หนทางนักวาดภาพประกอบรุ่นใหม่ที่มีผลงานเผยแพร่กว้างขวางอย่าง แป้ง-ภัทรีดา ประสานทอง เชื่อว่าเธอประสบความสำเร็จจากความสามารถ และสไตล์ภาพที่เป็นของตัวเอง ตอนนี้จากโลกภาพประกอบในหนังสือ เธอกำลังสร้างงานศิลปะของเธอเองผ่านสื่อต่างๆ ที่กำลังถูกให้ความสนใจ ทั้งภาพประกอบ ปกหนังสือ วรรณกรรมเยาชน บัตรเติมเงิน มิวสิกวิดีโอ (แอนิเมชั่น) ฉากรายการ หรืออื่นๆ อีกมาก จนกระทั่งไปถึงสินค้าโปรดักส์ดีไซน์ อันเป็นพื้นที่ที่วางจากการต่อยอดความสามารถของเธอในวงกว้าง เป็นการใช้พื้นที่แสดงงานศิลปะในรูปแบบใหม่ของศิลปินรุ่นเธอ
จุดเริ่มต้นจากชีวิตที่ไม่เคยคิดว่าจะยังชีพได้ด้วยการเขียนรูปเพียงอย่างเดียว กับสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบัน เส้นทางสายโฆษณาที่เคยคิดไว้เมื่อยังศึกษาอยู่ในคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ได้เปลี่ยนแปลงไป การไปเรียนต่อปริญญาโทด้านโฆษณาอีกใบ ทำให้เธอยอมรับว่าถนนสายนี้ไม่สามารถเติมเต็มความรู้สึกและความฝันของเธอได้
จนกระทั่งมาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อความคิดเรื่องวิชาภาพประกอบที่เคยเรียนกับ ครูโต (ม.ล.จิราธร จิรประวัติ) แว่วเข้ามา ปริญญาโทอีกใบด้านการวาดภาพประกอบจึงเป็นการจุดไฟฉายทาง และสร้างพลังให้เธอทำงานศิลปะแบบของเธอ “จำวันที่ครูโตเอามาให้ดูก็เหมือนกับว่าเราได้เห็นงานจริงๆ งานของแท้อันนั้น เหมือนกับการจุดไฟให้คิดว่ามีการวาดภาพประกอบอยู่ในโลก เมื่อตอนไปเรียนต่อที่อังกฤษก็เรียนด้านโฆษณาอีก แต่พอเรียนจบ เรารู้เลยว่าไม่ใช่ตัวเรา แต่ไม่รู้อยากเรียนอะไร ก็เลยลองไปเรียนวาดภาพประกอบดู”
“ที่เราไม่เคยเรียนมาก่อนก็ไม่ได้รู้สึกขาดอะไร เพราะว่ามันเรียนรู้ได้ตลอด ไม่ว่าเรื่องสีเรื่องอะไร อย่างเรื่องที่เบสิก มันไม่มี ก็ทำให้เราวาดผิดสัดส่วน จนกลายเป็นสไตล์ของเราเอง คือเราไม่รู้หลักเราก็วาดเบี้ยวๆ จนกลายเป็นสไตล์ของเราไปแล้ว” ไม่เว้นแม้แต่การใช้สี โดยเฉพาะเทคนิคของแป้ง เมื่อเริ่มต้นแป้งใช้สีไม่ได้ เธอก็วาดรูปด้วยลายเส้นก่อนซีร็อกซ์ลงบนแผ่นใส แล้วแปะกระดาษสีจากข้างล่าง จนกลายเป็นเทคนิคที่ใช้มาตลอด
งานของเธอจึงเป็นเรื่องของการจัดวางคู่สีที่มีเอกลักษณ์ การใช้ pattern และ texture บนลายกระดาษ คงไม่แปลกหากจะมีใครบอกว่าโลกของเธอสีจัดจ้าน ดูเยาว์วัย และละมุนละไมแบบเด็กๆ จากบุคลิกของเธอ สไตล์งานที่ต้องการภาพวาดของแป้งจึงเป็นเรื่องใสๆ เด็กๆ โทนที่อ่อน ไม่มีร่องรอยความรุนแรงใดๆ
แป้งได้เล่าเส้นทางหลังจากที่ได้ธีซีสนิทานเด็กกลับมาจากการเรียนที่อังกฤษมา 2 เรื่อง จนได้เพื่อนแนะนำให้รู้จักกับ บก. หนังสือท่านหนึ่งจนนิทานเรื่องนั้นได้ตีพิมพ์ “ช่วงนั้นก็มีงานหนังสือทำมือที่ทำกันสนุกๆ ที่ถนนพระอาทิตย์ ก็ทำกับเพื่อนๆ พอดีที่พี่โหน่ง (วงศ์ทนง อดีต บก. a day) มาเห็นก็เลยซื้อ เขาก็บอกสั่งซื้อ 20 เล่มแล้วให้ไปส่งที่ออฟฟิศ พอดีไปแล้วเจอพี่คุ่น (ปราบดา หยุ่น) เขาก็ถามว่า ใช่น้องคนที่ทำนิทานเด็กสองเล่มนั้นหรือเปล่า พอรู้จักกันแล้วพี่คุ่นก็หางานที่อิมเมจให้จนได้ทำกับพี่จุ๊ก (ลดาวัลย์ รัตนดิลกชัย) ก็เลยได้รู้จักพี่พลอย (จริยะเวช) แล้วก็รู้จักพี่เพชร (พชร สมุทวณิช บก. Mars)” แล้วงานของเธอก็ค่อยๆ เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้
ในตอนนี้แป้งบอกว่าหลังจากเรียนจบกลับมา ก็ยังกลับมาฝึกฝนเพิ่มเติมกับครูโต-ม.ล.จิราธร จิรประวัติ ตลอดเวลา “หลังจากจบแล้วก็ยังมาหาครูอยู่ เพราะครูแนะนำแป้งได้ตลอด คือครูเป็นครูที่เก่ง จึงเหมือนว่าเราจะทำอะไรก็ตามก็แนะนำได้… เรารู้สึกว่างานของครูโตเห็นแล้วคิดอะไรได้ไกล แล้วเห็นแล้วอยากเห็นมันอีกบ่อยๆ นั่นเลยคิดว่านี่คงเป็นสไตล์งานที่เราชอบ”
สไตล์แบบนี้ที่เป็นแนวการ์ตูนเรียบง่าย แต่ดูเพ้อฝันมีจินตนาการ เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเรียบง่าย และเป็นสไตล์ที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่ “แต่ทุกคนที่มาเรียนกับครูโต วาดรูปจะมีสไตล์ไม่เหมือนกันเลย แล้วแต่ละคนก็มีสไตล์ของตัวเองกันอย่างสุดๆ ถ้าเกิดมีคนมาติดต่อกับครู ครูเห็นว่าใครเหมาะสมก็จะแนะนำให้ไปวาดภาพให้”
อาชีพนักวาดภาพประกอบอย่างม.ล.จิราธรก็ถือเป็นแม่แบบหนึ่งสำหรับแป้ง โดยเฉพาะงานภาพประกอบในต่างประเทศหลายชิ้นงาน “ตอนนี้เลี้ยงชีพได้ด้วยการเป็นฟรีแลนซ์วาดภาพอย่างเดียว โดยที่ไม่มีงานอย่างอื่นเลย แป้งวาดให้แมกกาซีน วาดให้โปรดักส์ ตอนนี้แป้งวาดภาพให้ Image, Mars Pulp, ต้าเจียห่าว, DDT แล้วก็เล่มโปรด เดือนละ 6 เล่ม ซึ่งเป็นช่วงที่เข้ามาเยอะที่สุด”
“เคยวาดภาพให้วันทูคอล ก็แล้วแต่คอนเซ็ปต์ว่าอยากได้อะไร แต่งานแบบนี้เป็นงานไม่แน่นอน แล้วแต่จะเข้ามา แล้วมีการ์ดที่ทำให้บริษัทปับปาดูวับ ทำเป็นการ์ดอวยพร แล้วก็มีวาดให้รายการทีวี ซุปเปอร์จิ๋ว เป็นฉากประกอบ และก็ไตเติลแอนิเมชั่นนิดนึง แล้วก็ทำหนังสือเรียนภาษาจีน ทำพ็อกเกตบุ๊กบ้าง วาดโลโก้ให้ร้านถ้าเขาอยากให้วาดบ้าง แต่รูปที่เราวาดแล้ว เราก็จะเก็บไว้ ถ้ามีเอ็กซิบิชั่น ถ้ารู้สึกอยากขายเราอาจจะก็เอาออกมาขายได้”
การแสดงงานครั้งแรกในชีวิตของเธอผ่านไปเมื่อธันวาคมปีก่อน กับชื่องานว่า “ขนมปัง ทองดี” ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมจำนวนมาก กับการแสดงงานศิลปะของเธอ “จริงๆ แป้งมองภาพประกอบเป็นงานศิลปะ เป็นไฟน์อาร์ตเลย ทั้งๆ ที่ถ้าจะคิดว่าภาพประกอบมันเป็นพาณิชย์ศิลป์ที่ไปรองรับเรื่องก็ได้ แต่ว่าถ้าคุณค่าสำหรับแป้งแล้วศิลปะมันก็คือของที่มีคุณค่าสูง แล้วงานภาพประกอบมันขึ้นอยู่กับสไตล์ของแต่ละคน มองว่างานของแป้งเป็นศิลปะของตัวเอง คือแล้วแต่คนอื่นอาจจะเรียกภาพประกอบอะไรก็ได้ แต่มันไม่สำคัญที่คนอื่นจะเรียกว่าอะไร แต่เราชอบงานที่เราทำเอง แล้วแป้งว่าไม่จำเป็นที่ทุกคนจะต้องจบช่างแล้วจะมางานศิลปะได้”
การวางภาพประกอบแป้งบอกว่า เป็นจุดเริ่มที่ทำให้คนสังคมรุ่นใหม่รู้จักเธอค่อนข้างเยอะ “เคยมีคนเห็นงานของเราในแมกกาซีนแล้วค่อนข้างชอบ ส่งจดหมายมาหา ทำให้เขาอยากวาดรูปบ้าง อย่างบัตรเติมเงิน เอไอเอส เขาก็เห็นงานเราในแมกกาซีน คือมันต่อไปได้เรื่อยๆ ทั้งโปรดักส์อะไรอื่นๆ เพราะจากงานเราตามแมกกาซีน”
ในขณะที่เส้นทางการเขียนรูปของแป้งกับ 5 ปีที่ได้เริ่มมาหลังจากเรียนจบกลับมาเมืองไทย เธอคิดว่าคงทำตรงนี้ตลอดไป เพราะด้วยความรักที่มีลงไปจนหมดหัวใจ
“คงยึดอาชีพนี้ตลอดไป แต่อาจจะพัฒนาไป อย่างตอนแรกอาจจะวาดภาพประกอบลงหนังสือ แล้วก็วาดภาพประกอบลงโปรดักส์ หรืออีกหน่อยจะทำโปรดักส์ของตัวเอง คิดไว้ว่าอาจจะต่อเนื่องไปเรื่อยๆ โดยจะมาจากตรงนี้ อนาคตอยากมีร้านของตัวเองมากๆ อาจจะเป็นของอะไรก็ได้ที่ตัวเองอยากซื้อทุกอย่าง อาจจะมีแฟชั่นเสื้อยืดที่มีลายที่เราเขียน เพราะเป็นคนชอบใส่เสื้อยืด ของแต่งบ้าน เครื่องเขียน อะไรก็ได้ที่เราชอบก่อน คนทำร้านส่วนใหญ่ก็มักจะคิดว่าลูกค้าต้องซื้อ โดยที่ไม่ได้มาจากตัวเอง แป้งคงไม่ใช่อย่างนั้น”
“เห็นน้องบางคนมาหาครูเยอะขึ้น เพราะเดี๋ยวนี้ภาพประกอบก็เริ่มไปทางแฟชั่นบ้างแล้ว น้องผู้หญิงที่ชอบทำเรื่องแฟชั่นก็อยากจะหัดวาดแนวนี้กันมากขึ้น” แป้งเห็นว่าการที่นิตยสารออกมามากขึ้น ทำให้คาดว่าอาชีพนักวาดภาพประกอบก็น่าจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นเหมือนกันทางหนึ่ง
Profile
Name : ภัทรีดา ประสานทอง
Born : 5 ตุลาคม 2519
Education :
ปริญญาตรี สาขาการโฆษณา คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เรียนเพิ่มเติม Falmouth College of Arts ประเทศอังกฤษ
ปริญญาโททางด้านการวาดภาพประกอบ, Brighton University ประเทศอังกฤษ
Professional Experiences :
1999 เริ่มต้นงานในอาชีพภาพประกอบจาก นิทานเด็กที่ทำเป็นวิทยานิพนธ์ โดยเรื่องที่ได้รับการตีพิมพ์ที่สำนักพิมพ์ วาดดาว คือเรื่อง “ฉันแก่กว่าใคร” กับเรื่อง “เศรษฐีชาวนาและจอมพลัง”
2004 “ขนมปังทองดี” แสดงเดี่ยวผลงานครั้งแรก ที่ The Promenade โรงแรมฮิลตัน กรุงเทพฯ