การตลาดแบบเจมส์ บอนด์ พบ การตะลุยแบบเควนทิน

ต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ เพียร์ซ บรอสแนน ให้สัมภาษณ์ว่าเขาอยากให้โคลิน ฟาร์เรลล์ ดาราหนุ่มไอริช หรือเชื้อชาติเดียวกัน มารับบทเจมส์ บอนด์ 007 คนต่อไป พูดแค่นี้กลายเป็นข่าวไปทั่วโลก มีสำนักข่าวภาษาอังกฤษกว่าร้อยแห่งรายงานข่าวนี้ในช่วงสามวัน เพราะเจมส์ บอนด์ 007 คือภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดที่มีการสร้างตอนต่อมากที่สุด โดยในช่วง 40 ปี มีการสร้างมาแล้ว 20 ตอน และเป็นภาพยนตร์ตอนต่อที่ทำเงินสูงสุด

ตอนสุดท้ายมีเพียร์ซ บรอสแนน ดาราไอริช เป็นพระเอกก่อนที่เขาจะถูกขอเปลี่ยนตัวออกจากตอนหน้า เพราะอายุที่มากถึง 51 ปีแล้ว ซึ่งพระเอกคนดีก็ไม่ว่ากระไร ถึงตอนแรกจะอยากเล่นอีก แต่ก็ต้องยินยอม เพราะที่จริงทำสัญญาเล่นแค่สี่ตอน

ทุกตอนคงสูตรเดิมๆ ของเจมส์ บอนด์ คือพระเอกหล่อ สาวบอนด์เซ็กซี่ มีอุปกรณ์ไฮเทคช่วยทำงานสายลับ ขับรถยนต์เร็วและสวย กับใช้ชีวิตหรูหรา ดื่มมาร์ตินี่

สามตอนแรกที่เพียร์ซเล่นทำเงินกว่าพันล้านดอลลาร์ ส่วนตอนล่าสุดเมื่อสองปีก่อนก็ทำเงินพอได้ แต่น้อยกว่าตอนก่อนหน้าเล็กน้อย เมื่อเทียบค่าเงินและเวลาแล้วก็ถือว่าน้อยกว่ามากอยู่ เพราะเทรนด์ตลาดเปลี่ยนไป มีภาพยนตร์ประเภท “บู๊ แต่ไม่เลือดสาด” หลายเรื่อง ทั้งสไปเดอร์ แมนด์, X แมน และออสติน พาวเวอร์ เข้ามาเร้าใจคนดูในรูปแบบอื่น คือรูปแบบที่พระเอกไม่ต้องหล่อก็ได้

ผู้ผลิตดูเหมือนไหวตัวทันหาสปอนเซอร์เข้ามาเสริมเป็นทุนสร้างตั้งแต่ตอนถ่ายทำ เจมส์ บอนด์ตอนที่แล้วในปี 2002 จึงเป็นตอนที่เปลี่ยนกลวิธีการดีลระหว่างภาพยนตร์กับสปอนเซอร์ และกลายเป็นจุดจารึกการเปลี่ยนแปลงการโฆษณาทางภาพยนตร์ เพราะอีออน โปรดักชั่นและเอ็มจีเอ็ม ผู้สร้างสามารถหาสปอนเซอร์ได้สูงถึง 100 ล้านดอลลาร์

ใน Die Another Day ที่ผู้สร้างบอกว่ามีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนหนุ่มสาววัย 15-59 ปี ประกอบด้วยสินค้าโชว์ยี่ห้อในภาพยนตร์ราวยี่สิบเจ้า

เพียร์ซ บรอสแนน พระเอกบอนด์ ต้องใส่นาฬิกายี่ห้อ Omega รุ่น Seamaster ที่มีการผลิตออกมาเพียง 10,007 เรือน และขายเรือนละ 2,195 ดอลลาร์ (ประมาณ 87,800 บาท) ถ่ายภาพด้วยกล้อง Kodak และติดต่อผ่านมือถือยี่ห้อ Sony Ericsson จิบมาร์ตินี่ แบบ Medium-Dry ผสมจากวอดก้ายี่ห้อ Finlandia แทนยี่ห้อ Smirnoff ที่เจมส์ บอนด์เคยชอบจิบในตอนก่อนๆ โกนหนวดด้วย Norelco ใช้กระเป๋าเดินทางยี่ห้อ Samsonite และบินด้วย British Airways ส่วนสาวบอนด์แต่งหน้าด้วย Revlon

ฟอร์ด มอเตอร์ (อเมริกา) ยอมจ่ายให้ผู้สร้างสูงถึง 35 ล้าน เพื่อให้เจมส์ บอนด์ เลิกใช้ BMW โดยตอนล่าสุด นางเอกบอนด์ขับรถยนต์ Ford รุ่น Thunderbird ส่วนพระเอกใช้ Aston-Martin ประกอบมือราคา 230,000 ดอลลาร์ และผู้ร้ายใช้ Jaguar แทน ทุกรุ่นเป็นสินค้าในเครือฟอร์ด แต่ต่างราคาและกลุ่มเป้าหมาย

แม้แต่ยี่ห้อที่หาทางปรากฏภาพในบอนด์ไม่ได้เพราะเป็นสินค้าพื้นๆ เกินไป และพระเอกเก๋ๆ ไม่ควรใช้ คือ 7 Up และถ่านไฟฉาย Energizer ช่วงนั้นก็ร่วมกระแสบอนด์ ด้วยการจ่ายเงินให้บอนด์เป็นค่าขอโลโก้บอนด์มาปะกล่องสินค้าด้วย

ค่ายเองใช้เงินโฆษณาเพิ่มเติมไปในเดือนพฤศจิกายนปี 2002 ถึง 35 ล้านดอลลาร์ แต่บอนด์ภาคล่าสุด Die Another Day (เพียร์ซ บรอสแนน และฮัลลี เบอร์รี่) ที่กินทุนสร้างมากที่สุด 142 ล้านดอลลาร์ ท้ายสุดเก็บเงินได้ในอเมริกาแบบเฉียดฉิวที่ 160 ล้านดอลลาร์ และรายได้รวมน้อยกว่าตอนก่อนหน้าราว 28 ล้าน แทนที่จะเป็นกราฟพุ่งขึ้นเหมือนทุกตอน

หลังจากนั้น หนึ่งปีกว่าแล้วที่โปรดิวเซอร์ขอเอาเพียร์ซ บรอสแนน ออก บริษัทเอ็มจีเอ็มก็หาพระเอกใหม่ไม่ได้ โดยติดต่อไปหลายคน รวมถึงจู๊ด ลอว์ และบางคนเช่น อียวน แม็คเกอร์เกอร์ ก็แสดงความสนใจอยากเล่น แต่ก็ไม่ลงตัว และหาผู้กำกับการแสดงไม่ได้ด้วย ส่วนนางเอก ในเดือนเมษายน ปี 2003 ก็มีข่าวว่า นางเอกนางงามอินเดีย Aishwarya Rai ถูกทาบทาม

ขณะเดียวกัน เอ็มจีเอ็มเองอยู่ระหว่างการเจรจาขายบริษัทที่ยืดเยื้อโก่งราคาไว้สูงถึงห้าพันล้านดอลลาร์ โซนี่ พิคเจอร์ที่ว่าจะซื้อแน่ๆ มาเป็นปีจึงรีรออยู่ และไทม์ วอร์เนอร์ที่สนใจก็ไม่สู้ราคา สตูดิโอจึงประกาศหยุดการทำงานโปรเจกต์ เจมส์ บอนด์ 21 ไปในที่สุด เมื่อเดือนกันยายนปี 2004 โดยเลื่อนการเปิดโปรเจกต์ไปอีกหนึ่งปี จากที่กะฉายเดือนพฤศจิกายนปี 2505

ตลอดเวลานั้น กว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา เควนทิน ทาเรนทิโน่ ผู้กำกับดังวนเวียนให้สัมภาษณ์หลายรอบมาก จนล่าสุดพูดเมื่อเดือนเมษายนที่คานส์ ว่าอยากกำกับเจมส์ บอนด์ 007 แต่ขอเป็นการรีเมคภาค Casino Royale และขอเอาเพียร์ซ บรอสแนน มาเป็นพระเอก

ในการให้สัมภาษณ์ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ที่อ้างถึงโคลิน ฟาร์เรลล์ บรอสแน่นก็พูดถึงเรื่องนี้ด้วย โดยบอกว่าคุยกับเควนทินอยู่ แต่ไม่แน่ใจว่าโปรเจกต์นี้จะเกิดขึ้นไหม

ข้อเสนอของเควนทินพิลึกตามแบบฉบับของเขา คือจะสร้างตอนเก่าขึ้นมาใหม่ เน้นเรื่องราวคงรูปแบบจากหนังสือต้นฉบับที่เขียนโดยเอียน เฟลมมิ่งมากขึ้น และขอสาวบอนด์ตอนนี้เป็นอูม่า เทอร์แมน นางเอกผูกขาดจาก Pulp Fiction และ Kill Bill 2 ภาค

แฟนบอนด์อาจจะร้องขัดใจหน่อย เพราะสาวบอนด์บุคลิกน่าจะเซ็กซี่ และทรงเสน่ห์แพรวพราวกว่าอูม่า ที่เรียบและนิ่งเกินไป แต่ในเมื่อแฟนบอนด์เดิมๆ เหลือไม่มากแล้ว และโครงการสร้างบอนด์ตอนใหม่ยืดเยื้อไม่มีอนาคตแน่นอนอย่างนี้ ข้อเสนอของเควนทินก็น่าสนใจ

โดยเหตุผลที่เขาป่าวประกาศและร้องขอทำคือ บริษัท (เอ็มจีเอ็ม) ไม่มีอะไรจะเสีย มีแต่โอกาสที่จะได้ เมื่อเขาจะทำหนังเจมส์ บอนด์ในราคาต่ำเพียง 40 ล้านดอลลาร์ให้ และเขาขอสัญญาด้วยว่าจะไม่ทำลายความคลาสสิกของภาพยนตร์ชุดนี้เด็ดขาด

เควนทินมีชื่อในการสร้างหนังทุนต่ำและกำไรสูงมาโดยตลอด นับแต่ที่เขาก้าวขึ้นจากการเป็นคนทำหนังอิสระหรือหนังอินดี้รายแรกที่สามารถทำรายได้สูงเกิน 100 ล้านดอลลาร์ จากภาพยนตร์สีเรื่องที่สองของเขาคือ Pulp Fiction ซึ่งทุนสร้างเพียง 8 ล้านดอลลาร์ แต่ทำรายได้ทั่วโลกสูงถึง 212 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะในอเมริกาก็มีรายได้ 107 ล้านดอลลาร์ แถมนำดาราตกฟากฟ้าแล้วอย่างจอห์น ทราโวลต้า มาสู่ความนิยมใหม่ด้วย

ขณะที่ภาพยนตร์สีเรื่องแรกคือ Reservoir Dog ปี 1992 ทุนสร้างเพียง 1.2 ล้านดอลลาร์ก็ทำกำไรจากการฉายในประเทศได้ และกลายเป็นภาพยนตร์ต้นแบบอเมริกันอินดี้ที่กล่าวขาน ขึ้นหิ้งวิดีโอคลาสสิกที่คอภาพยนตร์ศิลปะต้องเก็บมาดู

ส่วน Kill Bill ที่ประสบความสำเร็จสองภาคล่าสุด ภาคแรกสร้างด้วยทุน 55 ล้านดอลลาร์ ภาคสองสร้าง 30 ล้านดอลลาร์ น้อยกว่าหนังสตูดิโอใหญ่ๆ มากมาย เพราะไม่เคยจ่ายพร่ำเพรื่อหรือจ้างดาราค่าตัวแพงๆ

เควนทินก้าวจากพนักงานร้านวิดีโอในลอสแอนเจลิสมาสู่ตำแหน่งคนทำของแปลกที่ขายได้ในฮอลลีวู้ด โดยทำภาพยนตร์ขาวดำเป็นเรื่องแรก และเริ่มมีชื่อเสียงเมื่อปี 1994 ในฐานะผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่อง Natural Born Killer ที่โอลิเวอร์ สโตนนำไปกำกับ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่พลิกโฉมรูปแบบการดำเนินเรื่องและตัดต่อเดิมๆ ของฮอลลีวู้ด โดยนำเสนอเนื้อหาเรื่องที่มีความรุนแรงสูง แต่เล่าผ่านภาพสีสวย มีศิลปะการจัดองค์ประกอบภาพ และใส่ดนตรีประกอบอย่างดีเข้ามาเคลือบ

ภาพยนตร์ Pilp Fiction ที่เขากำกับเองและออกฉายในช่วงเดียวกัน ก็มีรูปแบบการนำเสนอคล้ายๆ คือปนรูปแบบที่เคยชินตาคนดู ด้วยความเก่าที่คลาสสิก แต่เปลี่ยนให้ดูทันสมัยเพื่อลงตัวกับการเล่าเรื่องและภาพแปลกๆ บวกอารมณ์ขันร้ายหรือ dark humor

การขอผสมสูตรตำนานภาพยนตร์ใหม่และตำนานเก่า ระหว่างเควนทินกับแนวเดิมๆ ของเจมส์ บอนด์ จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ ถ้าสตูดิโอยินยอมให้ทำโดยด่วน

เพราะถึงแม้พูดว่าอยากทำเจมส์ บอนด์มากว่าหนึ่งปี เขาก็บอกความต้องการสร้างหนังแบบอื่นๆ มาเรื่อยๆ ด้วย จากการให้สัมภาษณ์ในช่วงปีนี้ โดยพูดที่คานส์ตอนไปเป็นประธานตัดสินว่า ตอนนี้มีพล็อตสงครามโลก พล็อตสยองขวัญ และตอนที่ Kill Bill ดัง เขาบอกว่า อยากสร้างหนังที่มีคนพูดภาษาจีนมากๆ เพราะดูภาษาญี่ปุ่นใน Kill Bill แล้วมีเสน่ห์ดี

สำหรับ โคลิน ฟาร์เรลล์ ดาราจากไอร์แลนด์ คนที่เพียร์ซ ยากเห็นเป็นบอนด์คนใหม่ อายุเพียง 28 ปี เริ่มฝึกฝนจากการแสดงละครเวทีอาชีพในประเทศก่อน และถือว่าเป็นดาราชายฝีมือดีที่สุดคนหนึ่งในตอนนี้ นอกเหนือจากที่พฤติกรรมส่วนตัวก็เจ้าชู้สูงสุดคนหนึ่ง และเคยกิ๊กสาวเจ้าชู้ที่สุดสองคนคือ บริทนี่ย์ สเปียร์ และแองเจลิน่า โจลี่ มาแล้ว ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาคือ Alexander ที่สร้างโดยโอลิเวอร์ สโตน และถ่ายทำส่วนหนึ่งในประเทศไทย

เควนทินเองยอมรับว่าโอกาสที่โปรดิวเซอร์บอนด์จะยอมให้เขาทำเจมส์ บอนด์ เบาบางหรือ thin เต็มที แต่ก็ไม่เคยเลิกพูดว่าอยากทำมาก เมื่อมีโอกาสผ่านสื่อมวลชน

ตามใจเควนทินก็ต้องเป็นเพียร์ซ บรอสแนน เหมือนเดิม แต่ที่จริงถ้าได้โคลินและ ชื่อเควนทินด้วย ก็น่าจะเป็นผลกำไรสุทธิแน่นอนให้เจมส์ บอนด์ยิ่งขึ้น มิอย่างนั้นตำนานสี่สิบปีของเจมส์ บอนด์ 007 อาจปิดฉากเอาง่ายๆ ในยุคที่ตลาดเปลี่ยนไปแล้ว