“เอิ๊ก-ฮาร์ท” คู่ขาปาท่องโก๋

“เอิ๊ก-ฮาร์ท” เป็นผู้ประกาศคู่ขวัญที่เพิ่งย้ายบ้านจากวิกช่อง 3 มาเป็นพิธีกรรายการปาท่องโก๋โซไซตี้ ทางไอทีวี และกลายเป็น “ขวัญใจคู่ใหม่” ของไอทีวี

อาจกล่าวได้ว่าชื่อ “เอิ๊ก พรหมพร ยูวะเวส” และ “ฮาร์ท สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล” เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ประกาศข่าวผู้มีชื่อเสียง เมื่อครั้งที่อยู่ช่อง 3 โดยเอิ๊กโด่งดังมาจากลีลามุดเลื้อยในรายการสีสันบันเทิง ขณะที่ฮาร์ทได้รับความนิยมเพราะคารมและลูกเล่นทะลึ่งในรายการชีพจรข่าว และทั้งคู่ก็จูงมือกันดังเป็นพลุแตกจากรายการระเบียงข่าวด้วยบทบาทผู้ประกาศคู่กัดคู่ฮา

คิดว่า ดังตั้งแต่เมื่อไร?

ฮาร์ทตอบก่อน “เริ่มดัง สมัยอยู่ช่อง 3 น่าจะเป็นเพราะจังหวะชีวิต และรูปแบบรายการที่ช่อง 3 นำเสนอ ตอนมาอยู่ช่อง 3 แรกๆ ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไร จนช่อง 3 เปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอข่าวมาเป็นแบบสนุกสนานมากกว่าจะมานั่งรายงาน ชื่อช่วง “ชีพจรข่าว” และต่อมาเปลี่ยนเป็น “ระเบียงข่าว” ซึ่งช่วงมีเก็บตกแทรกขึ้นมา ตอนนั้นผมก็ดังขึ้นมา ดังมาก …ก็ประมาณปี ’42 หรือ ’43”

สำหรับเอิ๊ก เธอมาอยู่ช่อง 3 ผ่านการทาบทามจากอภิญญา มาลีนนท์ หัวหน้าผู้ประกาศข่าวในเวลานั้นที่ชอบพอหน้าตาและบุคลิกของเธอตั้งแต่สมัยที่เอิ๊กเป็นผู้ประกาศข่าวที่สถานีไทยสกาย “ตอนเริ่มงานช่อง 3 ก็เริ่มจากเป็นผู้ประกาศข่าวเลย เพราะช่อง 3 จะไม่เหมือนบางช่องที่ต้องเป็นผู้สื่อข่าวก่อน แล้วถ้าวันนึงคุณมีคุณสมบัติพร้อมก็ค่อยมาเป็นผู้ประกาศ แต่ช่อง 3 เขาจะแยกตำแหน่งหน้าที่อย่างชัดเจนตั้งแต่ตอนรับเข้ามา”

ฮาร์ทแอบแซว “ผู้ประกาศข่าวช่อง 3 เขาจะเน้นสวย ทรงเป็นทรง เน้นรูปลักษณ์และสเป็ก” เอิ๊กเห็นด้วย “ใช่ๆ ยุคแรกๆ เขาจะถามสัดส่วนกันด้วย ให้หมุนซ้ายขวา คือให้ดูดี เวลาออกหน้าจอ แต่หลังๆ เท่าที่ทราบจะไม่ค่อยเน้น แต่มีการสอบข้อเขียนแทน”

เอิ๊กเล่าต่อ “ตอนแรกก็อ่านข่าวแบบปกติมาเรื่อยๆ จนช่อง 3 มีชีพจรข่าวที่ปรับเป็นข่าวเบาๆ 10 นาที ที่มีพี่ฮาร์ทมานั่งอ่าน พี่จะรับผิดชอบช่วงหนึ่งในชีพจรข่าวก็คือ เมืองไทยวันนี้ ตอนนั้นต่างคนต่างทำหน้าที่ จากนั้นพอเปลี่ยนเป็นระเบียงข่าวโดยมีพี่ฮาร์ทเป็นตัวยืน ทีนี้เขาก็หาว่าใครจะมาประกบคู่กับพี่ฮาร์ท ตอนแรกก็มีหลายคน เช่น แอน จินดารัตน์ โอ๋ นิธิพร กาะลแมร์ และพี่ แต่รู้สึกว่าคู่พี่ฮาร์ทกับพี่ คุณประวิทย์จะชอบมากกว่า ส่วนสังคมบันเทิงก็เป็นรายงานข่าวบันเทิงสั้นๆ ซึ่งก็เกิดขึ้นไล่เลี่ยกับระเบียงข่าว”

คิดว่า เพราะดังเพราะอะไร?

หากจะบอกว่าเป็นเพราะสไตล์การอ่านข่าวหรือเปล่าที่ทำให้ฮาร์ทโดดเด่นและมีชื่อเสียงจนทุกวันนี้ เจ้าตัวกลับตอบว่า “ผมว่า ผมอ่านไม่ได้เรื่อง แต่ผมก็งงอยู่ว่าคนดูทำไม…(หัวเราะ)”

ขณะที่พิธีกรสาวคู่ขวัญช่วยตอบแทนว่า “คงเป็นเพราะพี่ฮาร์ทขี้เล่น ซึ่งสมัยนั้นคนอ่านข่าวไม่มีแบบนี้ จะมีแต่หน้าตานิ่งๆ เคร่งเครียด เป็นเรื่องราวมานั่งวิเคราะห์ข่าว พี่ฮาร์ทเขาจะไม่สนว่าเป็นข่าวอะไร ก็ให้คอมเมนต์ฮาๆ เข้าไว้ ก็กลายเป็นดี ตอนแรกพี่ฮาร์ทแอบกังวลว่าจะทำได้หรือ แต่ปรากฏว่าเข้าทาง”

สำหรับเอิ๊ก เธอบอกว่า “คนส่วนใหญ่ชอบที่พี่เป็นธรรมชาติ มีความฉลาดปนกับที่ไม่ยอมใครนิดๆ ถ้าไม่ใช่เราก็บอกว่าไม่ใช่ คือคนดูสมัยนี้เปลี่ยนไป สมัยก่อนอาจชอบนางเอกแบบดาวพระศุกร์ แต่สมัยนี้ เขาอยากจะดูความเป็นตัวตน ไม่ใช่ดีสุดขั้ว ร้ายสุดขีด เป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่คิดแบบที่ตัวเองคิด และทำอย่างที่ตัวเองมั่นใจว่าถูกต้อง”

“การทำงานของเราสองคนไม่เหมือนออกโทรทัศน์อยู่ แต่เหมือนมานั่งฟังผู้หญิงคนนึงคุยกับผู้ชายคนนึงแบบที่สนิทสนมกัน มีแซวกันบ้าง หยิกหยอกกันบ้าง ต่อล้อต่อเถียงกันบ้าง เป็นบุคลิกที่คนดูรู้สึกชอบ”

ความแตกต่างระหว่างการเป็นผู้อ่านข่าวและพิธีกรรายการข่าว?

เอิ๊กให้ความเห็นว่า “จริงๆ เริ่มต้น ทักษะจะคล้ายกันคือ ต้องพูดจาฉะฉาน ชัดเจน แต่พิธีกรอาจต้องบวกความมีปฏิภาณไหวพริบ ความเป็นตัวของตัวเอง การนำเสนอความคิดเห็นของตัวเองเพิ่มเข้าไป”

ฮาร์ทเสริม “ตอนที่ผมกับเอิ๊กมาเป็นพิธีกรใหม่ๆ เราจะเข้มงวดกับการออกเสียง เหมือนเด็กเพิ่งเริ่มเรียน แต่ ณ วันนี้เราเลยจุดนั้นมาแล้ว วันนี้ก็จะเป็นเรื่องของการดำเนินรายการยังไงให้สนุก ราบรื่น และเป็นธรรมชาติ เป็นอะไรที่ต้องเรียนรู้ไม่มีวันจบ ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์ในการทำงานสอนเรา และก็ดูแบบอย่างคนที่เราชอบ”

ทำไมช่วงนี้รูปแบบรายการ “เล่าข่าว” จึงมา และพิธีกรรายการเหล่านี้ได้รับความนิยม?

ทั้งคู่มองว่า “มันก็เป็นกระแสนิยม เหมือนกับสมัยก่อนที่ช่วงหนึ่งเคยนิยมการวิเคราะห์ข่าวแบบเคร่งเครียด และจริงจังลึกซึ้ง ผู้ประกาศข่าวทุกคนต้องวิเคราะห์ข่าวได้ ส่วนสมัยนี้นิยมคนอ่านข่าวที่ต้องมีมุกด้วย มีความลื่นไหล เป็นธรรมชาติ มันก็เป็นการพัฒนาเปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลา…และเมื่อผู้คนหันมาบริโภคข่าวสารเยอะขึ้น ก็เลยทำให้พิธีกรกึ่งผู้ประกาศข่าวได้รับความสนใจและเป็นที่รู้จักมากขึ้น” เอิ๊กสรุป

ในการเลือกใช้พิธีกรรายการข่าวมาเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาสินค้า เอิ๊กมองว่า ยังมีปัจจัยอื่นอีก เช่น ภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของความเป็นผู้อ่านข่าวก็อาจจะเหมาะสมกับสินค้าบางตัวมากกว่าดารา และเรื่องของค่าตัวเมื่อเทียบกับความถี่ในการถูกพบเห็นของพรีเซ็นเตอร์ เพราะโดยทั่วไปรายการข่าวมักมีทุกวัน ดังนั้นความถี่ในการตอกย้ำสินค้าก็จะมีมากกว่าดารา

อะไรเป็นจุดขายของแบรนด์ “เอิ๊ก-ฮาร์ท” ?

ทั้งคู่ช่วยกันนึกภาพก่อนจะให้คำตอบ “แบรนด์สินค้าคุณภาพ และเป็นแบรนด์ที่น่าจะคาดหวังความสนุกสนานและเสียงหัวเราะได้” เอิ๊กอธิบายต่อ “เราสองคนน่าจะเป็นตัวแทนของพิธีกรยุคใหม่ มีความร่าเริง เป็นตัวของตัวเอง และทุกครั้งที่เจอเราทั้งคู่ก็จะได้ความสนุกสนาน รอยยิ้ม และสาระไปด้วย”

เพราะเป็นแบรนด์ที่การันตีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ถึงแม้บางวันชีวิตจริงอาจจะยิ้มไม่ออก แต่ด้วยสปิริตของคนหน้าจอ เมื่อไฟมา กล้องพร้อม ผู้กำกับนับ ทั้งคู่ก็ต้องยิ้ม “เราต้องลืมเรื่องเศร้าไปก่อน เพราะคนที่เขาดูเรา เขาคงไม่คาดหวังเห็นเราหน้าหงิก หน้าเศร้า หรือมาบ่นเรื่องส่วนตัวออกอากาศ แต่เขาคงคาดหวังว่าเราจะสร้างความบันเทิง และความสบายใจให้กับเขา”

จะรักษาความดังให้นานที่สุดได้อย่างไร?

ทั้งคู่ตอบตรงกันโดยไม่ได้นัดหมาย “ก็แค่ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาให้ดีที่สุด แต่ยังไงสักวันความดังมันก็ต้องมีวันเลิกรา อันนี้เป็นธรรมชาติในวงการโทรทัศน์อยู่แล้ว จะช้าหรือเร็ว มันก็ขึ้นอยู่กับคนดูว่าเขาจะยังชื่นชม นิยมหรือเปล่า แต่เราสองคนก็เป็นแบบที่เราเป็น”

พรหมพร ยูวะเวส หรือ เอิ๊ก

เริ่มต้นจากการเป็นผู้ประกาศข่าวให้กับสถานีข่าว Thai Sky เมื่อปลายปี 2536 ทำอยู่ราว 5 เดือน ก่อนจะได้รับเลือกเป็น 1 ใน 5 ผู้อ่านข่าวหน้าใหม่ของช่อง 3 จากผู้มาสมัครกว่า 7 พันคน ทั้งนี้ เอิ๊กทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศข่าวและพิธีกรให้กับช่อง 3 มานานร่วม 11 ปี จึงออกมาเป็นฟรีแลนซ์ พร้อมเปิดบริษัทผลิตรายการของตัวเอง ในนาม “บู๊ลิ้ม เอ็นเตอร์เทนเมนท์”

ผลงานที่ผ่านมา เช่น ผู้ประกาศข่าวช่วงรายการสังคมบันเทิง ช่วงระเบียงข่าว ช่วงเก็บตก พิธีกรรายการรัดชัดนิวส์ และรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง ทางช่อง 3 พิธีกรรายการ เป็นข่าว ทางช่อง 5 ภาพยนตร์ ตะลุมพุก และงานถ่ายแบบให้กับนิตยสารบางฉบับ เช่น At Office ฉบับมกราคม 2548 เป็นต้น

สำหรับงานปัจจุบัน ได้แก่ รายการสตาร์ สตอรี่ และห้องหัวเห็ด ทางช่อง 5 และรายการ ปาท่องโก๋โซไซตี้ และต้มยำบันเทิง ทางไอทีวี นอกจากนี้ยังมี สปอตโฆษณา งานพิธีกรตามอีเวนต์ต่างๆ และในเร็ววันนี้ เธอกำลังจะเปิดนิตยสารหัวนอก อีกด้วย

สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล หรือ ฮาร์ท

เริ่มต้นจากการเป็นนักร้องคู่ชื่อดังในนาม “เบิร์ดกะฮาร์ท” จนปี 2534 จึงเริ่มเข้าสู่วงการผู้อ่านข่าว ซึ่งรายการแรกคือ Good Morning Thailand ทางช่อง 9 ซึ่งเป็นรายการที่ The Nation ร่วมกับ อสมท. ผลิตรายการข่าวภาษาอังกฤษ อยู่ประมาณ 2 ปีเศษ หลังเปลี่ยนผู้อำนวยการ รายการจึงถูกยุบ และปี 2538 ฮาร์ทก็กลับมาเป็นผู้ประกาศข่าวอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ เขามาทำงานให้กับทางช่อง 7 นานกว่า 2 ปี ก่อนจะลาออกไปสมัครสมาชิกสภากรุงเทพ หลังจากสอบตก ฮาร์ทก็ย้ายตัวเองมาอ่านข่าวให้กับช่อง 3 เป็นเวลาร่วม 6 ปี และในปี 2547 จึงย้ายมาเป็นพนักงานฟรีแลนซ์ รับจ้างทำงานอยู่กับไอทีวีจนปัจจุบัน

ผลงานที่ผ่านมาและปัจจุบัน ได้แก่ ผู้ประกาศข่าวให้กับหลายช่อง นักร้อง นักแสดง และผู้ดำเนินรายการ เช่น รายการชูรักชูรส ทางช่อง 3 รายการ SMEs ชี้ช่องรวย ทางช่อง 11 รายการยอดอัจฉริยะ…นครหลวงไทย และปาท่องโก๋โซไซตี้ ทางไอทีวี เป็นต้น พรีเซ็นเตอร์โฆษณา เช่น ซิตี้แบงก์ ขนมเวเฟอร์เซี่ยงไฮ้ และยาแอลเมทาซิน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีงานพากย์ งานสปอตโฆษณาทางวิทยุ และเป็นพิธีกรในงานอีเวนต์อีกมากมาย