เคล็ดลับแฟนพันธุ์แท้ เล่นหุ้นตลาด mai

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่พักเงินได้ดีที่สุดในยุคที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ แต่ตลาดหุ้นไทยก็ไม่ได้เหมาะสมสำหรับทุกคน เพราะในช่วงเวลาที่หลายคนกอบโกยกำไรจากตลาดหุ้น ก็มีนักลงทุนอีกจำนวนมากที่เจ็บปางตาย !

การลงทุนในตลาดหุ้นจำเป็นต้องอาศัยทักษะ ประสบการณ์ และการติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด ไม่เว้นแต่การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)

“เมื่อนักลงทุนตัดสินใจที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จะต้องศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ เพราะหุ้นในกระดาน mai เป็นหุ้นขนาดเล็กจึงต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ” เกรียงไกร ศิระวณิชการ เจ้าหน้าที่การลงทุน ฝ่ายการลงทุน บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ที่ ปัญญา นิรันดร์กุล เจ้าของบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (WORK) และพิธีกรรายการแฟนพันธุ์แท้ ต้องยกตำแหน่งให้เป็นผู้ชนะแฟนพันธุ์แท้ตลาดหลักทรัพย์ฯ บอกกับ “นิตยสาร POSITIONING” ถึงเคล็ดลับการต่อยอดสู่ความมั่งคั่งจากการลงทุนในหุ้น mai

เกรียงไกร ถือเป็นนักลงทุนรุ่นใหม่ที่สั่งสมประสบการณ์จากการเล่นหุ้นมาตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 6 ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 50,000 บาท และวันนี้เขามีเงินนับล้านบาทจากพอร์ตการลงทุนในหุ้นที่เขาบอกว่ามีความชำนาญมากที่สุด

“อะไรที่เรารู้จริง คือสิ่งที่ไม่มีความเสี่ยง” ด้วยแนวคิดดังกล่าว ทำให้พอร์ตการลงทุนของเกรียงไกรจึงให้น้ำหนักไว้ที่หุ้น 100% โดยเขาบอกพอร์ตการลงทุนจะมีทั้งหุ้นที่อยู่ในกระดาน SET และหุ้นที่อยู่ในกระดานmai คละเคล้ากันไป

ทฤษฎีการลงทุนที่เกรียงไกรใช้เป็นอาวุธเด็ดในการช้อปหุ้นเด่นเก็บเข้าพอร์ต คือจะต้องลงไปคลุกคลีกับข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน เพราะจะได้รู้ว่าหุ้นที่เราเข้าไปซื้อทำธุรกิจอะไร? คู่แข่งขันในอุตสาหกรรมมีใครบ้าง? สถานะทางการเงิน งบกำไรขาดทุนของบริษัทเป็นอย่างไร? ดูค่า P/E Ration ดู book value รวมทั้งความสามารถในการจ่ายเงินปันผล

“เวลาส่วนตัวของผมส่วนใหญ่จะทุ่มเทให้กับหาข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนเพื่อที่จะเฟ้นหาหุ้นเด่นเก็บเข้าพอร์ต ซึ่งงบการเงินของบริษัทจดทะเบียนที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ทุกไตรมาสกว่า 400 บริษัท ผมอ่านมาหมดแล้ว ซึ่งสิ่งที่ผมทำเช่นนี้ก็เพราะว่าเราจะได้รู้ว่าหุ้นตัวไหนดี ไม่ดี หุ้นตัวไหนน่าลงทุน”

เกรียงไกรบอกว่า การที่เขาจะลงทุนในหุ้นสัก 1 ตัว จะไม่จำกัดเพียงแค่ว่าหุ้นตัวนั้นจะต้องอยู่ใน SET หรีอ mai แต่เขายึดปรัญชาการลงทุนที่ดีคือ หุ้นดีเราก็ซื้อ หุ้นไม่ดีเราก็ไม่ซื้อ

“ผมจะไม่ไปดูกราฟดัชนี จะไม่ไปเก็งกำไร จะไม่ไปดู set index เพราะ set index ไม่สำคัญสำหรับผมเลย หุ้นดีจะต้องไม่ลงและสามารถแหวกกระแสขึ้นไปได้ เราควรโฟกัสที่หุ้นเป็นหลัก ถ้าหุ้นตัวนั้นดี ราคาถูก ผมก็จะซื้อ และถ้าราคาหุ้นไม่ขึ้นผมก็จะเก็บไว้ เพราะเรามั่นใจในตัวบริษัทที่เราเข้าไปลงทุน” เกรียงไกรย้ำถึงปรัชญาการลงทุนที่เขายึดมาตั้งแต่เริ่มก้าวเข้าสู่แวดวงตลาดหุ้นเมื่อปี 2535

ความเสี่ยงที่เกิดจากหุ้นย่อมเกิดได้ทุกโอกาสและทุกจังหวะ ไม่เว้นแม้แต่หุ้นที่อยู่ใน SET หรือ mai

สำหรับหุ้นที่อยู่ในกระดาน mai แฟนพันธุ์แท้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ผู้นี้บอกว่า จะมีความเสี่ยงมากกว่าหุ้นที่อยู่ในกระดาน SET เนื่องจากหุ้น mai ส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก จึงทำให้มีความเสี่ยงและความผันผวนในเรื่องของผลกำไรมากกว่าหุ้นขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่สำคัญหุ้นในกลุ่มนี้หลายฝ่ายมองว่าขาดสภาพคล่อง ขณะที่ราคาหุ้นก็ต่ำจองเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงเป็นมูลเหตุสำคัญที่ทำให้นักลงทุนมองข้ามหุ้น mai

หุ้นในกระดาน mai หลายๆ ตัวจะมีกำไร ขาดทุน สลับกันไปในทุกไตรมาส ซึ่งในลักษณะเช่นนี้จะไม่เกิดกับหุ้นขนาดใหญ่ ฉะนั้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ นักลงทุนจะต้องใช้ความระมัดระวังค่อนข้างสูง การดูเพียงแค่ค่า P/E Ratio อย่างเดียวคงจะช่วยตัดสินใจอะไรไม่ได้มาก ดังนั้นการลงไปคลุกคลีกับข้อมูลรายละเอียดของบริษัทอย่างแท้จริง เพื่อดูศักยภาพและอัตราการเติบโตของบริษัทในอนาคตว่าจะดีจริงหรือไม่? ถือเป็นหัวใจหลักของการลงทุน

“บางครั้งตัวนักลงทุนเองก็ต้องมีการออกไปสัมภาษณ์ผู้บริหารเพื่อได้มุมมองวิสัยทัศน์การบริหารงาน ทิศทางของอุตสาหกรรมในอีก 2-3 ข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างไร เพื่อสะท้อนไปสู่ราคาหุ้น และท้ายที่สุดจะได้นำข้อมูลมาตัดสินใจ” เกรียงไกรบอกถึงกลยุทธ์การลงทุนในหุ้น mai

ประเด็นการลดลงทุนจดทะเบียนจาก 40 ล้านบาท เหลือ 20 ล้านบาท เพื่อเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการเอ็มเอสอีได้มีโอกาสเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ กลายเป็นความเสี่ยงที่เกรียงไกร บอกว่านักลงทุนรายย่อยต้องพึงระวัง

“ถามว่าบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 20 ล้านบาท มีความเข้มแข็งและมีความมั่นคงหรือไม่? เมื่อเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่ คำตอบก็คือไม่ ยกตัวอย่าง บริษัทจดทะเบียนใน เอ็ม เอ ไอ ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทในกลุ่มบริการ เช่น ทำซอฟต์แวร์ งานโฆษณา พวกนี้สินทรัพย์ไม่มี เน้นแต่ผู้บริหารที่วิ่งหางาน ถ้าวันใดวันหนึ่งราคาหุ้นขึ้นไปแล้ว ผู้บริหารเกิดเทขายหุ้นออกมา เพราะขี้เกลียดทำงาน ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจึงตกไปอยู่กับนักลงทุน”

ฉะนั้น เกรียงไกรจึงย้ำว่า หากนักลงทุนจะเข้ามาลงทุนในหุ้น mai ก็จะต้องศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ