จากทนายมืออาชีพ พลิกผันตัวเองมาโลดแล่นอยู่หน้าจอโทรทัศน์เป็นเวลา 3 ปี จนวันนี้ ทั้ง อ.วันชัย สอนศิริ และ อ.ประมาณ เลืองวัฒนวณิช กลายเป็นที่รู้จักของกลุ่มคนทุกระดับชั้น ในนาม “สองทนาย”
“ผม 2 คนเริ่มจากการเป็นทนายความโดยอาชีพ จากนั้นก็เป็นนักพูดบรรยายกฎหมายทั่วไปของสภาทนายความ จากนั้นก็มีคนนำสิ่งที่เราบรรยายไปทำหนังสือ จากหนังสือ บริษัทกันตนาก็นำมาทำเป็นรายการทีวีชื่อ แจ้งความทางไอทีวี จากนั้นก็มีคนทำหัวหมอจ้อข่าว เมื่อได้เข้ามาคลุกคลีในข่าว ก็เลยได้มาทำรายการร่วมมือร่วมใจกับไอทีวี จากนั้นก็ใกล้ชิดและซึมซับการทำงานของไอทีวี” สองทนายเล่าย้อนอดีต
ทนายคู่หูเล่าว่า เริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะ 2 ทนายอารมณ์ดีตั้งแต่รายการแจ้งความ ซึ่งเป็นรายการทีวีรายการแรก เพราะตอนนั้นเอกลักษณ์ของรายการคือการให้ทนายคนหนึ่งใส่ชุดขาว และอีกคนใส่ชุดสีดำ ซึ่งก็เรียกร้องความสนใจและการจดจำจากผู้ชมได้ไม่น้อย
สำหรับความเป็นมาที่ทำให้ทั้งคู่ได้เข้ามาสู่ “สงครามคุยข่าว” ร่วมกับรายการข่าวเช้าไอทีวี ในช่วงเวลา 6.30 -7.00 น. อาจารย์ทั้งสองคาดว่า “ผู้บริหารไอทีวีมองว่าเราน่าจะเป็นขวัญใจประชาชนได้ เพราะขนาดกฎหมายยังพูดให้เข้าใจได้ นับประสาอะไรกับการเอาข่าวมาคุยง่ายๆ ให้ประชาชนเข้าใจ และแทนที่จะเอาคนข่าวมาเล่าข่าว แต่ไอทีวีหยิบผม 2 คนซึ่งเป็นผู้เสพข่าวมาคุยข่าว ฉะนั้นผู้เสพข่าวกับผู้เสพข่าวก็น่าจะถึงกันแบบง่ายๆ สบายๆ”
นอกจากนี้ ข้อดีของการได้ทนายมาเป็นคนคุยข่าวก็คือ หากมีข่าวที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายก็สามารถต่อยอด ทำให้ผู้ชมเข้าใจได้ง่ายๆ แบบทันที
“อะไร เกิดขึ้น ที่ไหน อย่างไร ใครเกี่ยวข้อง ใครเสียหาย ความคืบหน้าเป็นอย่างไร” เหล่านี้คือประเด็นที่ทนายทั้ง 2 จะนำข่าวหน้าหนึ่งที่น่าสนใจ และคิดว่าชาวบ้านควรรู้จากหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ มาเล่าให้ผู้ชมฟังอย่างกระชับ และได้ใจความครบถ้วน ภายใต้เงื่อนไขอย่างน้อย 12 ข่าว ในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง
“รายการผม ดูก็ได้ ฟังก็ได้ เรียกว่าฟังเรา 2 คนแล้ว คุณจะรู้ข่าวสำคัญทั้งหมดว่าอะไรเกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้ ภายในครึ่งชั่วโมง ด้วยสไตล์และบุคลิกที่เป็นตัวตนของผม 2 คนจะไปอยู่ในข่าว เรียกว่าการเล่าข่าวของผม 2 คนเป็นมิติใหม่ที่ไม่เหมือนใครทั้งอารมณ์ ความรู้สึก บุคลิก และกลุ่มเป้าหมาย ทั้งรากหญ้า ระดับกลาง และระดับบน ได้หมด”
ด้วยโลโก้ทนายคู่ฮา และแบรนด์สองทนาย (อ.ประมาณ และ อ.วันชัย) เป็นเสมือนเครื่องหมายการันตีความสนุก รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ “แบรนด์เราน่าจะมีบุคลิกแบบชาวบ้านๆ รากหญ้า ง่ายๆ สบาย สนุก และไม่มีพิธีรีตอง” อ.วันชัย อธิบาย
ขณะที่ อ.ประมาณ เสริม “ผม 2 คนเป็นภาพนักกฎหมายที่สื่อสิ่งที่ยากแก่การเข้าใจให้ประชาชนเข้าใจได้ง่ายๆ ฉะนั้นพอพูดเรื่องกฎหมาย เห็นภาพผม 2 คนปุ๊บ แปลว่าเดี๋ยวฟัง 2 คนนี้เสร็จก็รู้เรื่องหมดแล้ว รวมถึงเรื่องอะไรที่ยากก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย”
ทั้งคู่เล่าย้อนให้ฟังว่า ตอนที่ไอทีวีติดต่อไปให้มาคุยข่าวในรายการข่าวเช้าไอทีวี สิ่งที่ต้องเตรียมมากที่สุดก็คือการปรับวิถีชีวิต จากที่เคยตื่นเหมือนคนทั่วไปก็ต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 ถึงสถานีตี 5 เพื่ออ่านและบรีฟข่าว จากปกติที่อารมณ์ดีแล้วเปิดเพลง ก็กลายเป็นต้องรับรู้ข้อมูลข่าวสารทั้งวัน หูตาต้องไวต่อข้อมูลข่าวสารทั้งวิทยุ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ จนกระทั่งก่อนนอนก็ต้องดูข่าว
“เราต้องเสพข่าวให้มากที่สุด พยายามทำตัวเองให้อินกับข่าวเกือบทั้งหมด นั่นจึงหมายความว่าพรุ่งนี้จะนำกลับไปสู่คนดูได้”
ถามถึงการทำงานทุกวันนี้ อาจารย์ทั้ง 2 แจกแจงรวบๆ ว่า คิวเต็มหมดทั้ง 7 วัน จันทร์-ศุกร์ เช้าและบ่าย มีรายการสดที่ไอทีวี บางเย็นก็มีรายการสายด่วนคลายทุกข์ ทาง UBC 9 ต่อ หรือไปอัดเทปรายการอื่น และเดินสายทอล์กโชว์ ภายในบริเวณกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนเสาร์-อาทิตย์ ก็เดินสายไปบรรยาย และทอล์กโชว์ ที่ต่างจังหวัด นอกจากนี้ยังเป็นทนายและที่ปรึกษา โดยมีสำนักงานทนายความของตัวเอง
“ชีวิต 1 วัน เราอยู่กับไอทีวีเกือบครึ่งหนึ่ง ที่ต้องทำงานใกล้ชิด และซึมซับในองค์กรของไอทีวี ถ้าถามว่า เราเป็นคนของไอทีวีหรือเปล่า ไม่เป็น…ก็เหมือนเป็น” สองทนายตอบ