เอกลักษณ์ ยิ้มวิไล The Media Pragmatism

เขา เป็นคนที่มีส่วนผสมที่ลงตัวอย่างสมดุลทั้งสื่อธุรกิจ และสื่อเชิงสังคมการเมือง ซึ่งหลายคนคงคุ้นหน้ากันดีกับ รายการ “สองวัย” ที่ว่าด้วยเรื่องราวความคิดของหนุ่มรุ่นใหญ่กับรุ่นเล็ก “แบบพ่อลูก” ร่วมกับ ไชยา ยิ้มวิไล ผู้เป็นพ่อ นอกจากนั้น ตัว “เจ้าโบ” เอง (ชื่อเรียกที่คุ้นเคยจากรายการ) ยังจัดเป็นนักคิดรุ่นเล็กที่มีผลงานเป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์มติชน

“ตอนเด็กๆ ผมชอบมีฝัน ผมมองทุกอย่างเป็นเลโก้ ผมสามารถถอดออกมาได้ แล้วก็สามารถต่อเข้าไปได้ นี่คือสิ่งที่ผมเห็นในสังคมไทย” เขาเล่าให้ฟังถึงมุมมองความคิดแบบเด็กๆ ที่เขามองออกสู่สังคม

ถึงแม้บทบาทของครอบครัวยิ้มวิไลมีหลายด้าน แต่ในด้านธุรกิจแล้ว “ไตรแอดส์ เน็ทเวิคส์” กลายเป็นบริษัทที่ถูกกล่าวถึงจากการเป็นผู้ลงทุนในสื่อโฆษณาสำหรับรถไฟใต้ดิน ที่ใครๆ ก็ต้องจับตา เนื่องจากมีข้อได้เปรียบหลายด้าน ทั้งการตั้งอยู่ในตัวเมือง และจุดที่ตั้งในรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่สามารถสร้างอำนาจรับรู้ได้โดยไม่มีสื่ออื่นๆ มาดึงดูดความสนใจ ขณะเดียวกันสามารถสร้างอิมแพคได้ครบรูปแบบทั้งภาพ แสง และเสียง โดยเฉพาะกับการเป็นสื่อที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์สมัยใหม่

แต่ธุรกิจลักษณะนี้ก็มีความอ่อนไหว เพราะมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เอกลักษณ์เห็นว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม ไตรแอดส์จึงเป็นบริษัทที่เข้าใจ และเตรียมรับมือมาอย่างดี

ส่วนผสมที่ลงตัวของการทำงานสื่อในหลายรูปแบบ ทำให้เขาเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่สามารถวางตัวเองไว้ได้ทั้งเบื้องหน้า และมีความรู้เชิงบริหารเพื่อกลไกด้านหลัง รวมถึงการมีมุมมองในฐานะของนักวิจารณ์สังคม

“คุณพ่อเป็นนักวิชาการ ทำงานสื่อสารมวลชนเป็นงานที่วิเคราะห์วิจารณ์สังคม กึ่งงานการเมืองหน่อย ส่วนคุณแม่เป็นนักธุรกิจ การที่ผมมาอยู่ตรงนี้ เหมือนผมเป็น hybrid เป็นลูกครึ่งระหว่างงานสื่อสารมวลชน งานวิชาการ กับโลกธุรกิจ” ที่นับว่าเป็นจุดเด่นและเอกลักษณ์ของเขา

เขายอมรับว่า การเรียนทางด้าน Media Study มาโดยตรง ที่เน้นหนักไปทางด้านมีเดียคัลเจอร์ จบปริญญาโทด้าน Cultural and Critical Study ด้วยวัย 22 ปี จึงมีความสนใจและมุมมองส่วนตัวในเชิงของ Power Play โดยเฉพาะการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงที่ได้จากบิดา ทำให้เข้าใจทั้งสภาพสังคม และมุมมองการเมืองในเชิงธุรกิจเป็นอย่างดี

“ตอนเด็กๆ ผมจะเป็นคนที่ค่อนข้างสับสนในตัวเอง ผมเป็นเด็กกรุงเทพคริสเตียนเก่า เรียนจนถึง ม.1 แล้วคุณพ่อก็มองว่าคงไม่ไหวแล้ว ส่งไปโรงเรียนประจำดีกว่า (ประเทศอังกฤษ) ตอนแรกอยากจะเรียนวิศวะ แต่คุณพ่อแนะนำว่าให้เราไปเรียน Media Study ดีกว่า เพราะเราเป็นคนชอบสังสรรค์ ชอบอ่านคน ชอบตั้งคำถาม แล้วเราชอบข้อมูลข่าวสาร ซึ่งโชคดีมากที่ที่ผมไปเรียนแบบที่เขาไม่ได้บอกว่าถ่ายภาพสวยต้องถ่ายอย่างไร…”

ประสบการณ์ด้านการทำงาน เอกลักษณ์เคยฝึกงานกับบริษัทด้านสื่อระดับโลกอย่าง CNBC และสื่อในประเทศบางแห่ง ก่อนจะเริ่มรับตำแหน่งบริหารที่เป็นหน้าที่หลักในไตรแอดส์เน็ทเวิคส์ ธุรกิจของครอบครัว หน้าที่หลักคือ การบริหารกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้สื่ออย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ รวมไปถึงด้านการดูแลลูกค้าต่างๆ

“เราทำธุรกิจรถไฟฟ้าก็เหมือนเลโก้มีการต่อเข้าต่อออก มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ใครๆ ที่เห็นข้างนอกก็ดูเหมือนเดิม …ชีวิตการทำงานผมว่าท้าทายนะ ผมไม่ได้จมกับกฎระเบียบ มีคนชอบบอกว่าให้คิดนอกกรอบ แต่ผมว่าเราต้องรู้กรอบก่อนว่ามันคืออะไร โอเคนี้คือกรอบที่เราอยู่นะ งานของเราอยู่ตรงนี้ เราต้องอยู่ภายใต้ระบบแบบนี้ แต่เราก็สามารถที่จะคิดสิ่งที่มันแปลกๆ ใหม่ๆ แต่อยู่ภายในนั้น มันก็ทำให้การทำงานมีความสุขมากยิ่งขึ้น”

การสร้างจุดยืนร่วมกันระหว่างภาครัฐกับเอกชน สังคมกับธุรกิจ เป็นจุดยืนที่เขารู้สึกท้าทาย เนื่องจาก บริษัท ไตรแอดส์ เน็ทเวิคส์ จำกัด เป็นบริษัทเอกชนที่รับสัมปทานบริหารพื้นที่เพื่อการโฆษณาที่อยู่ภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน จากการที่ BMCL หรือบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด เข้าถือหุ้นใหญ่ 56% และมีกลุ่มยิ้มวิไล ถือหุ้นอีก 44%

“ส่วนตัวผมไม่เชื่อว่ามี marketing strategy ที่บอกได้ว่านี่คือสูตรของความสำเร็จ ผมมองว่ามันคือเครื่องมือเท่านั้นเอง โดยเฉพาะในไทย ทั้งการเมืองและธุรกิจมันมีความเกี่ยวข้องกันสูง งานของเราเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐภาคเอกชน ก็อย่างที่พอทราบว่ามันน่าจะเป็นยังไง ผมมองปัญหาค่อนข้างเป็น Relativism ปัญหามันเหมือนเลโก้ มันเชื่อมโยงกันไปหมด บางทีปัญหามันเกิดเพราะเราลืมอะไรไปชิ้นหนึ่ง”

ในแง่หนึ่ง เขาเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่มีมุมมองความคิดในเชิงสังคมสูงทีเดียว “ในเรื่องการเมือง ผมยอมรับว่าสนใจ แต่ไม่ใช่ว่างูๆ ปลาๆ เพราะถ้าผมไปถึงตรงนั้น ถือว่าผมพร้อมที่สุด ผมเล่นครั้งเดียวแล้วจะไม่เล่นอีกเลยก็ได้”

ชีวิตในภาพรวมของเอกลักษณ์ ขั้นแรกของเขาคือการ อยู่ใน “โลกวิชาการ” ขั้นที่สอง คือ “โลกของประสบการณ์” ก่อนที่จะอยู่ในขั้นที่สาม “ศึกษาเครื่องมือ” ตอนนี้จึงเป็นการใช้ชีวิตที่ปรับใช้คำสอนที่มีจากคนรุ่นปู่

“คุณปู่สอนผมว่า “คนเรายิ้ม ยิ้มไว้เถอะ ยังไงเราก็คือยิ้มวิไล คนเรายิ้มไว้ไม่เสียหาย ยิ้มไว้เถอะ เรายิ้มจากใจเขาก็รู้จากใจ แต่ถ้าเราแสร้งเป็นยิ้ม เขาก็รู้ว่ามันคือการทำธุรกิจ ผมว่ารอยยิ้มสำคัญ แต่คงไม่มีอะไรสำคัญมากกว่ารู้เขารู้เรา คุณปู่สอนผมว่า ทำธุรกิจทำตามใจตัวเองไม่ได้ เราต้องทำตามสถานการณ์ แต่ยังไงเราต้องเปลี่ยนสถานการณ์มาอยู่ข้างเราได้อย่างไร ผมถือคติว่าไม่เบียดเบียนใคร มีสัจจะในการทำงาน เราให้เกียรติคนที่ทำงานด้วย” โดยดูเหมือนว่าเป็นคำสอนที่ใช้ได้ดี ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน

“ไม่ว่างานการตลาด สื่อสารมวลชน หรือสื่อเชิงพาณิชย์ หรืออะไรก็ตาม ที่เป็นการสื่อสารกับสังคม เราต้องเข้าใจคนที่จะสื่อสารด้วย ผมคิดว่าไม่ใช่ว่าเป็นตัวของเราเองเสียหมด คือต้องเข้าใจความต้องการของเขาด้วย …แต่จุดหนึ่ง ผมมีความฝันว่าเราจะทำอย่างไร ที่ไม่ใช่แค่ตามความต้องการ แต่เป็นคนสร้างความต้องการที่ถูกต้องให้กับสังคมด้วย ที่สุดท้ายเลยเป็นตัวของเราเองทั้งหมด”

Profile

Name:เอกลักษณ์ ยิ้มวิไล
Education:
ประถม- มัธยม กรุงเทพคริสเตียน
มัธยมต้น Caldicoct School, ประเทศอังกฤษ
มัธยมปลาย Tonbridge School, ประเทศอังกฤษ
ปริญญาตรี BA Media studies and Information Technology, University of East London
ปริญญาโท MA Cultural& Critical studies, University of London
กำลังศึกษา ปริญญาโท MPA (Public Administration) หลักสูตรผู้บริหาร มหาวิทยาลัยศรีปทุม
Career Highlights:
ปัจจุบัน – รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไตรแอดส์ เน็ตเวิร์ค จำกัด
พิธีกรรายการ “สองวัย” ช่อง 5 เวลา 5 ทุ่ม วันอาทิตย์
คอลัมนิสต์ หนังสือพิมพ์มติชน “วัยทวีนส์” วันอาทิตย์
ประสบการณ์การทำงาน -Marketing & Sale Coordinator ที่ CNBC (Europe)Documentary Producer ของ UBC ช่อง 7
Family: บุตรชายคนเดียวของ ทิพย์สุดา และ รศ.ดร.ไชยา ยิ้มวิไล