หากเมืองไทยจะมี เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นดารานักร้องซูเปอร์สตาร์ วงการข่าวเห็นจะมีผู้ชายคนนี้แหละ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ที่ได้รับตำแหน่งซูเปอร์สตาร์ News talk แบบยังหาคู่ต่อกรได้ยาก
“ไม่มีใครไม่รู้จักสรยุทธ” เมื่อนึกถึง News talk สามารถเรียกเขาได้ว่า “เจ้าพ่อ News talk” ได้คงไม่ผิดนัก คนเป็นข่าวอย่างเขา ชั่วโมงนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะมีใครคิดเลียนแบบกันง่ายๆ สร้างบารมีได้เช่นเขา
“ผมโชคดีที่ผมทำแล้วดัง” สรยุทธบอกถึงการทำรายการ News talk ทุกวันนี้เขายอมรับกับ “POSITIONING” ว่า เส้นกราฟความสำเร็จของเขาขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้ว หากเป็นนักฟุตบอลก็ถึงจุดพีคสุดของอาชีพนักเตะ ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายทีมหลายสโมสรต้องการตัวเขา
สรยุทธ นาทีนี้ไม่แตกต่างอะไรกับ “พระเอกจอแก้ว” อาจจะดังกว่าดาราซูเปอร์สตาร์บางคนอีก เขามีแฟนคลับขนาดใหญ่ตั้งแต่เด็กอายุ 5 ขวบ ถึงวัยเกษียณ มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง มีพ็อกเก็ตบุ๊ก ต้องแจกลายเซ็นมิตรรักแฟนรายการขาจร ขาประจำชนิดเซ็นกันเมื่อยมือ มีจดหมายส่งมาหาเขามากถึงเดือนละ 1,000 ฉบับ
บทบาทของสรยุทธกลายเป็นสัญลักษณ์ของคนข่าว รายการวิเคราะห์ข่าว หรือนักเล่าข่าว บารมีของเขาเปรียบเหมือน “ของล้ำค่า” ที่บรรดาเอเยนซี่ สปอนเซอร์ ต่างยินยอมพร้อมใจเทเงินในกระเป๋าให้ ทำให้เจ้าของรายการทีวีหลายช่องต่างต้องการเขา อยากได้เขา
ประวิทย์ มาลีนนท์ เจ้าสัวช่อง 3 ได้กล่าวถึงสรยุทธว่า เขาเปรียบเหมือนดาราดัง เฉกเช่น เบิร์ด-ธงชัย แมคอินไตย เป็นซูเปอร์สตาร์ของวงการข่าว เป็น ฮีโร่ของช่อง 3 ที่ทำรายได้มากถึงหลายร้อยล้านบาท
“การเล่าข่าว ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ โจทย์สำคัญคือ ทำอย่างไรให้ผู้ชมดูสนุก และมีสาระไปด้วย โจทย์แบบนี้ต้องอาศัยประสบการณ์การทำข่าว ความสามารถส่วนตัวที่สั่งสมมา”
สรยุทธ บอกว่า เขาเป็นนักข่าวที่จบมาจากเนชั่น เป็นเหมือนสถานศึกษาทางอาชีพที่ฝึกฝนให้เขาเป็นนักเล่าข่าว วิเคราะห์ข่าว เขาเป็นนักจัดรายการที่ไม่ชอบมีสคริปต์ จึงไม่พึงปรารถนานักที่อยากจะทำรายการแบบวาไรตี้ หรือเกมโชว์ เพราะรายการเหล่านี้ต้องมีสคริปต์ สิ่งที่ถนัดจะทำไปจนถึงที่สุด คือ รายการข่าว ประเภทวิเคราะห์ข่าว คุยข่าว
“ผมว่าการเล่าข่าว วิเคราะห์ข่าว เป็นการสื่อสารข่าวที่เลือกประเด็นหรือหยิบประเด็นให้กับผู้ชมหรือผู้ฟัง ประเด็นข่าวที่เลือกมานั้นผมจะตัดสินใจเอง มองว่าประเด็นไหนน่าสนใจ ใช้วิธีคิดเหมือนผู้ชมว่า ควรจะอยากรู้เรื่องอะไร รู้กระแสข่าวใด”
เขายกตัวอย่างว่า อย่างรายการ “ถึงลูกถึงคน” บางครั้งประเด็นเล็กๆ ที่ชาวบ้านหรือผู้ชมทางบ้านติดต่อมาให้เราไปตรวจสอบแม้ไม่ได้อยู่ในกระแส ก็สามารถขยายเป็นเรื่องใหญ่ได้ หากมีมูล มีบรรทัดฐานความไม่ถูกต้องเกิดขึ้น มีประเด็นที่สังคมควรรู้เกิดขึ้น
ชีวิตของสรยุทธทุกวันนี้มีแต่งานและงาน บางวันนอนวันละ 2-3 ชั่วโมงบ้าง บางวันไม่ได้นอนบ้าง…ชีวิตซูเปอร์สตาร์ก็เป็นเช่นนี้แหละ
รายได้-ค่าตัว
สรยุทธเซ็นสัญญากับช่อง 3 แบบปีต่อปี ได้ค่าตัวจากจัดรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ประมาณ ตอนละ 5,000-6,000 บาท ถือว่าสูงที่สุดในบรรดาพิธีกรคุยข่าวของช่อง 3 ทั้งหมด มากกว่ากันครึ่งต่อครึ่ง ยังไม่นับรวมโบนัสอื่นๆ ที่ประวิทย์หยิบยื่นให้ในฐานะโปรดิวเซอร์รายการด้วย คิดคร่าวๆสรยุทธได้รายได้จากช่อง 3 ไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนบาทต่อเดือน นี่ยังไม่นับรายได้จากรายการ “ถึงลูกถึงคน” และ “คุยคุ้ยข่าว” รวบรวมแบบคร่าวๆ รายได้น่าจะถึงเลขเจ็ดหลักต่อเดือน
24 ชั่วโมงของ “สรยุทธ”
23.05- 00.30 น. จัดรายการถึงลูกถึงคน
01.00-02.00 น. อยู่เคลียร์งานกับทีมงานถึงลูกถึงคน
02.45-04.30 น. นอนพักผ่อน
05.30-06.00 น. เดินทางมาช่อง 3 จัดรายการเรื่องเล่าเช้านี้
06.30-8.30 น. จัดรายการเรื่องเล่าเช้านี้
10.00-11.00 น. รับประทานอาหาร
12.00-14.00 น. ไม่มีกิจหรืองานพิเศษ จะนอนพักผ่อน
15.00-21.00 น. เตรียมงาน อ่านหนังสือพิมพ์ ฟังวิทยุ เพื่อทำรายการคุยคุ้ยข่าว
21.30-22.00 น. จัดรายการคุยคุ้ยข่าว
งานปัจจุบัน
เจ้าของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด
ผู้ดำเนินรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้”
ผู้ดำเนินรายการ “ถึงลูกถึงคน”
ผู้ดำเนินรายการ “คุยคุ้ยข่าว”
คอลัมนิสต์ในนิตยสารแพรว “คุยนอกสนาม”