ตลอดมาดนตรีดีๆ ถูกให้ค่ากันเรื่องความละเอียดของเสียง การผสมผสานอย่างซับซ้อนและลงตัว กำเนิดจากแนวทางมากมิติ เกิดเสียงก้อง เสียงกังวาน เสียงสะท้อนด้านหลัง เสียงซ้ายขวา
เสียงถี่ละเอียดหลากหลายและคัดมาเฉพาะเสียงจากเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น ไม่มีเสียงแทรกอื่นๆ แบบนั้นเรียกว่า Hi-Fidelity เป็นที่มาของคำย่อว่า Hi-Fi หรือชื่อวารสารเครื่องเสียงบางเล่ม นักเล่นเครื่องเสียงและนักฟังเพลงแบบเข้มข้นเน้นความสำคัญของ Hi-Fi มาก ขนาดติดลำโพงสิบสองตัวในห้อง ใช้แอมป์และซัพวูฟเฟอร์ชั้นดีเพื่อแยกเสียงเหล่านั้น ออกจากเพลงบันทึกเสียงอีกชั้น ให้แจกจ่ายไปตามลำโพงต่างๆ เพื่อส่งเสียงกลับมาผสมกันใหม่ในอากาศของห้อง ก่อนเข้าหูคนฟังอีกที
Hi-Fi ที่ดี คือการส่งเสียงให้ได้ช่วงความถี่ของเสียงหรือ Frequency สูงสุด เครื่องเสียงดีๆ ทุกชิ้น แม้แต่หูฟัง วัดประสิทธิภาพกันที่ตรงนี้ เช่น หูฟังรุ่น R-10 จากโซนี่ ซึ่งบางคนบอกว่าเป็นหูฟังดีที่สุดในโลกราคาถึง 4000 ดอลลาร์ มีช่วงความถี่เสียงอยู่ที่ต่ำสุด-สูงสุด 20-20000 Khz
Hi-Fi ที่ละเอียดอ่อนและมากเรื่องนั้น ถือเป็นการพัฒนาขั้นสูงสุดในทางดนตรีและทางระบบเครื่องเสียง คือแนวทางสำหรับการฟังเพลงคลาสสิกและแจ๊ซให้ได้อารมณ์สูงสุด
Lo-Fidelity หรือ Lo-Fi ลบจริตเหล่านั้นด้วยการทำเพลงให้คลุม ”ฟรีเควนซี่ต่ำ” ทำให้มีไลน์ประสานเสียงเครื่องดนตรีต่างๆ น้อยไลน์ เสียงบางที่สุด มีมิติน้อยที่สุด หรือปล่อยเสียงแทรกรบกวนทิ้งไว้ และในเชิงเพลงที่สร้างจากเครื่องดิจิตอล Lo-Fi คือ ”ไฟล์ข้อมูลเสียงที่มี bit rate ต่ำ”
bit rate หรือ bitrate เป็นอัตราความเร็วที่ ”บิต” ของเสียงถ่ายทอดผ่านสายไฟ หรือคลื่นวิทยุ โดยคิดเป็นอัตราบิตต่อวินาที หรือ bps ในรอบ 1000 bit/s เรียกว่า 1 กิโลบิต เพอร์เซ็กกัน และ 1000 Mbit/s เรียกว่า 1 จิ๊กกะบิตเปอร์เซ็กกัน นอกจากนั้นยังมีอัตราที่เรียกว่าแปดบิตเท่ากับหนึ่งไบต์ แต่การสื่อสารข้อมูลจะเรียกเป็นบิต อัตราไบต์จะใช้ในการบันทึกข้อมูลลงดิสก์เท่านั้น บิตเรตในเชิงคุณภาพเสียงแสดงคุณภาพของดนตรีคือบิตเรตสูงแสดงจำนวนของเสียงดนตรีในต่อละวินาที
นักสร้างเพลง Lo-Fi ถือว่าเป็นโจทย์ทางศิลปะท้าทายที่จะพยายามอัดเสียงให้มีบิตเรตต่ำ หรือมีความดิบของเสียง ที่ปล่อยเว้นอารมณ์เสียงว่าง และฟังเป็นธรรมชาติกว่า หรือมีเสียงอื่นแทรก และมีช่วงแตกต่างระหว่างเสียงสูงและต่ำน้อย แต่ฟังแล้วยังได้อารมณ์เพลง ขณะที่นักต่อต้านโล-ไฟกล่าวหาว่าเป็นงานง่ายๆ แค่ใช้เครื่องมือ Low-tech ก็ประกอบเสียงแบบนี้ได้แล้ว
เพลงจากแผ่นเสียงรุ่นเก่ามาอัดใหม่ใส่ซีดี ถือเป็นงาน Lo-Fi ในทางเทคนิค เพราะระบบเสียงไม่ค่อยดีพอ หรืองานเพลงในแนวอินดี้ ร็อก ถือว่าเป็น Lo-Fi ในทางทักษะ เพราะไม่ได้ใช้เครื่องมือมากมาย หรือนักดนตรีส่วนมากมีความรู้ทางดนตรีไม่ลึกซึ้ง หรือทำเพลงกันโดยอัดใส่ ”เทปคาสเซตต์” แทนระบบเสียงอย่างดีในห้องอัด เพื่อให้ได้อารมณ์ดิบของเพลง
การทำเพลงโจทย์ที่ยากกว่า คือการสร้างดนตรีแบบ Lo-Fi จากดนตรีทริพ-ฮอพ หรือแนวผสมระหว่างเทคโน ทรานซ์ และฮิพ-ฮอพ มิวสิก ซึ่งเป็นดนตรีที่พื้นเดิมต้องมีมิติของเสียงอิเล็กทรอนิกส์แทรกซ้อนหลายไลน์เสียง และจังหวะดนตรีเร่งเร้าให้บิตเรตสูง ตัวอย่างผลงานชั้นดีในประเภทงานเทคโนแต่ Lo-Fi แบบหลังนี้ได้แก่ผลงานของแดน แอนิเมเตอร์ จากชุด Gorillaz และวง Portishead จากอัลบั้ม Dummy

