นับจากวันที่สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 นำละครซีรี่ส์จากไต้หวันเรื่อง รักใสใส หัวใจ 4 ดวง มาฉายเมื่อ 3 ปีที่แล้ว รวมทั้งการสร้างช่วงเวลาใหม่ของละครหลังข่าว ด้วยเอเชี่ยนซีรี่ส์ของสถานีโทรทัศน์ไอทีวี เอเชี่ยนซีรี่ส์ก็กลายเป็นกระแสนิยมที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มคนดูไทยจำนวนมาก ซึ่งนับจากนั้นสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นๆ ก็เริ่มสร้างช่วงเวลาของซีรี่ส์เอเชียตามๆ กันมา พร้อมๆ กับการเกิดขึ้นของการนำเข้าภาพยนตร์เอเชียของบริษัทผู้นำเข้าภาพยนตร์ทั้งรายใหญ่และรายย่อย ไม่ว่าจะเป็นสหมงคลฟิล์ม เมเจอร์พิคเจอร์ เจ-บิ๊กส์ ฟิล์ม โรสวิดีโอ
กระแสที่เกิดขึ้นจากซีรี่ส์เอเชีย ได้ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอีกหลายๆ ตัวพลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วย อาทิ ธุรกิจขายและเช่าวีซีดี-ดีวีดี ที่มีทั้งถูกลิขสิทธิ์และไม่ถูกลิขสิทธิ์ ธุรกิจเพลงที่จะเห็นได้ว่า ค่ายเพลงอินเตอร์ รวมทั้งค่ายเพลงไทย เริ่มนำเข้าเพลงของเอเชียด้วยกันเพิ่มมากขึ้น ธุรกิจคอนเสิร์ต ธุรกิจการท่องเที่ยว ธุรกิจการสอนภาษา ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจร้านขายของเกาหลี ญี่ปุ่น รวมทั้งการเกิดขึ้นของกระแสแฟนคลับ ที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มคนที่ชื่นชอบศิลปินหรือดาราคนเดียวกัน ทำให้เกิดกิจกรรมร่วมกันอีกมากมาย ซึ่งหมายรวมถึงการเกิดขึ้นของเว็บไซต์ ที่เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารของแฟนคลับกลุ่มเดียวกัน
ธุรกิจแรกที่เกือบจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กับกระแสความนิยมเอเชี่ยนซีรี่ส์ คือ ธุรกิจซื้อขายแผ่นวีซีดี-ดีวีดี ของซีรี่ส์เรื่องนั้นๆ ปัจจุบันได้เกิดร้านขายแผ่นซีรี่ส์ รวมทั้งภาพยนตร์เอเชีย ในแหล่งช้อปปิ้งของวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ อาทิ สยาม เจ.อเวนิว สุขุมวิท คลองถม เยาวราช ซอยอารีย์ มาบุญครอง ซึ่งร้านเหล่านี้จะมีทั้งร้านที่ขายของถูกลิขสิทธิ์ และร้านขายของละเมิดลิขสิทธิ์
นอกจากนี้ บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นวีซีดี-ดีวีดีเดิมๆ อย่าง แมงป่อง โรสวีดีโอ อีวีเอส ก็ยังต้องให้ความสำคัญกับการขยายตลาดแผ่นหนังและซีรี่ส์เอเชียให้มากขึ้น บริษัท แมงป่อง จำกัด (มหาชน) ผู้นำในตลาดนี้ ถึงขนาดต้องเพิ่มสัดส่วนของพื้นที่วางจำหน่ายแผ่นหนังเอเชียเป็น 10% จากเดิมที่มีเป็นเพียงสินค้าแทรกในร้าน
โดยแมงป่องให้ความสำคัญกับตลาดซีรี่ส์และภาพยนตร์จากเกาหลีใต้มากเป็นพิเศษ ด้วยเหตุผลที่ว่า ผลงานสร้าง ของผู้กำกับเกาหลีใต้ มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาของเรื่อง และตัวดารานักแสดง จึงทำให้คนดูให้ความสนใจกับงานบันเทิงของเกาหลีใต้มากกว่าเอเชียประเทศอื่นๆ อาทิ ญี่ปุ่น และฮ่องกง ซึ่งจริงๆ งานภาพยนตร์ของทั้ง 2 ประเทศนี้เข้ามาสร้างความนิยมในไทยได้ก่อนหน้าเกาหลีใต้นานมาก แต่ด้วยความจำเจของเนื้อหาที่ไม่ค่อยแตกต่างจากเดิมมากนัก รวมทั้งนักแสดงจะมีแต่หน้าตาซ้ำๆ ออกมามาก ทำให้คนดูเริ่มเบื่อ
ความแตกต่างของสินค้าที่มีลิขสิทธิ์ที่ถูกต้อง อย่างเช่นที่แมงป่องผลิตออกมาจำหน่ายนั้น คือเรื่องคุณภาพ ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบกว่าแผ่นผี ทั้งเรื่องของความคมชัด เสียงพากย์ที่ดี และแพ็กเกจจิ้งสวยงาม ขณะที่แผ่นผีบางครั้งจะขาดความคมชัด รวมทั้งเสียงนักพากย์ที่มีตกหล่น
เสียงพูดไม่ตรงกับปากที่ขยับ หรือพากย์ออกนอกลู่นอกทางผิดความหมาย แต่ข้อเสียเปรียบที่สำคัญของแผ่นถูกลิขสิทธิ์คือความช้า เนื่องจากต้องรอขั้นตอนกระบวนการตามกฎหมาย ขณะที่แผ่นผีไม่ต้องรอ พร้อมเมื่อไรผลิตและวางจำนหน่ายได้เลย ซึ่งหลายครั้งที่สามารถออกวางจำหน่ายได้ก่อนหนังฉายจริง นอกจากนี้ ราคาของแผ่นจะถูกกว่าแผ่นที่ถูกลิขสิทธิ์ประมาณ 10-20%
จากการเพิ่มปริมาณการผลิตและจำหน่ายแผ่นหนังจากเอเชีย ทำให้แมงป่องมีสัดส่วนรายได้จากหนังและซีรี่ส์เอเชียประมาณ 10% โดยเป็นรายได้จากหนังเอเชียทั้งหมดที่มี คือ เกาหลีใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน และอินเดีย
ส่วนเรื่องของสัดส่วนตลาด หรือมูลค่าตลาดหนังแผ่นเอเชียนั้น ยังไม่มีใครประเมินตัวเลขที่แท้จริงออกมาได้ เนื่องจากสินค้าที่มีวางขายอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์
ส่วนธุรกิจเพลง ที่ขณะที่มีการนำเข้าเพลงผลงานของศิลปินเอเชียด้วยกันเข้ามาในตลาดมากขึ้น ดูได้จากค่ายอินเตอร์ยักษ์ใหญ่ โซนี่ บีเอ็มจี เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ขณะนี้มีผลงานศิลปินจากเอเชียเข้ามาทำตลาดหลาย เบอร์ อาทิ Jay Chou, Jerry Yan, Ken, Venness, Wong Lee Hom ขณะที่ วอเนอร์ มิวสิค ประเทศไทย นำเข้าศิลปิน Dylan จากไต้หวันเช่นกัน ส่วนค่ายเพลงไทย จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ก็เคยให้บริษัทในเครือ นำศิลปินเกาหลีใต้ชื่อดัง Rain นักร้อง และนักแสดงจากซีรี่ส์ฮิต Full House มาเปิดอัลบั้ม และเปิดการแสดงในไทย ค่ายอาร์.เอส.โปรโมชั่น ก็ไม่น้อยหน้า นำศิลปิน ลูซิเฟอร์ และ Seven จากญี่ปุ่น เข้ามาทำความรู้จักกับคนไทยเช่นกัน
แม้แต่ บริษัท เอ พี เอส อินเตอร์มิวสิค จำกัด ก็ยังมีการผลิตและจำหน่ายเพลงเอเชีย ทั้งเพลงไทย จีน สากล ทั้งแบบ Original และ Cover Version โดยมีเพลงลิขสิทธิ์อยู่ทั้งหมดกว่า 8,000 เพลง 600 อัลบั้ม และเริ่มต่อยอดธุรกิจออกมาสู่การโหลดริงโทน เพลงที่หาฟังได้ยาก เช่น บทสวดเจ้าแม่กวนอิม (ฉบับทิเบต), เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้, เถียนมี่มี่, หนีเจิ่นเมอซัว, Handy Man
ธุรกิจเพลง มีความเหมือนและคล้ายกับธุรกิจแผ่นภาพยนตร์ค่อนข้างมาก เนื่องจากมีการละเมิดลิขสิทธิ์ค่อนข้างสูง และยังมีการละเมิดให้ดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บไซต์ต่างๆ โดยเฉพาะผลงานเพลงของศิลปินเอเชียด้วยกัน ซึ่งกฎหมายลิขสิทธิ์ยังไม่ครอบคลุมเท่ากับเพลงของศิลปินอเมริกา และยุโรป ดังนั้น จึงทำให้มีการละเมิดกันเยอะมาก
จากการพูดคุยกับผู้คลั่งไคล้ซีรี่ส์ และดารานักร้องเอเชีย ส่วนใหญ่ให้คำตอบเดียวกันว่า ต้องการเพียงได้ดูซีรี่ส์หรือผลงานของดาราที่ตัวเองชื่นชอบ โดยไม่ต้องจ่ายเงินราคาแพงๆ ส่วนคุณภาพหรือแพ็กเกจจึงเป็นเรื่องรอง
แต่หากเมื่อใดที่ความคลั่งไคล้ทีวีดีกรีมากขึ้น สินค้าบางอย่างของดาราบางคนจะกลายเป็นของสะสม และเมื่อนั่นเอง ที่พวกเขาจะยอมทุ่มเงินซื้อของลิขสิทธิ์ เพราะเริ่มต้องการคุณภาพ และอยากได้ของแท้ออริจินัล โดยแอบพิจารณาราคาบ้างในบางครั้ง และด้วยความต้องการของผู้บริโภคทั้ง 2 กลุ่มนี้เอง ที่ส่งผลให้ธุรกิจซีดี วีซีดี และของที่ระลึก เฟื่องฟูแบบไม่น่าเชื่อ แม้จะไม่มีใครเคยประเมินตัวเลขที่สะพัดไปสะพัดมาว่ามีมูลค่าเป็นหลัก 10 หลัก 100 หรือหลัก 1,000 ล้านบาท ก็ตามที
สำหรับธุรกิจสถาบันสอนภาษา ตอนนี้หลายคนต่างยอมรับว่า สถาบันสอนภาษาอังกฤษมีการเติบโตในสัดส่วนที่ลดลง เมื่อเทียบกับสถาบันสอนภาษาจีนหรือภาษาญี่ปุ่น ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เช่น เดียวกับธุรกิจร้านอาหาร ที่แนวโน้มความนิยมการบริโภคอาหารจีนขยายวงกว้างสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ ขณะเดียวกันธุรกิจอาหารญี่ปุ่นแบบโมเดิร์น ก็มีมูลค่าตลาดโตอย่างก้าวกระโดด จากปี 42 มูลค่า 500 ล้านบาท โตเพิ่มเป็น 3,500 ล้านบาท ในปี 2546 และยังเติบโตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แม้การเติบโตจะไม่สูงเท่าในอดีต แต่ก็ยังโตดีกว่าธุรกิจร้านอาหารจีนในรูปโมเดิร์น ที่เป็นอีกหนึ่งกระแสความนิยมเช่นกัน
ส่วนอาหารที่มีแนวโน้มได้รับความสนใจสูงตอนนี้ คือธุรกิจอาหารเกาหลี ซึ่งเป็นผลมาจากกระแสความนิยม ซีรี่ส์เกาหลีใต้ ทางช่อง 3 เรื่อง แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนางกำนัลที่ทำอาหารอยู่ในวังหลวง มีการพูดถึงเรื่องการทำอาหารเกาหลีเยอะมากๆ จนทำให้คนดูที่ชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ พลอยได้รับอิทธิพลให้ความสนใจกับอาหารเกาหลีไปด้วย
ขณะที่แดจังกึมทำหน้าที่ทูตวัฒนธรรม เข้ามาขายสินค้าอาหารเกาหลีให้คนไทยได้รู้จักเป็นที่เรียบร้อย อีกหนึ่งสินค้าและวัฒนธรรมที่คนไทยอยากเข้าไปสัมผัส ก็คือบรรยากาศและความเป็นอยู่อย่างแดจังกึมสมัยก่อน ซึ่งนั่นคือที่มาที่ทำให้เกาหลียังคงสถานที่ถ่ายทำซีรี่ส์เรื่องนี้ ไว้ให้คนที่สนใจและแฟนๆ ซีรี่ส์ได้ตามไปเที่ยวชม และนั่นคือ อีกธุรกิจที่เกิดขึ้นจากผลของกระแสความนิยมเอเชี่ยนซีรี่ส์ของคนไทย ซึ่งไม่ได้เฉพาะแต่เพียงสถานที่ถ่ายทำซีรี่ส์เกาหลีแดจังกึมเท่านั้น หากแต่ยังมีซีรี่ส์และภาพยนตร์อีกหลายเรื่องของเกาหลี รวมทั้งญี่ปุ่น และไต้หวัน ที่ประสบความสำเร็จกับการทำให้คนไทยอยากตามไปเที่ยวชมสถานที่ถ่ายทำของซีรี่ส์หรือภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นไต้หวัน จากเรื่อง รักใสใส หัวใจ 4 ดวง, Full House ของเกาหลี และล่าสุดที่ได้เห็นจากภาพยนตร์ คือ Apirl Snow ของเกาหลีอีกเช่นกัน
ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปี กระแสภาพยนตร์เอเชียยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีทีท่าว่าจะมีใครเข้ามาโค่นลงได้ง่ายๆ ซึ่งกระแสความนิยมเหล่านี้ได้ส่งผลต่อธุรกิจหลายๆ อย่างในบ้านเรา อย่างที่ตอนแรกคงไม่มีใครคาดถึง และนับวันความเป็นไปในการดำเนินชีวิตของคนไทย ก็จะเกี่ยวพันกับอิทธิพลที่จากกระแสนิยมตรงนี้เพิ่มมากขึ้น ฝังลึกมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ช่างคุ้มค่าจริงๆ กับการลงทุนเพียงหนึ่งความบันเทิง จากภาพยนตร์ 1 เรื่อง หรือซีรี่ส์สนุกๆ 1 ชุด ก็สามารถทำ Marketing สร้างรายได้ได้มหาศาลจากหลายๆ ธุรกิจที่เกิดขึ้นตามมาเพราะอิทธิพลของความบันเทิงเรื่องนั้น