ณัฐกฤษฎ์ คลื่นลูกใหม่ ทิวไผ่งาม

“จริงๆ แล้วอยากเป็นนักกฎหมายไม่อยากทำงานโรงเรียน แต่พอเข้ามาแล้วชอบ เพราะรู้สึกว่าได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ การสร้างคนเป็นสิ่งสนุกของผม” คือคำพูดเปิดอกของ ณัฐกฤษฎ์ ทิวไผ่งาม ทายาทรุ่นสองของโรงเรียนทิวไผ่งาม กับบทบาทล่าสุดคือการเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์สถาบันพัฒนาทักษะเด็กก่อนวัยเรียนจากประเทศเกาหลี ในนาม Thew Brain School

ด้วยใจรักทางด้านกฎหมาย ณัฐกฤษฎ์ เลือกเรียนปริญญาตรี-โท-เอก สาขากฎหมาย แบบรวดเดียวจบ แล้วกลับมาเมืองไทยเมื่อปี 2544 แต่เพราะเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ เมื่อ ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม พี่สาวคนเดียว ต้องไปเดินบนถนนสายการเมือง เขาจึงต้องเข้ามารับบทบาทผู้อำนวยการโรงเรียนและรับผิดชอบงานอย่างเต็มตัว

“พอเข้ามาก็คิดว่าทำอย่างไรให้เด็กไม่ต้องเรียนหนัก ให้เด็กเรียนน้อยลง แต่ได้ความรู้มากขึ้น ฉลาดขึ้น โดยมีวิธีการสอนที่ทันสมัย ไม่ต้องนั่งอัดกันเยอะ คำถามคือ ทำอย่างไรให้เด็กจำเก่ง คิดเก่ง คำตอบอยู่ที่ว่า การทำให้เด็กคิดเก่งจำเก่ง ต้องเริ่มตั้งแต่วัยเยาว์ วัยที่ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการพัฒนาสมองของมนุษย์ระบุไว้ คือ 2-5 ขวบ เป็นช่วงที่สมองพัฒนามากที่สุด ขณะเดียวกันความฉลาดมาจากการเชื่อมใยสมองแต่ละเซลล์ ให้ทำหน้าที่คิด วิเคราะห์ จำ ให้เหตุผล การเชื่อมการทำงานของสมองทุกส่วนเข้าด้วยกันสำคัญที่สุดที่จะทำให้มนุษย์ฉลาดได้ ตรงนี้ต้องสอนจึงจะเกิด”

จึงเป็นจุดเริ่มต้นการค้นคว้าอย่างเอาจริงเอาจัง และพบว่าในเมืองไทยมีบางแห่งที่ใช้หลักการ Brain-based learning อยู่แล้ว เช่น Gymboree ที่เน้นการพัฒนาด้านกายภาพ และความคิดสร้างสรรค์ผ่านศิลปะ, Baby Genius, Tumble Tott, และ Kumon ที่เน้นหนักด้านเลขและภาษา แต่วิธีการของสถาบันเหล่านี้ยังไม่ตรงใจของณัฐกฤษฎ์นัก เพราะเขาเห็นว่า คนเราจะคิดเก่งได้โดยรวม สมองต้องถูกพัฒนาให้ทั่ว ไม่ใช่เน้นแค่ด้านใดด้านหนึ่ง

ด้วยความที่เขาสวมหมวกอีกใบเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท NexTech Info Sys จำกัด รับวางเครือข่ายคอมพิวเตอร์และเสนอ Solutions ต่างๆ โดยมีลูกค้าอย่างสำนักงานซัมซุงบนตึกเอมไพร์ จึงทำให้มีเพื่อนฝูงเป็นคนเกาหลีอยู่บ้าง และมีส่วนทำให้ได้รู้จักกับชื่อ Hansol Company ซึ่งเป็นบริษัทที่ค้นคว้าวิจัยทำโปรแกรม Brain School นี้

“เมื่อเทียบกับอีกหลายที่ พบว่าเขามีไม่เหมือนใคร เขามีกิจกรรม 2,000 กิจกรรมแยกกัน แต่เชื่อมโยงกัน แล้วเจาะจงว่าเล่นอย่างนี้จะได้ผลอย่างนี้ มีการบันทึกความก้าวหน้าของเด็ก กิจกรรมมีต่อเนื่องสำหรับเด็กตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นมา แล้วค่อยซับซ้อนไปเรื่อยๆ ยากง่ายเหมาะสมกับวัย โดยที่เขาอิงจากทฤษฎีของนักจิตวิทยาอเมริกันชื่อ Blooms กับ Torrence ต้นกำเนิดทฤษฎีพัฒนาการทางสมองในวัยเด็ก ซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่ Hansol เป็นที่แรกที่แปลงทฤษฎีมาสู่สิ่งที่จับต้องได้ เป็นกิจกรรมที่ปฏิบัติได้จริงและเห็นผล”

ล่วงมาจนกระทั่งปลายปี 2546 จึงเริ่มเดินทางไปดูของจริงที่ Hansol Company ทำให้ยิ่งประทับใจและมั่นใจมากขึ้น โดยตึกสำนักงาน 15 ชั้นของบริษัท แบ่งเพียงครึ่งชั้นเป็นฝ่ายบริหาร แล้วที่เหลือเป็นแผนกวิจัยและพัฒนาทั้งหมด มีนักวิจัยระดับด็อกเตอร์ทำงานอยู่กับ Hansol ประมาณ 70 คน ทั้งแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเด็ก นักจิตวิทยา รวมทั้งด้านการออกแบบ และมีแผนกทดลองก่อนนำออกใช้จริงด้วย

การทำธุรกิจย่อมต้องการสิ่งที่จับต้องได้ ณัฐกฤษฎ์พบว่า ส่วนแบ่งของ Brain School ในตลาดการศึกษาเกาหลีนั้น ครองส่วนแบ่งถึงครึ่งหนึ่งของตลาดทั้งหมด ทั้งที่ไม่ต้องอาศัยการโฆษณาเลย แต่เป็นการบอกปากต่อปากของผู้ปกครอง กับใช้วิธีการขายโดยตรงด้วยการไปเปิดบูธตามที่ต่างๆ ให้เด็กลองมานั่งเล่น ทั้งมีสถิติเด็กเข้ามาแล้วอยู่ต่อเนื่องตลอด 3 ปี ไม่ย้ายไปเรียนที่อื่น จะมีออกก็แต่เฉพาะกรณีย้ายถิ่นฐานเท่านั้น ในที่สุดจึงมีการเซ็นสัญญาซื้อแฟรนไชส์เข้ามาในปี 2547 ด้วยค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 20 ล้านบาท หลังจากนั้นใช้เวลาเทรนคนถึง 8 เดือนเต็มก่อนเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลพระราม 3 เมื่อต้นปี 2548 ที่ผ่านมา

“ประเทศไทยเป็นแฟรนไชส์ Brain School นอกเกาหลีแห่งแรก ก่อนเซ็นสัญญาเขาก็เดินทางมาดูโรงเรียนทิวไผ่งามเห็นประสบการณ์ของเราเขาก็มั่นใจเซ็นสัญญากับเรา แต่ก็ยอมรับว่าจุดประสงค์หลักเขาอยากให้เราขยายแฟรนไชส์ให้ได้มากที่สุด ซึ่งตอนนี้ก็มีคนติดต่อเข้ามาหลายรายแล้ว ก็จะคิดค่าแฟรนไชส์ประมาณรายละ 5 ล้านบาท รวมค่าวัสดุอุปกรณ์และช่วยตกแต่งให้ สำคัญที่ทำเลต้องเป็นศูนย์การค้าและเราแอพพรูฟ”

ส่วนทำเลในกรุงเทพฯ ที่เล็งเอาไว้แล้วว่าจะขยายสาขาไปในเร็วๆ นี้ คือ ที่เซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า แยกราชประสงค์ และที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า โดยเป็นการลงทุนเองของบริษัทฯ รวมทั้งจะไปเปิดเป็นศูนย์เด็กเล็กในบริเวณโรงเรียนทิวไผ่งามด้วย ซึ่งเขาวางหมากให้เป็นการเสริมจุดแข็งของทิวไผ่งามให้แตกต่างจากโรงเรียนอื่น

ขณะเดียวกันวิธีการและแนวคิดการทำกิจกรรมของ Brain School ก็จะถูกดัดแปลงมาใช้กับการเรียนการสอนโดยรวมของโรงเรียนทิวไผ่งาม เป็นการ Synergize ศักยภาพ ทรัพยากร และลูกค้าของ 2 สถาบันอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็สร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ อันเป็นหนทางที่จะทำให้สามารถแข่งขันในตลาดการศึกษาได้ในระยะยาว

แม้จะเริ่มต้นด้วยความไม่ชอบงานโรงเรียน แต่ความสนุกกับการทำงานด้านการศึกษาดูจะอยู่ในสายเลือด “ทิวไผ่งาม” อย่างแท้จริง ขณะที่คนพี่เข้าไปมีส่วนกับ Brain-based learning ในนโยบายการศึกษาระดับประเทศ คนน้องก็กระจายหมาก Brain School ในระดับรากหญ้า ที่แม้ปัจจุบันอาจจะยังเข้าถึงได้เพียงคนกลุ่มน้อยที่มีกำลังซื้อสูงเท่านั้น แต่ก็เป็นคลื่นลูกแรกที่จะกระจายวงขยายระลอกกว้างออกไปได้เรื่อยๆ

Profile

Name: ณัฐกฤษฎ์ ทิวไผ่งาม
Born: 15 กรกฎาคม 2514
Education:
– มัธยม 6: โรงเรียนทิวไผ่งาม
– ปริญญาตรี: คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
– ปริญญาโท-เอก: University of Wisconsin Madison Master of Legal Institution (M.L.I),
– Master of Law (L.L.M), Doctor of Jurisdiction (S.J.D)
Career Highlight:
2545 ผู้อำนวยการโรงเรียนทิวไผ่งาม
2545-ปัจจุบัน
– กรรมการผู้จัดการ บริษัทณัฐหทัย จำกัด (พัฒนาที่ดิน ปัจจุบันเป็นเจ้าของโครงการ Thew River Place คอนโดมิเนียม 30 ชั้นริมแม่นำเจ้าพระยา)
– กรรมการผู้จัดการบริษัท ทริปเปิ้ลเอ็น จำกัด (กำลังทำโครงการ Resort-Spa และ Wood Museum ที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม) มีคุณพ่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนา
2546-ปัจจุบัน
– กรรมการผู้จัดการบริษัท NexTech Info Sys จำกัด (วางเครือข่าย Computer และเสนอ Solutions ต่างๆ และเป็นผู้นำเข้า Brain School โรงเรียนสำหรับเด็กก่อนวัยเรียน)
Family: เป็นลูกของ อาจารย์ณรงค์-อุษา ทิวไผ่งาม และเป็นน้อง ดร. ณหทัย ทิวไผ่งาม ส.ส. เขตห้วยขวาง-วัฒนา