สถานบันเทิง จัดเป็นธุรกิจเกี่ยวข้องกับกลุ่มเกย์ที่ชัดเจนมากที่สุด เป็นสถานที่ที่ชาวเกย์จะสามารถแสดงออกถึงความเป็นตัวตนได้มากที่สุด
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เครื่องดื่ม ชนิดต่างๆ จะใช้สถานที่เหล่านี้ นำเสนอสินค้าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี
สถานบันเทิงยอดนิยมของชาวเกย์มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เริ่มตั้งแต่ ถนนสีลมซอย 2 และสีลมซอย 4 ทื่ถือเป็นแหล่งบันเทิงของชาวเกย์ยุคเก่า ที่ยังคงครองความนิยมมาข้ามทศวรรษแล้ว ตามปกติแล้ว ผับของชาวเกย์จะไม่มีเปลี่ยนแปลงหวือหวาเหมือนกับผับทั่วไป ที่ฮิตเป็นพักๆ ก็ต้องปิดตัวลง แต่การขยายตัวของเมือง บวกกับดีมานด์ที่มากขึ้น ทำให้ผับชองชาวเกย์เริ่มแตกทำเล ขยายไปอยู่ในโซนใหม่ๆ
ย่านสี่แยกคอกวัว เคยถูกจัดให้เป็นแหล่งผับเกย์ยอดฮิตเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว แต่เวลานี้ความนิยมซาลง จนเหลืออยู่ไม่กี่ร้าน ทำเลถัดมาคือ หลังตลาด อ.ต.ก. ได้ชื่อเป็นแหล่งทำเลยอดฮิตของชาวเกย์ ที่ฮิตมาตั้งแต่ 3-4 ปี จนถึงปัจจุบัน ทำเลใหม่ที่ฮิตมาเมื่อ 1-2 ปีมานี้ หนีไม่พ้น ย่าน “ลำสาลี” ที่จัดอยู่ในประเภท ผับโลว์คอส ของชาวเกย์ เพราะอัตราการดื่มกินจะถูกลงมา
ด้วยดีมานด์ที่มากขึ้นนี้เอง บวกกับความชัดเจนของกลุ่มเป้าหมาย แม้แต่ผับหรูชื่อดังย่านสุขุมวิทยังต้องหันมามอง เกย์เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จนต้องจัดให้มีกิจกรรมสำหรับดึงดูดลูกค้านี้โดยเฉพาะ
สีลม…เจ้าถิ่นเก่าบาร์เกย์
หากเป็นนักเที่ยวเมื่อ 20 ปีที่แล้ว น้อยคนที่จะไม่รู้จัก “บาร์โรม” สีลมซอย 4 ต้นตำรับบาร์เกย์ ที่ครองใจเกย์ไทย จนถึงบรรดาวัยรุ่น ไฮโซ สมัยนั้น ชนิดที่ใครไม่เคยไป “บาร์โรม” ต้องถือว่า ตกยุค ไม่ร่วมสมัย
“บาร์โรมสมัยก่อนดังมาก นักเรียนนอกมาเที่ยวกัน แต่งตัวโก้หรูทั้งชายหญิง ที่นี่เกย์ กะเทยชอบคนหล่อ ก็อยากไปดู ฝนตกก็บากบั่นกันไป เพลงฝรั่งดูอินเตอร์ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาเอาป้ายมาติดว่า ห้ามเกย์เข้า ต่อมาไม่นานเขาก็ปิดตัวลง ถ้าบาร์โรมยังอยู่ DJ หรือแม้แต่ Freeman ก็คงไม่ดังเหมือนทุกวันนี้” อนันต์ อ่านเปรื่อง หรือแอนดี้ ฟรีแมน เจ้าของ Freeman Dance Arena เล่าย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นสมัยบาร์โรม หรือโรม คลับ สีลมซอย 4 ต้นตำรับบาร์ที่ครองใจเกย์ไทยยุคก่อนเก่ากำลังโด่งดัง
สอดคล้องกับที่กฤษณา อโศกสิน เขียนไว้ในคำนำ นวนิยายเรื่อง “ประตูที่ปิดตาย” ซึ่งตีพิมพ์ในสตรีสารเป็นตอนๆ ระหว่าง ปี2517-2518 ว่า วันใดวันหนึ่ง…ผู้เขียนก็ได้รับความอนุเคราะห์จากเพื่อนร่วมงานพาไปบาร์โรม ได้พบปะพูดคุยกับเพศที่สาม (นอกเหนือไปจากคุณปาน บุนนาค ผู้มีไมตรีต่อกันก่อนหน้านั้น) ยังประโยชน์ให้แก่นวนิยาย “ประตูที่ปิดตาย” พอสมควร ทำให้ประดาชาวเกย์ทั้งหลาย ต่างก็ซื้อหามาอ่านกันจ้าละหวั่น…นั่นแสดงว่าบาร์โรม ถือเป็นยุคปฐมบทแห่งความเฟื่องฟูของสถานเริงรมย์เกย์ที่สีลม…อันที่จริงของเมืองไทยก็ว่าได้
แต่แล้วบาร์โรมต้องปิดตัวลง ตามความนิยมที่เสื่อมถอยลงไป หลังจากครองความนิยมมาได้เกือบ 20 ปี
“มันเป็นวัฏจักร วนเวียนไปมา เกิดแล้วดับ ดับแล้วเกิด ไม่ต่างกับบาร์ทั่วไป” เขายกกรณี RCA ที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูสุดๆ เมื่อประมาณ 6-7 ปีก่อนที่ชื่อเสียงและความนิยมจะเสื่อมคลาย แต่เมื่อปีที่แล้วนี่เอง RCA กลับคืนชีพได้ราวปาฏิหาริย์ มิหนำซ้ำภาพลักษณ์ใหม่ยังดูไฮโซกว่าเดิม
“D.J. Station ” สีลมซอย 2 กลายเป็นผู้มาใหม่ ที่อาศัยทำเลทอง สีลม เปิดตัวเองขึ้นในปี 2534 สร้างความนิยมในหมู่ชาวเกย์ โดยเน้นไปที่โชว์ และการเปิดแผ่น ด้วยเพลงยอดฮิตแนวแดนซ์กระจาย ให้กับบรรดาเกย์ออกมาวาดลวดลาย
ถัดจากนั้นประมาณ 7 ปี Freeman Dance Arena เปิดตัวขึ้น โดยแอนดี้ เช่าพื้นที่สีลมซอย 2/1 ซึ่งเวลานั้นยังเป็นซอยที่รกร้าง และสกปรกมาก แอนดี้ลงทุนปรับปรุงใหม่ให้ดูดีขึ้น ตึกแถวที่แบ่งเช่า 4 ห้อง เขาทุบทะลุถึงกันหมด กลายเป็น Freeman Dance Arena จนถึงทุกวันนี้
แม้จะเป็นที่รู้กันว่าสีลม เป็น Prime gay area งาน Pride พาเหรดเกย์ ต่างเลือกจัดที่นี่ แต่ด้วยมาตรการของรัฐบาล ให้สถานบันเทิงปิดบริการเวลา 01.00 น. ทำให้สถานการณ์ความนิยมของ Freeman Dance Arena ซบเซาลงไป ไม่หวือหวาเหมือนในอดีต
“ทุกวันนี้สีลมคนมาเที่ยวช้าที่สุด ส่วนมากจะมา 5 ทุ่มขึ้นไป แต่ผับปิดตี 1 ไม่เหมือนสมัยก่อนที่สีลมจะปิดหลังชาวบ้าน ถ้ามันจะเจ๊ง ก็คงเลิก ตอนนี้ก็ประคองไป แค่เลี้ยงลูกน้องให้มีกินมีใช้ รายได้ส่วนใหญ่มาจากนักท่องเที่ยว แต่พอมีเวลาน้อยกว่าเดิม เขาก็หนีไปเที่ยวที่อื่น โดยเฉพาะเพื่อนบ้านเรา สิงคโปร์เดี๋ยวนี้เขาเปิดถึงเช้า ขณะที่เกย์ไทยส่วนใหญ่จะชอบมาดูโชว์ที่แต่ละวันไม่ซ้ำกัน และมีเจ๊เดย์ เป็นตัวชูโรง และความจริงแล้วเกย์จะดื่มกินน้อย ไม่ได้โชว์ออฟเหมือนที่ผู้ชายในหนังไทยที่ต้องดื่มกินมาก เมื่อ 10 ปีก่อน โรมคลับ ดริ้งก์ละร้อย 10 ปีผ่านมา ที่ Freeman ก็ยังดริ้งก์ละร้อย ขณะที่ค่าเช่า 4 ห้องต่อเดือน 200,000 บาท ซึ่งแพงกว่าค่าเช่าที่ซอย 2 และซอย 4 ที่มีค่าเช่าประมาณห้องละ 20,000 บาทเท่านั้น เนื่องจากพื้นที่เป็นของเจ้าของเดียวกันแบ่งให้เช่า”
สาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งคือผับเกย์เกิดใหม่มากขึ้นทุกปี และกระจายทั่วกรุงเทพฯ กลุ่มลูกค้าที่เคยมีเป็นกอบเป็นกำก็ถูกแบ่งไป แม้จะมีกลุ่มเกย์ที่แสดงตัวมากขึ้นก็ตาม “เกย์ come out จาก closet มากขึ้น ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ ผับบาร์ จะเห็นผลก่อนธุรกิจอื่น แต่เกย์ก็ไม่ได้เที่ยวแต่ผับเกย์ ผับทั่วไปเขาก็เที่ยว ขณะที่งาน Gay Pride ที่พัทยาและภูเก็ตจะได้รับความสนใจมากกว่าเนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยว”
ทางออกของแอนดี้ คือ การสร้างความหลากหลายให้กับบรรดานักเที่ยว มีทั้ง คาราโอเกะ Voicemale, The MIX Restaurant เพื่อให้เป็นแหล่งรวมความบันเทิงครบทุกด้าน ทั้งทานอาหาร ฟังเพลงสบายๆ ร้องคาราโอเกะและเต้นรำ เป็นการสร้างโอกาสให้เขาอยู่ในพื้นที่ให้นานที่สุด ซึ่งหมายถึงเม็ดเงินที่จะไม่ล้นออกไปยังซอยคู่แข่ง
ป้ายโฆษณาเหล้า Dewar’s, เบียร์ Blue Ice และ Light Box ของ Bacardi’s Breezer บริเวณหน้าร้าน เหล่านี้คือพันธมิตรสำคัญของ Freeman “แบรนด์ที่เข้ามาทีหลัง โอกาสที่จะไปเจาะตามผับใหญ่ๆ ดังๆ ในเมืองย่อมเป็นเรื่องยาก การ approach เข้ามายังผับเฉพาะกลุ่มง่ายกว่า เป็นการสร้างลูกค้าใหม่เลย ที่นี่จะเปิดเสรี แต่ก็ไม่อนุญาตให้แบรนด์อื่นในสินค้าประเภทเดียวกันเข้ามาทำโปรโมชั่น และแบรนด์เครื่องดื่มเหล่านี้จะเข้ามาเป็นคู่ค้ากับผับเกย์ เขาก็ไม่กล้าที่จะประกาศโจ่งแจ้ง เพราะมันจะทำให้จำกัดตัวเอง”
ทุกวันนี้ถ้าถามว่า “เกย์ชอบเที่ยวที่ไหน” คำตอบอาจมีมากกว่าหนึ่ง ภาพของสถานบันเทิงเกย์กระจายตัวอยู่เป็นหย่อมๆ ทั่วกรุงเทพฯ
ตรัย อิสรพงษ์ กรรมการฝ่ายสื่อสาร องค์กรฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย ให้ความเห็นว่า “เมื่อก่อนใครจะแจ้งเกิดต้องมาสีลม แต่เดี๋ยวนี้แตกเหล่าแตกกอไปหลายที่ อันที่จริงมันเริ่มจากเหล้า ไปเที่ยวสีลมต้องเปิด Black เปิด Red Label ไม่งั้นไม่เก๋ แต่มันแพง ต่อมามี Spray Royal ก็ดื่มได้เหมือนกัน
เกย์เจ้าถิ่นที่ High Income กว่าก็จะเชิ่ดๆ เกย์กลุ่มใหม่ก็ฉีกหนีไปผับที่ไม่ต้องมีทีท่าอะไรมากมาย ดื่มเหล้าระดับสแตนดาร์ดก็ได้ มิกเซอร์ถูกๆ สถานที่ก็ไม่ตกแต่งอะไรมากมาย กลุ่มลูกค้าย่านลำสาลี คอกวัว หรือแม้แต่ อ.ต.ก. เขาจะมองว่าจ่ายถูกลงมาหน่อยแต่ก็สนุกเหมือนกัน ส่วนสีลมด้วยค่าเช่าแพง ต้นทุนสูง จึงเน้นทำกิจกรรมกับเหล้าระดับพรีเมียมขึ้นไปเป็นหลัก และมี Cabaret Show ที่อลังการกว่า มันเป็นคุณค่าที่คู่ควรตามสไตล์ที่ต่างกัน อีกอย่างคือที่สีลมฝรั่งจะเยอะคนที่ชอบฝรั่งจะมาสีลมได้ไม่เบื่อ ขณะที่แหล่งอื่นมีฝรั่งเที่ยวน้อยหรือแทบไม่มีเลย ถ้าสังเกตดีๆ ชื่อผับจะบอกถึงกลุ่มเป้าหมายได้ อย่างที่ลำสาลี แต่ละผับชื่อล้วนแฝงนัยจากการพ้องเสียง เช่น ICK, Seemen หรือที่ อ.ต.ก. มี Mouqe Bar เป็นต้น”
Profile
แอนดี้ ฟรีแมน ถือเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการสถานบันเทิงสำหรับเกย์มานาน และมีชื่อเสียงโด่งดังและกว้างขวางในแวดวง หลายคนรู้จักเขาในนาม แอนดี้ ฟรีแมน จากการเป็นเจ้าของ Freeman Dance Arena เป็นดิสโก้เธคที่อยู่คู่สีลม (ซอย 2/1) มาเกือบ 6 ปีแล้ว
แต่ชื่อที่ปรากฏบนนามบัตร คือ อนันต์ อ่านเปรื่อง นอกจาก Freeman แล้ว เขายังมี Albury Me’s Club Gym and Massage ที่สุขุมวิท 11 และทำธุรกิจ SKIN CARE โดยอาศัยความรู้จากปริญญาเภสัชศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ควบคู่กับประสบการณ์ร่วม 17 ปีในบริษัทยาชื่อดังหลายแห่ง รวมถึงปริญญาโทการตลาดภาคภาษาอังกฤษ (MIM) จากธรรมศาสตร์ เขาจะมีอายุ 47 ปีในปีนี้ แอนดี้แต่งกายภูมิฐาน หน้าตาคมคาย และดูอ่อนกว่าวัย
ทุกวันนี้เขามีธุรกิจผลิตจอทีวีและพลาสม่าด้วย เขาบอกว่าโดยส่วนตัวเริ่มเบื่อกับงานกลางคืนแล้ว อยากไปทำอะไรกลางวันบ้าง
สีลมวันนี้แม้ไม่หอมเหมือนวันวาน แต่ก็ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ และจะมีซักกี่ถนนในโลกนี้ที่กลางวันกับกลางคืนเชื่อมต่อเป็นรอยเดียว แม้ยามหลับยามตื่นธุรกิจที่นี่ยังดำเนินต่อไป พ้นจากซอย 2/1 ถิ่น Freeman แล้ว ใกล้ๆ กัน คือ ซอย 2 ซี่งเด่นสุดเห็นจะเป็น DJ Station ตามมาด้วยร้านที่เป็นของเจ้าของคนเดียวกันกับ DJ ได้แก่ Expresso, Disco Disco และ JJ.Park ซอย 4 ส่วนมากจะเป็นผับและร้านอาหาร เช่น The Balcony,
Sphink, Telephone เป็นต้น
เที่ยวแบบ Low Cost ต้องมาที่นี่
– แยกลำสาลี ผับเกย์ในย่านนี้ เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว กลุ่มลูกค้าเป้าหมายจึงเป็นนักศึกษาย่านรามคำแหง บางกะปิ และนักท่องราตรีที่ยึดเรื่องของ “ราคา” เป็นปัจจัยสำคัญ
เริ่มแรกอาศัยว่าค่าเปิดขวดและมิกเซอร์ถูก รวมทั้งโปรโมชั่นแยก แม้สถานที่จะดูไม่เข้าที่เข้าทางนักก็ตามแต่ก็เกิดกระแสปากต่อปาก เหมาะกับสภาพคล่องทางเศรษฐกิจของนักศึกษา คนที่ไปเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นวัยเรียน และมีไม่น้อยเหมือนกันที่เป็นคนทำงานวัยกลางคน ต่อมาขยับขยายไปตั้งเป็นหลักแหล่ง สภาพดูดีขึ้นแต่ก็ใกล้เคียงพื้นที่เดิม กลุ่มเป้าหมายก็ยังเป็นกลุ่มเดิมอยู่ มีโชว์ลิปซิงและแสดงตลก เช่นเดียวกับ บาร์เกย์สีลม และสาเกที่สี่แยกคอกวัว
– สี่แยกคอกวัว ถ.ราชดำเนิน มีสาเกผับ ซึ่งมีลูกค้าขาประจำมากราย กลุ่มคนเที่ยวมักไม่ต่างจากแยกลำสาลีมากนัก ที่นี่อาจเป็นต้นแบบของผับเกย์ โตเดี่ยว ที่มีราคาเป็นจุดดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย
– หลังตลาด อ.ต.ก. เดิมทีย่านนี้มีผับเกย์ชื่อดังเพียงแห่งเดียว คือ ICQ แต่ประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา ก็โดน Volcano ซึ่งตั้งอยู่ติดกันเบียดบัง และจากลูกค้าเดิมของ Volcano ซึ่งมีสัดส่วนชายหญิงเท่าๆ กัน ทุกวันนี้ Volcano ได้กลายมาเป็นผับเกย์ที่ช่วงชิงลูกค้าจาก ICQ จนกระทั่ง ICQ ต้องปิดปรับปรุง พร้อมเปิดใหม่ในนาม ICY นอกจากนี้ยังมี Mouqe Bar นับได้ว่า อ.ต.ก. เป็น Hot gay area อีกแห่งหนึ่ง
ตำนานบาร์เกย์
“ซี แฮ็ค” บาร์เกย์แห่งแรกของกรุงเทพฯ เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ เมื่อ 30-35 ปีก่อน เป็นบาร์เหล้าเล็กๆ ไม่ได้ตกแต่งอะไรเป็นพิเศษ ในซอยแคบๆ บน ถ.เจริญกรุง อาศัยการบอกต่อแบบปากต่อปาก เพลงที่ฟังมาจากตู้เพลงหยอดเหรียญ ต่อมาบาร์ “99” เกิดขึ้นที่ซอยเดโช และ “Difference World” ที่พัฒน์พงษ์
ต่อมา ซี แฮ็ค ย้ายมาที่ต้นสีลม และเปลี่ยนชื่อเป็น “ไซอามีส” เป็นบาร์เก๋ที่สุดชนิดมีดีเจและไฟกะพริบหมุนสาดแสงไปทั่ว มีฟลอร์เต้นรำขนาดเล็กอยู่กลางห้องบนชั้นสอง เพลงทั้งหมดเป็นเพลงสุดทันสมัยใหม่ล่าสุด ที่หิ้วมาเป็นประจำโดยสจ๊วตสายการบินต่างชาติผู้เป็นมิตรกับเจ้าของร้าน
แต่ Conservative Gay หรือเกย์สูงวัย ยุคนั้นซึ่งชื่นชอบเพลงสุนทราภรณ์ โปรดปรานการเต้นรำแบบชะชะช่า รุมบ้า ยังไม่มีแหล่งให้หย่อนอารมณ์ บาร์ ”ทิวลิป” จึงเกิดขึ้นเพื่อสนองคนกลุ่มนี้ ตั้งอยู่ชั้นบนของห้องแถวปากซอยคอนแวนต์ ปัจจุบันถูกรื้อทิ้งกลายเป็นตึก Liberty Square ที่ตั้งของ California Wow Xperience
“Tulip”เป็นบาร์เกย์แห่งเดียวที่มีบรรยากาศเป็นไทยแท้ๆ เปิดแต่เพลงไทยๆโดยเฉพาะเพลงของสุนทราภรณ์ซึ่งเป็นที่ถูกใจลูกค้าประจำส่วนใหญ่ และหากเจ้าของบาร์เกิดสำนึกไทยอย่างสุดขีดขึ้นมาเมื่อไหร่ เธอก็จะคัดเพลงรำวงแบบมาตรฐานชนิดสิบเพลงรวด ซึ่งก็จะสร้างความคึกคักให้บรรดาเกย์กุลสตรีลุกขึ้นจับเสื้อแตะผมตรงท้ายทอยให้ตรงเรียบร้อย ก่อนที่จะจีบนิ้วทั้งสองมือในท่า “สอดสร้อยมาลา” เอียงหน้าน้อยๆ กระเถิบเท้าให้เข้ากับจังหวะเพลงรำวง ออกเดินเรียงกันเป็นวงกลม ฟ้อนรำด้วยวงหน้าที่ยิ้มอย่างมีความสุข จนกว่าเพลงชุดนั้นจะจบลง”
ต่อมาไซอามิสถูกปรับปรุงให้กว้างขวางขึ้นในรูปแบบและชื่อใหม่ “โรมคลับ” เปิดเพลงสากลทั้งจากยุโรปและอเมริกา เยื้องๆ กัน มีบาร์สังสรรค์เฉพาะกลุ่มเพื่อนฝูง “Second Floor” และบาร์ที่ยังอยู่ยงคงกระพันถึงปัจจุบัน คือ “Telephone” นอกจากนี้สีลมซอย 4 สมัยนั้นยังมี “Milk Bar” ส่วนในซอย 2 มีบาร์ “Hairy” และ “Zero” อีกทั้งสุดซอยยังมีบาร์วัยรุ่นจ๋า “Garden Bar”
“อ๊อด เกสรี” คือนางโชว์รุ่นแรก และมีชื่อเสียงด้วยลีลาลิปซิงที่เหลือร้าย ความดังของอ๊อด เกสรี ในพ.ศ.นี้ คงเทียบได้กับ “เจ๊เดย์ ฟรีแมน”
กาลเวลาผ่านมาหลายทศวรรษ แต่ “สีลม” ยังคงเป็น Landmark ของเกย์ไทย …สีลมไม่เคยหลับ ไม่เคยตาย เพียงแต่รอวันและเวลาที่จะกลับมารุ่งเรืองถึงขีดสุดอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
ที่มา : ข้อมูลและอ้างอิงข้อความจาก อรชุน นาคะสุคนธ์ เรื่อง ที่ตรงนี้…สีม่วง คอลัมน์ “ Romance In Bangkok” นิตยสาร Metro Life
“Bed Supperclup” เกย์ Segment ใหม่ไม่มีไม่ได้แล้ว
Bed Supperclub ผับหรู สุขุมวิทซอย 11 ติดทำเนียบผับดังในเวลาไม่นาน ด้วยคอนเซ็ปต์ประสบการณ์ “dining in bed” บนเตียงยาวสีขาวสะอาดในผับรูปร่างคล้ายกระสวยอวกาศดูแปลกตา กับแนวเพลง Funky House & Breakbeat และ Hard Funky Tech House
ทุกคืนวันอาทิตย์ Bed Supperclub เอาใจชาวเกย์กับคอนเซ็ปต์ THINK PINK ซึ่งเป็น Gay Night Party ที่เปิดบริการทุกวันอาทิตย์ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2547 – 31 ธันวาคม 2548 นี้ จากค่าดริ้งก์ที่ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับผับเกย์ทั่วไป คือ 500 บาท / 2 ดริ้งก์ ที่นี่จึงเป็นสถานบันเทิงเฉพาะกิจสำหรับเกย์ที่มี high income มากกว่าที่อื่นๆ และจัดเป็นคู่แข่งตัวกลั่นอีกแห่งของผับเกย์ย่านสีลม
“เราพัฒนาความบันเทิงใน Bed ให้ trendy & fun ในคืนวันอาทิตย์จะสนุกสนาน เป็นคืนของพวกเขาโดยเฉพาะ มีโชว์คุณภาพจากนางโชว์ชื่อดัง เช่น วินนี่ แต่ถ้าคนอื่นจะมาต้องรับรู้ว่านี่คือ Gay Night อันที่จริงคนที่มาก็ไม่ได้มีเฉพาะเกย์เท่านั้น เขาพาเพื่อนผู้หญิง และเพื่อนผู้ชายมาร่วมสนุกด้วย และเราพยายามใส่ gimmick เข้าไปในแต่ละอาทิตย์ เช่น อาจจะจัดประกวด Costume จะแต่งเป็นเอเลี่ยน แดร็กคิวล่า อะไรก็ได้ ถ้าแรงโดนใจ มารับดริ้งก์ฟรีเลย เป็นรูปแบบที่ประสบความสำเร็จจากยุโรปมาแล้ว และช่วยสร้างสีสันและกระตุ้นให้คนออกมาเที่ยวคืนวันอาทิตย์มากขึ้น เพราะปกติแล้วทุกผับวันอาทิตย์คนจะน้อย เนื่องจากเขาเที่ยวกันมาแล้วตั้งแต่วันศุกร์เสาร์” ดุจรัตน์ รามัญวงศ์ Event Manager บอก
สำหรับสงกรานต์นี้ Bed Supperclub ร่วมกับ Firdae บริษัทออกาไนเซอร์ จัด event สำหรับลูกค้าเป้าหมายที่เป็นเกย์ โดยเฉพาะจากสิงคโปร์ จัดงาน “ชื่นฉ่ำสายน้ำบนเตียง” หรือ SQUIRT IN BED ในวันศุกร์ที่ 15 เมษายน ซึ่งราคาตั๋วเข้างานสูงถึง 700 บาท เป็นปาร์ตี้เกย์ฉลองสงกรานต์ที่คาดว่าจะมีผู้ร่วมงานคับคั่ง หลังจากนั้น Bed Supperclub ยังมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยครีเอตอีเวนต์ใหม่ๆ ออกนอกสถานที่เป็นครั้งแรก บุกตลาดเกย์อีกระลอก โดยใช้ชื่อว่า Bed Supperclub On Location “ONCE IN A FULL MOON PARTY” ที่เกาะพงัน ในวันที่ 23 เมษายน โดยครั้งนี้ออกาไนซ์โดย Firdae เช่นเดิม และคาดว่าจะมีผู้ร่วมงานหลายพันคน
Website