แจ่มใส โกยใสใส ร้อยล้าน

หากพูดถึงสำนักพิมพ์น้องใหม่ที่มาแรง “แจ้งเกิด” ในวงการหนังสือเล่ม (pocket book) ไปเรียบร้อยแล้ว “แจ่มใส” คือ แบรนด์ role model ที่ถูกกล่าวขานมากที่สุดในเวลานี้

ความแรงของแจ่มใสการันตีโดยตำแหน่ง best sellers ผลงานหลายเรื่องถูกตีพิมพ์ซ้ำหลายครั้ง โดยเฉพาะหนังสือรวมเรื่องสั้น 10 เรื่อง เกี่ยวกับความรักชุด “ความรู้สึกดี…ที่เรียกว่ารัก” ของนักเขียนหน้าใหม่ ที่แจ่มใสเอามาจากอินเทอร์เน็ต และตั้งใจทำเพียงชุดเดียว วางตลาดครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2544 แต่กระแสตอบรับจากคนอ่านรุ่นใหม่กลับแรงเกินคาด

“มีทั้งอีเมล โทรศัพท์ของคนอ่านเข้ามาเยอะมาก ซึ่งเราคาดไม่ถึง เพราะตอนนั้นงานเขียนตามท้องตลาดส่วนมากนักเขียนต้องมีชื่อเสียงอยู่บ้าง และเป็นแนววรรณกรรมที่มี conflict ของเรื่อง มีตัวร้าย แต่งานของแจ่มใสไม่มีตัวร้าย เน้นที่ตัวละครหลัก 2 ตัว และเล่นกับความรู้สึกกับคนอ่าน” เกรียงไกร สื่อสุวรรณ กรรมการผู้จัดการสำนักพิมพ์ แจ่มใส เล่าย้อนถึงความสำเร็จก้าวแรกให้ POSITIONING ฟังอย่างอารมณ์ดี

หลังพลิกความคาดหมายจนกลายเป็นหนังสือฮิตติดชาร์ต แจ่มใสก็ไม่ทิ้งโอกาสทอง จึงได้เข็น ”ความรู้สึกดี…ที่เรียกว่ารัก” เล่มต่อมาอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันมีจำนวนมากสุดถึง 18 เล่ม หากนับรวมชุดพิเศษที่พิมพ์เสริมออกมาหลายชุด รวมเบ็ดเสร็จทุกชุดไม่น้อยกว่า 1 แสนเล่มเลยทีเดียว

ความสำเร็จครั้งนั้น ได้ผลักดันให้แจ่มใสเดินหน้าเชิงรุก แตกไลน์หนังสือเล่มจากนิยายรักแบบไทยๆพัฒนาไปสู่นิยายรักแบบเกาหลีที่วัยรุ่นไทยกำลังคลั่งไคล้มากเป็นพิเศษ ซึ่งก็ไม่ทำให้แจ่มใสผิดหวัง

ตรงกันข้ามกลับยิ่งเสริมให้ชื่อเสียง แจ่มใสพุ่งกระฉูดยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อช่อง 7 สีได้นำเอาการ์ตูนยอดฮิตที่ถูกสร้างเป็นละครของเกาหลี เรื่อง Full House สะดุดรัก…ที่พักใจ ออกฉายเมื่อกลางปีที่ผ่านมา เรียกเรตติ้งคนดูอย่างถล่มทลาย

“อานิสงส์ดังกล่าว ส่งผลต่อยอดพิมพ์ถล่มทลายของ Full House ภาคหนังสือแปลทั้ง 2 เวอร์ชั่น ที่แจ่มใสซื้อลิขสิทธิ์ไว้ล่วงหน้าหลายเดือน”

ไม่เพียงแต่เป็นผู้นำตลาดนิยายรัก ช่วงเวลาเดียวกัน แจ่มใสยังได้แตกกิ่งก้านธุรกิจเปิดสำนักพิมพ์ใหม่ ในเครือถึง 4 สำนักพิมพ์ มี positioning ของแบรนด์ แจ่มใสเน้น friendly เป็นเพื่อนกัน และ active คือ ความกระตือรือร้น มีพลัง

แบรนด์ แจ่มใส ถูกวางเป็นสำนักพิมพ์ ที่เน้นจัดพิมพ์หนังสือ นิยาย-เรื่องสั้น แนวความรัก หวาน สดใส แนวสนุก กุ๊กกิ๊ก หนังสือวรรณกรรม จรรโลงใจ เป็นหลัก

ส่วน อีก 4 แห่ง คือ “สำนักพิมพ์เอ็นเธอร์บุ๊คส์” เน้นคอนเซ็ปต์ให้เป็น “ทางผ่าน” ของเด็กรุ่นใหม่ๆ ให้เข้าไปสู่หนังสือและวรรณกรรมเยาวชน ผลิตหนังสือแนวแฟนตาซี ขณะที่ “สำนักพิมพ์คิวปิด” จัดพิมพ์นิยายแปลแนว Modern Romance ซึ่งมีความสนุกสนาน ซาบซ่า ถูกใจสาวสมัยใหม่

ส่วน ”สำนักพิมพ์ไซอ้อนเพรส” จัดพิมพ์หนังสือรวมความรู้ทางวิชาการ ธุรกิจ และคอมพิวเตอร์สำหรับผู้ที่ต้องการก้าวให้ทันโลกแห่งธุรกิจ และการทำงาน ล่าสุดสำนักพิมพ์น้องใหม่ “วิตา” เน้นผลิตหนังสือแนวสุขภาพกาย-ใจ เพื่อคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลาย

แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์

ความสำเร็จของแจ่มใส ไม่ได้มาจาก “ความบังเอิญ” หากมองจากมิติการทำธุรกิจของอดีตนักพัฒนาเว็บไซต์ที่ผันตัวเองมาเป็นเจ้าของธุรกิจสิ่งพิมพ์แล้ว จะเห็นว่า เกรียงไกร จัดเป็นนักธุรกิจไฟแรงที่มีสายตาแหลมคม มองสภาพตลาด และหาช่องว่าง เพื่อหาจุดยืนที่เน้นความแตกต่าง และมีเอกลักษณ์

“จุดอ่อนของธุรกิจขณะนั้น ขาดความคิดสร้างสรรค์ มักชอบทำอะไรตามกัน ทำให้ขาดความหลากหลาย ผมเลยต้องหาจุดต่างทั้งวิธีคิดในการสร้างผลงาน (products) ที่ต้องไม่ซ้ำกับคนอื่น ตอนนี้เรื่องสั้นจากอินเทอร์เน็ต ของนักเขียนหน้าใหม่ยังไม่เคยมีคนทำ เลยเอามารวมเล่มทำดู พร้อมสร้างเอกลักษณ์ใหม่เข้าไปด้วย”

“เอกลักษณ์แจ่มใส เราได้วางบุคลิกเป็นหนังสือสำหรับผู้หญิงยุคใหม่ การคัดเลือกเรื่อง ตั้งชื่อเรื่อง
การออกแบบปกจะไม่เหมือนใคร เพราะต้องการให้คนซื้อจำได้ทันทีและรู้ว่าเป็นแจ่มใส เมื่อเห็นหนังสือบนชั้นวาง”

จึงไม่แปลกที่โมเดลโปรดักส์ของแจ่มใสได้ถูกท้าทายด้วยการเลียนแบบตลอดทั้ง สไตล์เรื่อง ออกแบบปก รวมไปถึงการตลาด จากบรรดารายเก่าและรายใหม่ที่เห็นแม่แบบความสำเร็จ แต่เกรียงไกรกลับบอกว่า “แสดงว่าเรามาถูกทางแล้ว” อีกทั้งการแข่งขันจะทำให้เกิดการพัฒนาคุณภาพเพื่อคนอ่านมากยิ่งขึ้น

นอกจากโปรดักส์ที่วางให้แตกต่างแล้ว ด้านการทำตลาดแจ่มใสก็ให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยเฉพาะ การทำ CRM (Customer Relationship Management) การบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าที่เน้นเข้าถึงความต้องการและความพึงพอใจลูกค้าอย่างใกล้ชิด

“หัวใจ CRM อยู่ที่ฐานข้อมูลที่หัวใจอยู่ที่ data base ที่ต้องมีประสิทธิภาพและสามารถใช้ได้อย่างทรงพลัง ซึ่งขณะนี้ยังไม่เชื่อมต่ออย่างเต็มที่นัก แต่เราได้ทำรีเสิร์ชสไตล์แจ่มใส คือ ทีมงานของเขาเข้าไปพูดคุยกับกลุ่มเป้าหมายทางอินเทอร์เน็ต เพื่อสำรวจและจับกระแสใหม่ โดยผ่านเว็บไซต์ทั่วไปและแจ่มใส”

อีกทั้งยังสามารถรักษาฐานคนอ่าน โดยเฉพาะเว็บไซต์แจ่มใส ทำหน้าที่เป็นเวทีให้คนอ่านได้ระบาย ชอบหรือไม่ชอบอะไร แสดงความเห็นมาได้ ซึ่งจะรับฟังทุกความคิดเห็น ทำให้รู้ว่ากลุ่มนักอ่านแต่ละคนต้องการอะไรบ้าง ทำให้สำนักพิมพ์ ผู้บริหารที่เกี่ยวข้องทุกคนได้รู้ปัญหาโดยตรงและสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที

“เรากลัวเหมือนกันว่า ลูกค้าอาจเปลี่ยนใจหันไปซื้อหนังสือที่สำนักพิมพ์ หากทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า มันติดต่อกับสำนักพิมพ์ยาก เค้าไม่สามารถบอกอะไรกับเราได้โดย ดังนั้นเว็บไซต์แจ่มใสจึงมีความสำคัญ”
เกรียงไกรเชื่อว่าวิธีการนี้ทำให้ได้ข้อมูลตามสภาพความเป็นจริงมากกว่าการทำแบบสอบถามวิจัยอย่างเป็นทางการ ซึ่งข้อมูลที่ได้สามารถนำมาปรับปรุงแก้ไข พัฒนาสิ่งใหม่ตอบโจทย์ความพึงพอใจ และความต้องการของลูกค้า ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในยุคที่มีตัวเลือกมากมาย

“มันเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก เพราะคนอ่านหนังสือเป็นวัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงเร็ว ดังนั้นจะใช้วิธีทำงานแบบรูทีนไม่ได้ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด”

นอกจาก CRM แล้ว แจ่มใสยังมีช่องทางจำหน่ายจัดจำหน่ายทั่วประเทศโดย ค่ายอมรินทร์บุ๊ค ผ่านเว็บไซต์แจ่มใส และการทำ event ผ่านงานสัปดาห์หนังสือ มหกรรมหนังสือ ที่จัดประจำทุกปีที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นเวทีสำคัญสำหรับการออกหนังสือใหม่จำนวนมาก สำหรับปีนี้ แจ่มใสได้เตรียมผลงานใหม่ครบทุกแนวออกสู่ตลาดรวมสำนักพิมพ์ในเครือทั้ง คิวปิด วิตา เอ็นเธอร์บุ๊คส์ 36 เล่ม

ปีนี้แจ่มใสตั้งเป้ารายได้ไว้ 200 ล้านจากเดิมปีที่ผ่านมามียอดขายหนังสือรวม 100 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังได้เตรียมขยายตลาดผู้อ่านให้กว้างขึ้น ด้วยการต่อยอดความสำเร็จนิยาย โดยการออกซีรี่ส์ใหม่ชุด Sweet Asian ซึ่งเป็นผลงานใหม่ แนวใหม่จากนักเขียนในกลุ่มไต้หวัน ญี่ปุ่น รวมทั้งเกาหลี

Tip สูตร (ไม่)ลับสไตล์แจ่มใส

• ทีมงานจบใหม่จากรั้วมหาวิทยาลัย ถ้ามีประสบการณ์ไม่เกิน 3 ปี อายุไม่เกิน 30 ปี
• เน้นปลูกฝังทีมงานมีวัฒนธรรมแบบแจ่มใส ให้มีใจรักงาน สนุก รู้สึกดี
• เวลาประชุม มักไม่เป็นทางการ ใช้วิธีพูดคุย ทีมงานทุกระดับสามารถเสนอไอเดียได้ตลอด ไม่จำเป็นต้องเข้าห้องประชุม
• หลักเกณฑ์คัดเลือกต้นฉบับ เน้นเรื่องโดนใจ โดยข้อมูลจะได้มากจากทีมงานกองบรรณาธิการที่มีหน้าที่ติดตาม trend ใหม่ๆ ของวัยรุ่น ด้วยการเข้าไปพูดคุยในเว็บไซต์ที่นิยมของวัยรุ่นเป็นประจำ
• กลยุทธ์ครองใจลูกค้า ทำงานด้วยการฟัง-คิด พร้อมตอบโจทย์ความต้องการ และความพึงพอใจลูกค้า

Profile

เกรียงไกร สื่อสุวรรณ 1 ใน 3 ผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์แจ่มใส วัยไม่ถึง 30 ปี จบการศึกษาปริญญาตรีจาก คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และทำงานคลุกคลีในแวดวงไอที ในฐานะนักพัฒนาเว็บไซต์อยู่ราว 4-5 ปีก่อนตัดสินใจหันมาทำธุรกิจส่วนตัว เปิดสำนักพิมพ์ ทำหนังสือนิยายรักแนวโรแมนติกจนฮิตติดตลาด

ส่วนตัวของเขาแล้ว ชื่นชอบแนวคิดของมัตซูชิตะ นักธุรกิจญี่ปุ่นชื่อดัง เจ้าของแบรนด์ National โดยเฉพาะเรื่อง การวางอนาคตธุรกิจล่วงหน้า 200 ปี ดังนั้น จึงไม่แปลกที่เขาจะรับอิทธิพลจากแนวคิดดังกล่าว นำมาวางรากฐานธุรกิจแจ่มใสเป็น 5 ยุคล่วงหน้าอย่างเป็นระบบ

แจ่มใส 5 ยุค

แผนยุทธศาสตร์แจ่มใส ถูกวางไว้เป็น 5 ยุค แต่ละยุคจะไม่ได้กำหนดระยะเวลาว่าเป็นเมื่อไร แต่มุ่งไปยังเป้าหมายที่วางไว้เป็นตามที่กำหนดไว้หรือไม่ เริ่มจากยุค 1 และ 2 เป็นยุคก่อร่างสร้างตัว และแตกกิ่งก้านสาขา จนถึงวันนี้เรียกได้ว่า แจ่มใสเข้าสู่ยุคสาม ซึ่งเป็นยุคพัฒนารากในแข็งแรง โดยเน้นพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ฐานข้อมูล และการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จากนั้นจึงเป็นยุค 4 และยุค 5 จะเป็นยุคที่แจ่มใส ไม่ว่าจะไปยืนตรงไหน ทำหนังสือชนิดใด ก็ต้องอยู่ในแถวหน้าเท่านั้น

ระริน อุทกะพันธุ์

“ต้องยอมรับค่ายที่มาแรงมากขณะนี้ คือ แจ่มใส เป็นสำนักพิมพ์ที่มีวาง position ที่ชัดเจน ว่าต้องการขายอะไร ทำเพื่อขายใคร เขาเก่งที่เห็นช่องทางตลาดของวัยรุ่น เขาทำหนังสืออ่านสนุกอ่านเล่มแรกแล้วอยากอ่านต่อ จี๊ดใจวัยรุ่นจริงๆ”

นุวัทฐ จั่นบำรุง

“ตลาดนักอ่านนาทีนี้ต้องยกนิ้วให้แจ่มใส นิยายสไตล์แจ่มใส ถือเป็นเทรนด์ เป็นแฟชั่นของวัยรุ่นไปแล้ว ทำออกกี่ชุด เด็กจะซื้อทันที เห็นเด็กบางคนซื้อทีเดียว 7 เล่ม ถามว่าซื้อไปทำไมมากมาย เขาบอกว่า เป็นของสะสมอย่างหนึ่ง”