตัว D-MAX โฉมใหม่ในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับงานมอเตอร์โชว์รถเพื่อการพาณิชย์ จะจัดขึ้น ณ ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา
HILUX VIGO ของโตโยต้า ถือว่าเป็นการช่วงชิงความได้เปรียบทางการตลาดที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะเป็นการชิงเปิดตัวก่อนคู่แข่งสำคัญอย่างอีซูซุ ยังเป็นจังหวะเดียวกับราคาน้ำมันเบนซินที่สูงขึ้นจากการปล่อยลอยตัว ในขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลยังคงตรึงราคาไว้ที่ 14.59 บาท ทำให้คนหันมาใช้รถเครื่องยนต์ดีเซล และรถยนต์ขนาดเล็กกันมากขึ้น
VIGO มีหมัดเด็ดอะไรที่จะสู้ D-MAX ได้ นอกจากชิงออกหมัดก่อนด้วยงานเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่ที่จัดขึ้นทั่วประเทศ VIGO ยังมีหมัดเด็ดอะไรบ้างที่ซ่อนอยู่เพื่อเอาไว้ล้ม D-MAX
เครื่องยนต์ D4D Commonrail Engin 2 – เครื่องยนต์ตัวนี้ได้รับการพัฒนามาจาก D4D Commonrail เดิมที่อยู่ใน HILUX TIGER ซึ่งความพิเศษของ Engin 2 ตัวนี้อยู่ที่ระบบฉีดน้ำมันที่ทำให้การฉีดน้ำมันเป็นฝอยมากกว่าเดิม เป็นการประหยัดน้ำมันมากขึ้นจาก Engin 1 ซึ่งถึงแม้อีซูซุจะเปิดตัว D-MAX โฉมใหม่ในเดือนตุลาคมนี้ แต่ด้านเครื่องยนต์ก็ยังเป็นรอง VIGO เพราะ เครื่องยนต์ที่ D-MAX นำมาใช้ใหม่ก็คือ D4D Commonrail Engin 1 ที่เป็นตัวเครื่องเดิมของ TIGER นั่นเอง แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ตัวโตโยต้าเองว่าจะสื่อสารให้คนทั่วไปรู้ในจุดนี้ได้อย่างไร เพราะนอกจากการโฆษณาที่บอกว่าประหยัดกว่าคงไม่เพียงพอ
Design – TOYOTA ได้ทำการออกแบบ VIGO ขึ้นใหม่ทั้งหมด ทั้งภายนอกและภายใน ตัวถังภายนอกมีการออกแบบให้ใหญ่ขึ้น ทำให้ดูแข็งแกร่งและดูมีความเป็นสปอร์ตมากขึ้น ภายในเองก็มีการออกแบบห้องโดยสารให้หรูหรามากขึ้น มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่หลากหลาย พร้อมกับขยายทั้งส่วนของห้องโดยสารภายในและตัวกระบะให้กว้างขึ้น อย่างไรก็ตามการออกแบบทั้งภายนอกภายในก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของผู้บริโภคว่าจะชอบหรือไม่ แต่ต้องดูด้วยว่าโฉมใหม่ของ D-MAX เป็นอย่างไร นอกจากตัวถังและภายในแล้วตัว Chasis ของ VIGO ก็เป็นแบบชิ้นเดียว ซึ่งในทางวิศวกรรมถือว่าการที่มีจุดเชื่อมต่อน้อยเท่าใด ก็ยิ่งแข็งแรงมากเท่านั้น
ราคา – HILUX VIGO กับการตั้งราคาต่ำกว่ารุ่นปัจจุบัน (HILUX TIGER) สูงสุดถึง 58,000 บาท จึงทำให้หลายคนสงสัยไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดโตโยต้าจึงสามารถลดราคาขายลงได้ ทั้งนี้ก็เนื่องจาก HILUX VIGO ใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศมากขึ้นกว่า TIGER จากเดิมเฉลี่ยร้อยละ 80 มาเป็นร้อยละ 90 และในบางรุ่นมีการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศถึงร้อยละ 96 ทำให้ VIGO จึงสามารถลดราคาขายให้ต่ำกว่ารุ่นปัจจุบันอย่าง TIGER ได้
การปล่อย VIGO ของโตโยต้าคราวนี้ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดอย่างครบวงจร ไม่ว่าตัวผลิตภัณฑ์ที่มีการพัฒนาขึ้นใหม่ ราคาที่ถูกลง การวางตำแหน่งสินค้าในกลุ่มเป้าหมายที่แน่นอน ก็ต้องรอดูว่า VIGO จะกระชากอันดับ 1 จาก ISUZU หรือทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดที่แตกต่างกันอยู่ประมาณร้อยละ10 ลดลง งานหน้าโตโยต้าคงต้องออกแรงมากขึ้นกว่าเก่าเป็นเท่าตัว