ดอม โชติวนิช แฟนพันธุ์แท้แมกซิม

ในฐานะแฟนพันธุ์แท้ที่ติดตามอ่านแมกซิมฉบับอเมริกามานานกว่า 6 ปี ดอม โชติวนิช ที่วันนี้ก้าวมาเป็นบรรณาธิการบริหารแมกซิมฉบับภาษาไทย ซึ่งเป็น บก.บห. แมกซิมที่อายุน้อยที่สุดในโลก ด้วยวัยเพียง 29 ปี ภายใต้ชายคาของจีเอ็มเอ็ม มีเดีย ให้คำเปรียบเทียบแมกซิมว่าเป็นเพื่อนแบบห่ามๆ ซ่าส์ๆ ที่มีเรื่องสนุกๆ แบบตลกร้ายหน่อยๆ มาเล่าให้กันฟังในก๊วนเพื่อนสนิท มาสัมผัสแบบลึกๆ ว่า เขาดูแลจัดการกับเพื่อนห่ามๆ รายนี้อย่างไร จนเป็นหนึ่ง

* คุณเข้ามาเป็นบก.บห. แมกซิมฉบับภาษาไทยได้อย่างไร

ตอนนั้นคุณลายคราม เลิศวิทยาประสิทธิ์ (กรรมการผู้จัดการ บ. จีเอ็มเอ็ม ไทมส์ จำกัด) ต้องการหา บก.แมกซิม ซึ่งตอนนั้นดูอยู่หลายคน ส่วนผมรู้จักกับคุณนรเศรษฐ์ หมัดคง เขารู้จักกับคุณลายครามรู้ว่าต้องการหาบก.บห. แมกซิม ภาษาไทย เลยมาชวนผมให้ไปคุย พอดีผมอ่านแมกซิมาตลอดประมาณ 5-6 ปีแล้ว ตั้งแต่ตอนผมอยู่ฮอลแลนด์ซึ่งไม่มีแมกกาซีนภาษาอังกฤษให้อ่านเยอะนัก ส่วนใหญ่เป็นภาษาดัตช์ ที่เป็นภาษาอังกฤษมีLODED FRONT กับแมกซิม

พอกลับมาเมืองไทยผมยังซื้ออ่านอยู่ตลอด พอดีเห็นนิตยสารอเมริการับสมาชิกทางอินเทอร์เน็ตได้ ราคาต่อเล่มไม่ถึงร้อยบาท ถ้าสมัครทางอังกฤษค่าส่งแพงมาก ตกเล่มละ 600 กว่าบาท ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่ผมเริ่มโตด้วย เป็นช่วงเชพอัพวิธีคิดของผมด้วย ผมเลยโตมากับแมกซิมของอเมริกันมาตลอด แต่ผมอ่านแมกกาซีนทุกประเภท แต่แมกซิม ผมชอบที่สุด

หลังวันที่ผมเข้ามาคุยกับพี่ป้อม ลายคราม เสร็จ ซึ่งผมไม่ได้รู้จักมาก่อน ผมโทรคุยกับ บก. แมกซิม ที่ลอนดอน ผมสามารถตอบเรื่องเก่าๆ ของแมกซิมได้หมด แล้วยังบอกให้เขาเช็กได้เลยว่าผมสมัครเป็นสมาชิกมาได้กี่ปีแล้ว เขาก็ไปเช็ค เห็นว่าผมรู้จักแมกซิมดีพอ แล้วผมก็บินไปสัมภาษณ์ที่ลอนดอน มีผู้บริหารหลายฝ่ายมาสัมภาษณ์

แต่ส่วนใหญ่ผมเป็นฝ่ายถามเขามากกว่าว่าทำไมถึงต้องมีคอลัมน์นี้คอลัมน์นั้น เกิดมาจากอะไร ซึ่งเป็นการบอกให้รู้ว่าเรารู้จักแมกซิมดีในระดับหนึ่ง และรู้สึกว่าเรารักแล้วชอบแมกซิมมากๆ ผมเลือกทำงานที่ผมรักมาตลอด ผมคิดว่าการทำการตลาด หรืออะไรก็ตาม ถ้าเรารู้จักผลิตภัณฑ์ชิ้นนั้นเพียงพอ ช่วยทำให้การทำงานเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นมากๆ เลย

* ส่วนตัวคิดว่าอะไรเป็นปัจจัยให้แมกซิมประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในระดับโลก

ผมคิดว่าแมกซิมมีฟอร์มูล่าที่ดีพอ เพราะก่อนแมกซิมเกิด นิตยสารผู้ชายขึ้นปกผู้ชายประสบความสำเร็จเป็นส่วนใหญ่ แต่จากการสำรวจแมกซิมพบว่าส่วนใหญ่ผู้ชายไม่ค่อยชอบเห็นเพื่อนได้ดีเกินหน้า อย่างเวลาไปงานเลี้ยงรุ่นเจอเพื่อนที่ได้ตำแหน่งงานดีมากๆ เราไม่ชอบคุยด้วย

ผู้ชายชอบผู้หญิง แต่แมกซิมไม่ได้มีแต่เรื่องเซ็กซ์ ยังมีเรื่องกีฬา เรื่องรถยนต์ เรื่องเทคโนโลยี ทุกอย่างที่เขาอยากรู้เป็นเรื่องใกล้ตัว แล้วไม่ได้พูดแต่เฉพาะเรื่องแบรนด์ราคาแพงอย่างเดียว อย่างเบียร์เรามีเรื่องเบียร์ราคาถูกที่ขายอยู่ตามถนน เป็นวิธีนำเสนอให้กับคนอ่านที่เป็นมิตร มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน ว่าเขาใช้ชีวิตอย่างไรในแต่ละวัน บางคนอยู่บ้านอาจชอบเล่นเกมอินเทอร์เน็ต เข้าเว็บโป๊ เป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายทำ เรายอมรับในสิ่งเหล่านั้น

แมกซิมไม่ได้นำเสนอว่าเราเป็นยอดบุรุษ แต่เราแนะนำให้คุณเป็นผู้ชายให้เป็น จุดนี้เป็น main bible ของแมกซิม ว่าชีวิตเป็นเรื่องสนุกไม่ต้องไปเกร็งอะไรให้มาก อย่างเราสอนให้เขาแต่งตัว สอนวิธีจีบสาว รวมทั้งสอนให้เป็นคนดีด้วย อย่างจีบสาวแล้วให้ผู้หญิงประทับใจ

* เพราะอะไรจีเอ็มเอ็ม มีเดีย ถึงเลือกแมกซิมมาเปิดตลาดนิตยสารผู้ชาย

ที่แกรมมี่เลือกเข้ามาส่วนหนึ่งเพราะเห็นว่าสามารถทำตลาดได้ เพราะในต่างประเทศพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จ คือสูตรสำเร็จที่คิดประสบความสำเร็จแล้ว เพราะนิตยสารที่ขายได้ 4 ล้านกว่าเล่มต่อเดือนทั่วโลก เฉพาะในอเมริกายอดขายอยู่ที่ 2,500,000 เล่มต่อฉบับ แสดงว่ามีอะไรที่ถูกต้องอยู่ ถูกใจผู้ชาย ขณะที่คนอื่นยังทำไม่ได้ แสดงว่าฟอร์มูล่าถูกต้องแล้ว พอฟอร์มูล่าถูกต้อง ทำให้ง่ายในการทำงาน เพราะได้สูตรที่ถูกต้องมาใช้ เพราะซื้อหัวเข้ามาเราซื้อโนว์ฮาวในการคิคการทำงานของเขามาด้วย แล้วลูกค้าของแมกซิมเป็นลูกค้าที่แข็งแรง พอมาผลิตในเมืองไทยเราสามารถไปนำเสนอได้ทันที

* ในฐานะ บก.บห. ตั้งแต่ฉบับแรกคุณเห็นโอกาสด้านการตลาดของแมกซิมในเมืองไทยแค่ไหน

ผมเห็นโอกาสทางการตลาดสูงมาก เพราะตอนไปสัมภาษณ์ได้คุยเรื่องขอบเขตว่าเขาควบคุมเราขนาดไหน ซึ่งเขาเปิดโอกาสให้เราทำเนื้อหาในประเทศได้มากเท่าที่เราต้องการ เพียงแต่ใช้ดีไซน์การออกแบบในแบบของเขา ทำให้มั่นใจว่าทำได้ ไปได้แน่ เพราะในเมืองไทยไม่มีนิตยสารผู้ชายที่ตอบโจทย์แบบแมกซิมมาก่อน

แล้วการตอบรับถือว่าอยู่ในจุดที่ดีมาก จากทั้งยอดขาย เสียงตอบรับจากผู้อ่าน อย่างผมตอนนี้เวลาไปไหนเริ่มมีคนเข้ามาทักทาย เพราะผมใส่รูปผมไว้ในหน้าบท บก.

* ผู้อ่านหลักของแมกซิมเป็นกลุ่มไหน

ในกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการนำเสนอเป็นกลุ่มผู้ชายทำงานอายุระหว่าง 25-35 ปี ลองนึกภาพนักเรียนในห้องเรียน แล้วตัดกลุ่มที่นั่งสามแถวหน้าออกไป ที่เหลือผมว่าสามารถอ่านแมกซิมแล้วสนุกได้หมด คือไม่ใช่ประเภทเด็กเรียน เป็นพวกซ่าส์ๆ หน่อย แล้วมีความสนใจโลกรอบๆ ตัวเรา สนใจเรื่องที่ไม่ได้ออกอยู่ในข้อสอบด้วย อย่างใครทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ชิพ ฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งรู้ไปแล้วได้ประโยชน์ไหม ได้เงินเพิ่มหรือเปล่า รู้แล้วชีวิตดีขึ้นหรือเปล่า แต่อยากรู้ไหม ผู้ชายอยากรู้ ทำให้รู้สึกสนุกกับชีวิตที่บางครั้งมีเรื่องตลกร้ายให้เห็น เป็นบุคลิกที่มีความเด็กอยู่ในตัวด้วย อย่างเรามีหน้าวิดีโอเกม เพราะเห็นว่าผู้ชายชอบเล่นวิดีโอเกม หรือชอบถือมือถือที่สามารถทำได้แทบทุกอย่าง ฟังก์ชันเยอะๆ ใช้ยากๆ เพราะชอบ หรือซื้อรถยนต์แล้วมาเปลี่ยนล้อใหม่ให้เปรี้ยวมากขึ้น เป็นคอนเทนต์ที่อยู่ในแมกซิม

* ในส่วนอาร์ตเวิร์กแนวของแมกซิมเป็นแบบไหน

อย่างส่วนบนปกหน้ามีสกาย ไลน์ ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายสุดในการให้ข้อมูลว่าภายในเล่มมีเรื่องอะไรบ้าง แล้วบอกได้เร็ว เพราะปกมีเวลาดึงดูดสายตาผู้อ่านแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น เป็นฟอร์มูล่าของแมกซิม เพราะไม่ว่าวางอยู่ในแผงแบบไหนตัวนี้จะไม่ถูกทับ ซึ่งข้อความจะเปลี่ยนตลอดทุกเล่ม

ฟอร์มูล่าด้านอาร์ตเวิร์ก มี grid line (เส้นกำกับโครงสร้างการจัดหน้า) เฉพาะ แล้วจุดเด่นคือมีไซด์บาร์ เยอะๆ ซึ่งมีประโยชน์ เพราะคนซื้อแมกซิมไม่ใช่ประเภทซื้อมาแล้วรีบอ่านตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย ไซด์บาร์เป็นจุดรองรับเวลาพักอ่าน เพราะไซด์บาร์จะสั้น บริโภคง่ายใช้เวลาอ่านได้เร็ว ซึ่งในการทำงานต้องทำงานเยอะขึ้นอย่างมาก แต่เป็นรูปแบบที่คนอื่นชอบ ตอบโจทย์ได้ตรงจุด

บางคนบอกว่าอาร์ตเวิร์กแมกซิมรก ผมว่าอาจเป็นเรื่องความไม่ชินตาสำหรับผู้อ่านไทย เพราะเป็นฟอร์แมตที่แปลก ซึ่งบางคนบอกว่าชอบ อ่านสนุก แต่เป็นฟอร์มูล่าที่พิสูจน์มาแล้วทั่วโลกว่าประสบความสำเร็จ ซึ่งต้องทำแบบนี้ เพราะเป็นตัวตนของแมกซิม เพราะเราไม่สามารถทำให้ทุกคนชอบได้

* ขบวนการทำงานต้องประสานงานกับทีมงานต่างประเทศมากน้อยแค่ไหน

ปกติต้องประชุมกับผู้บริหารต่างประเทศปีละครั้ง แล้วปกติเราส่งแนวคอนเซ็ปต์แต่ละเล่มให้อยู่แล้ว ซึ่งระยะแรกมีขลุกขลักในบางส่วน เพราะเราเป็นสังคมไทยเขาเป็นสังคมตะวันตก อย่างผู้หญิงฝรั่งชอบผิวสีแทน แต่บ้านเราชอบผู้หญิงผิวขาว พอส่งรูปนางแบบไป เขาบอกว่าผิวซีดไป ผมต้องยืนยันว่าในเมืองไทยขายไวท์เทนนิ่งเหมือนขายน้ำเลยนะ ขายกระจุยมาก เชื่อไอเถอะ ต้องขาวไว้ก่อน ถ้าแทนจัดๆ ไม่เวิร์ก

สุดท้ายเขาให้เกียรติเรา แต่ผมไม่ได้คิดว่าเป็นการควบคุม เป็นการทำงานร่วมกัน ช่วยกันคิดมากกว่า ซึ่งเขามีทีมอินเตอร์เนชั่นแนล มาร์เก็ตติ้ง มาช่วยคิดด้วย แล้วทุกวันประมาณหกโมงเย็น เขาจะโทรหาผมจากอังกฤษ พอประมาณสี่ห้าทุ่ม ทีมงานจากอเมริกาจะโทรมาคุย ผมเลยทำงานดึกแทบทุกวัน

* ช่วงแรกเจอปัญหามุมมองเป็นนิตยสารโป๊บ้างไหม

ตอนแรกบางส่วนบอกว่าเราเป็นหนังสือโป๊ กลุ่มเดียวกับเพนท์เฮ้าส์ เพราะคนไทยชอบเหมา แต่จากที่เราไปเสนอสิ่งที่เราเป็น ซึ่งผมออกไปพรีเซนต์เองเลย ไปขายโฆษณาตั้งแต่ตอนยังไม่ได้เป็นเล่มด้วย ทุกคนเริ่มเปลี่ยนความเห็น เพราะถ้าเป็นหนังสือโป๊จริง ดารานักร้องดังๆ หลายคนอย่าง คาเมรอน ดิแอซ จะยอมถ่ายขึ้นปกเหรอ

อย่างชิเชโด้ลงกับเรามาตั้งแต่เริ่มต้นเลย เพราะเราเข้าไปพรีเซนต์ให้เขาเข้าใจ หรืออย่างโซนี่ เอเซอร์ ลาคอต์ส ฮอนด้า โนเกีย หรืออย่างค่ายหนัง เพราะเขาเชื่อใจว่าอิมเมจเราไม่ได้ทำให้ภาพโปรดักส์เขาลดลง พอเรามีสินค้าที่เป็นแบรนด์ราคาแพงลงได้ปุ๊บ รายอื่นก็เชื่อถือ เพราะฉะนั้นจงทำให้

แบรนด์สินค้าราคาแพงเชื่อมั่นก่อน ให้เป็นเบนซ์มาร์กให้กับรายอื่นตามมา โฆษณาตอนนี้มีเฉลี่ยประมาณ 50-60 หน้าต่อฉบับ ซึ่งใช้วิธีกระจายไม่ให้รู้สึกโดดจากเนื้อหา แล้วแมกซิม ไทยแลนด์เป็นฉบับที่สองในโลกที่ได้โฆษณาของเมอร์ซิเดส เบนซ์ ต่อจากอเมริกา

* ในทางธุรกิจตอนนี้แมกซิมคุ้มทุนแล้วหรือยัง

ตอนนี้ถือว่าเราไปได้สวยเลยละ คือคุ้มทุนแล้วในทุกๆ เล่ม กำไรมากน้อยแล้วแต่เล่ม ไม่มีเล่มไหนที่ออกมาแล้วขาดทุน มีอนาคตที่ดี แต่วิธีคำนวณไม่ได้เป็นแบบเอาก้อนใหญ่ทั้งหมดมาคิด แต่ใช้จากเป้าหมายต่อเดือนที่เราตั้งไว้มาต้องได้

ส่วนโพลตอนนี้คิดว่าถ้าถามถึงนิตยสารผู้ชายแมกซิมอยู่อันดับต้นๆ แล้ว จากนิตยสารผู้ชายในตลาดทั้งหมดเป็นคู่แข่งจะมีตั้งแต่เอสไควร์ จีเอ็ม มาร์ส เอฟเฮชเอ็ม แต่ถ้าเป็นเฉพาะเซกเมนต์นี้เลยผมว่าเราไม่ได้แข่งกับใคร เราแข่งกับตัวเองเฉยๆ

* แบ่งสัดส่วนเนื้อหาภายในเล่มระหว่างผลิตเองกับใช้ต้นฉบับต่างประเทศอย่างไร

ในส่วนคอนเทนต์ตอนนี้เป็นส่วนที่เราผลิตเอง 70% เรื่องจากเมืองนอกเป็นพวกฟีเจอร์ ฮาวทู นิดๆ หน่อยๆ แล้วพวกภาพนางแบบต่างประเทศ เพราะไม่ต้องไปถ่ายเองไกลๆ ตอนนี้เนื้อหาที่ทำเองเพิ่มเป็น 80 % ได้แล้วมั้ง ตั้งแต่ปกที่ถ่ายเองตั้งแต่ฉบับแรก เพราะคิดว่าถูกปากมากกว่า เบอร์เกอร์จะขายสู้ส้มตำได้อย่างไร เพราะรสนิยมลูกค้าแตกต่างกัน

* ทีมงานแมกซิมมีเยอะไหม

ทีมงานไม่รวมฝ่ายเซลส์ตอนนี้มีรวม 10 คน น้อยนะ แต่เราสามารถทำได้ ซึ่งทีมขนาดเล็กมีข้อดีเรื่องการสื่อสารกันได้ตลอด แล้วยังมีนักเขียนนอกอยู่ส่วนหนึ่ง อย่างหน้ากีฬา ส่วนช่างภาพมีใช้ข้างนอกบ้างในบางโอกาส แล้วมี บก.อำนวยการช่วยดูแลเรื่องบทความ เพราะหน้าที่หลักผมต้องติดต่อช่วยด้านการตลาด เพราะผมมีประสบการณ์การด้านมาร์เก็ตติ้งมาก่อน

ทีมงานบุคลิกแบบแมกซิมจำเป็นในระดับหนึ่ง แต่ทุกอย่างสามารถเรียนรู้ได้ เพราะไม่อย่างนั้นผู้ชายคงทำแมกกาซีนผู้หญิงไม่ได้ แต่ทุกคนมีประสบการณ์ทำแมกกาซีนมาแล้ว ซึ่งช่วยผมได้มาก อย่างบางคนอ่านแมกซิมมาตั้งแต่เรียนอังกฤษ แล้วชอบ แต่ไม่จำเป็นว่าไลฟ์สไตล์ต้องเป็นแบบแมกซิม แต่เขาเข้าใจคอนเซ็ปต์แมกซิมว่าคืออะไร ซึ่งผมจะคอยแนะว่าที่ทำมาใช้แนวแมกซิมหรือไม่

* นางแบบขึ้นปกแมกซิมมีหลักการเลือกอย่างไร

ปกเป็นฟอร์มูล่าของแมกซิมเหมือนกันเลยว่า อย่างไรก็ตามยึดโลคัลไว้ก่อน เพราะใกล้ตัวสัมผัสได้มากกว่า ไม่ใช่เห็นแล้วรู้สึกไกลเกินไป อย่างฉบับแรกเราเลือกมาช่า เพราะเรากำลังคุยกัยผู้ชายอายุ 25-35 ซึ่งโตมาในยุค 90 ในยุคนี้มีใครแรงกว่าคุณมาช่าบ้าง แล้วยังได้รับความยอมรับอยู่ในตอนนี้ ทุกคนยอมรับว่ายังสวย ยังเซ็กซี่

นางแบบปก อย่างแรกต้องดัง สมมติแบ่งเป็นระดับตั้งแต่ 0 ถึง 10 กลุ่ม 0 คือป้าขายกล้วยแขกอยู่ปากซอยหน้าบ้าน ส่วน 10 คือกลุ่มที่ผู้ชายไทยอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปรู้จักหมด อย่างเล่มแรกมาช่า ใครๆ ก็รู้จักหมด แต่ทั่วไปขั้นต่ำผมขอระดับ 6 ขึ้นไป อย่างจอย รินลณี จิ๊บ ดุสิตา ซึ่งเรามาทำให้เขาเซ็กซี่ขึ้นจากที่เห็นทั่วไป เพราะเรามีสัมภาษณ์เขาด้วย เพราะเราอยากรู้ว่าเขาคิดอะไรคิดอย่างเดียว เป็นคำถามสนุกๆ คนนี้เปิดคำถามด้วยประโยคไหนเวิร์กสุด ไม่ใช่อยากเห็นว่าใต้เสื้อเขามีอะไร

ส่วนนางแบบต่างประเทศมีความคิดอยู่ แต่ยังไม่ชัดว่าคนไหนแรงพอ เพราะปกดีมีผลต่อยอดขายเป็นเรื่องที่รับรู้ก่อนอยู่แล้ว

* ผู้หญิงอ่านแมกซิมเยอะไหม

เรายังไม่เคยทำแบบสำรวจ แต่คิดว่าผู้หญิงอ่านแมกซิมเยอะ เพราะมีจดหมายจากผู้อ่านผู้หญิงเขียนมาคุยทุกฉบับเลย อย่างเขียนมาบอกว่าอ่านเพื่อไว้จับทางแฟนตัวเอง

* แกรมมี่ช่วยเหลือด้านไหนบ้างในความเป็นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

แกรมมี่ช่วยเราในระดับหนึ่ง อย่างเจรจาติดต่อดาราที่เราต้องการขึ้นปก ค่าตัวได้เรตภายใน หรือบางครั้งแกรมมี่มีผลิตภัณฑ์ตัวนี้ออก ต้องการโปรโมตเราลงให้ เรายินดีช่วยโดยต้องไม่รู้สึกว่าสูญเสียความเป็นตัวเองไป ช่วยในวิธีที่เราช่วยได้ แต่สรุปแล้วได้ช่วยเหมือนกัน เพื่อให้ได้คอนเทนต์ที่ดีสำหรับผู้อ่าน เพราะโจทย์ข้อแรกที่ต้องยึดตลอดเลยคือผู้อ่านอยากได้หรือเปล่า ผมทำในสิ่งที่คนอ่านอยากได้ ไม่ได้ทำในสิ่งที่ผมอยากทำ เพราะถ้าทำในสิ่งที่เราอยากทำเป็นงานศิลปะ

* เป้าหมายด้านการตลาดของแมกซิมที่ตั้งไว้ในปีหน้า

เป้าหมายปีหน้าเราอยากขึ้นอันดับหนึ่ง ต้องการให้แมกซิมเป็นสัญลักษณ์ของนิตยสารสำหรับเป็นผู้ชายให้เป็น ซึ่งเราไม่ได้เน้นเรื่องเซ็กซ์ เพราะเซ็กซ์มีแค่ 15-20% ในเล่ม ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องที่อยากให้ผู้ชายทุกคนรู้ไว้ เวลาไปนั่งกินเหล้ากับเพื่อนได้มีเรื่องไปเล่าให้เพื่อนฟัง มีเรื่องไปโม้ได้ อย่างรู้เปล่าว่ามีข่าวคนโดนขวดยาธาตุเข้าไปอยู่ในก้น ซึ่งเป็นเรื่องฟังแล้วตลกดี เนื้อหาแมกซิมเป็นแนวนั้น หรืออย่างเรื่องวิธีขอหวย เห็นต้นไผ่แล้วตีออกมาเป็นตัวเลขได้ ซึ่งใช้วิธีตั้งโครงเรื่องคร่าวๆ ไว้ แล้วหารายละเอียดเพิ่มเติมจากที่เห็นรอบๆ ตัว

* เตรียมแผนการตลาดรองรับเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างไรบ้าง

แผนการตลาดเราจะเพิ่ม below the line เข้าไปอีก รวมทั้ง above the line ซึ่งข้อดีอยู่ที่แกรมมี่ มีเดียมีสื่อสิ่งพิมพ์อยู่หลายเล่มเราสามารถใช้ประโยชน์ได้ในระดับค่าใช้จ่ายที่ถูกลง แล้วมีสื่อวิทยุที่สามารถซื้อสปอตได้ในราคาถูกกว่า หรือโฆษณาโทรทัศน์ ในปีหน้าจะมีทั้งการทำตลาดร่วมกับแกรมมี่ กับข้างนอกด้วย

ส่วน below the line ที่ผ่านมาเราใช้รูปแบบ อย่างจัดชมภาพยนตร์กับผู้อ่าน ให้ทุกคนได้พบกันเขาไม่ได้รู้จักเราผ่านหน้ากระดาษเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่ได้มารู้จักที่ตัวเราได้พูดคุยกัน ทำให้มีความรู้สึกใกล้ตัวมากขึ้น ซึ่งพอเขาเกิดความประทับใจแล้วจะเป็น loyalty ในใจตลอดไป ซึ่งนิตยสารถ้าสามารถสร้าง loyalty ให้กับผู้อ่านได้เป็นสิ่งที่ดี เพราะต่อไปไม่ต้องสนใจแล้วว่าเป็นปกอะไร เล่มใหม่ออกมาทุกเดือนเป็นแมกซิมที่เขาชอบต้องอ่านแน่นอน

profile

Name: ดอม โชติวนิช
Age: 28 ปี
Education:
B.Sc. Psychology (Industrial Psychology) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
Career Highlights :
– Advertising and Publicity Coordinator, Columbia Tristar Buena Vista Film Co, Ltd. (ประเทศไทย)
– ครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์ FM 104.5 FAT RADIO