อำนาจการบริหารจัดการ…สุดยอดนักคิดกูรูระดับโลก…กระแสเศรษฐกิจแห่งทุนนิยม…ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แห่งโลกตะวันตก …นี่คือแบรนด์ที่บ่งบอกบุคลิกของความเป็น “สำนักพิมพ์ผู้จัดการ”
ถ้าจะเปรียบเป็นคน สำนักพิมพ์ผู้จัดการก็เหมือนกับนักวิชาการใส่แว่นหนาๆ ใหญ่ๆ แว่นนี้เป็นดั่งเลนส์ที่มีองค์ความรู้แบบ know how มีความเชี่ยวชาญทางการบริหารจัดการ การตลาด สามารถเสพแล้วแผ่ขยายไปใช้ประโยชน์ทางความคิดได้
นี่ยังไม่รวมถึงอีกสองบุคลิกของสำนักพิมพ์ในเครือผู้จัดการ คือ สำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์ ที่มีบุคลิกเสนอเรื่องราวแบบแนวสันทนาการและปรากฏการณ์ทางสังคมวิทยา เช่น ท่องเที่ยว เลี้ยงลูก และสำนักพิมพ์ผู้จัดการคลาสิกที่นำเสนอปรากฏการณ์สำคัญๆ กับเรื่องราวในอดีต
“ในส่วนของสำนักพิมพ์ผู้จัดการ คุณภาพของเนื้อหาต้องตอบโจทย์ความเป็นสาระทางวิชาการให้ได้ เป็นส่วนสำคัญมากกับการผลิตหนังสือประเภทนี้” สมพงษ์ สุวรรณจิตกุล บรรณาธิการ สำนักพิมพ์ผู้จัดการ อธิบายอีกว่า เหมือนการสร้างหนัง ถ้าคุณภาพเนื้อหาไม่ดี ต่อให้มีแบรนด์ดี มีผู้อำนวยการสร้างระดับโลกรับรอง ก็เหมือนการทำลายความน่าเชื่อถือ
โจทย์การผลิตของพ็อกเกตบุ๊กของสำนักพิมพ์ผู้จัดการ ต้องตอบโจทย์ในสิ่งที่นำเสนอให้ได้ว่า อ่านแล้วนำไปใช้ประโยชน์ทางวิชาการด้านใด ให้ความน่าเชื่อถือทางความคิดมากน้อยแค่ไหน มีเสน่ห์ในสไตล์การนำเสนอในแบบฉบับนักวิชาการหรือไม่
ผลผลิตของสำนักพิมพ์ผู้จัดการส่วนใหญ่เป็นหนังสือแปลเป็นหลัก อีกส่วนมาจากนักวิชาการระดับชั้นแนวหน้าของไทย และบุคคลในระดับแถวหน้าของนักบริหาร
การหยิบประเด็นหนังสือแปลทางวิชาการของต่างประเทศมานำเสนอนั้น บรรณาธิการสำนักพิมพ์ผู้จัดการ เล่าว่า เป็นเรื่องที่ต้องวิเคราะห์และติดตามกระแสของโลกด้วย เช่น ภาวะนี้กำลังปัญหาน้ำแพง ประเด็นที่ถือว่าร้อนแรง น้ำหนักที่หยิบเรื่องนี้มานำเสนอจึงมีมาก และมีผลต่อความสนใจของผู้อ่านด้วย
ขั้นตอนการผลิตของสำนักพิมพ์ผู้จัดการ ไม่ได้สลับซับซ้อน หากสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งของนักเขียนต่างประเทศ จะติดต่อกับเอเยนซี่ในเมืองไทยทันที ซึ่งมีหลายๆ แห่งทำธุรกิจประเภทนี้ประสานไปยังต่างประเทศเพื่อขอซื้อลิขสิทธิ์มาแปล หากตกลงราคา เงื่อนไขต่างๆ ได้ กระบวนการผลิตต่อมา คือ ส่งเรื่องแปลเพื่อเรียบเรียงให้เป็นภาษาไทย ขัดเกลา แก้ไข จัดรูปเล่ม ระยะเวลาทุกอย่างจะเสร็จสิ้นไม่เกินประมาณหนึ่งเดือนหรือเดือนครึ่ง
แบรนด์ของหนังสือภายใต้โลโก้สำนักพิมพ์ผู้จัดการ ไม่ใช่หนังสือขายแบบหวือหวา วางขายไม่กี่วันเกลี้ยงแผง ยอดขายของแนววิชาการสไตล์ผู้จัดการ จะเป็นลักษณะ “น้ำซึมบ่อทราย” ขายเรื่อยๆ มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน
หนังสือขายดีของสำนักพิมพ์ผู้จัดการ สามารถวัดได้จากยอดขายได้จากการพิมพ์ครั้งแรก หากขายได้ร้อย 60 ของยอดพิมพ์ เช่น ผลิต 100 เล่ม ขายได้ 60 เล่ม ถือว่าคุ้มทุนไม่ขาดทุนแล้ว ที่เหลือเป็นเรื่องของกำไร ส่วนเล่มใดขายดีที่สุด จะวัดจากจำนวนครั้งที่พิมพ์ ถ้าพิมพ์ครั้งสาม สี่ ได้จัดว่าฮอตแล้ว สำหรับแนวหนังสือประเภทนี้
แผนการผลิตพิมพ์ครั้งแรกของพ็อกเกตบุ๊กแต่ละเล่มตั้งไว้ประมาณ 4 พันเล่ม เป็นยอดผลิตที่เป็นเหมือนค่าเฉลี่ยที่กำหนดขึ้นได้ในการบริหารการขาย บริหารสินค้าคงคลังในสต็อกของการเก็บหนังสือ
“เราส่งหนังสือขายที่ซีเอ็ดบุ๊คเป็นหลัก ซึ่งมี 200 กว่าสาขา เราจะส่งไปประมาณ 3 พันเล่ม และเก็บไว้สต็อกประมาณ 1 พัน หากหนังสือเล่มนี้ซีเอ็ดแจ้งว่าขายดี อยากให้ส่งไปอีกก็จะส่งสินค้าในสต็อกออกไป หากมีแนวโน้มว่าขายดีมาก ก็จะตัดสินใจพิมพ์ครั้งที่สอง สาม สี่ ขึ้นอยู่กับยอดขาย”
ขณะเดียวกัน หนังสือในสต็อกที่เก็บไว้ จะเป็นสินค้าที่เก็บไว้สำหรับการออกบูธขายหนังสือ และขายผ่านทางเว็บไซต์ของผู้จัดการ รวมทั้งการสั่งซื้อโดยตรง ซึ่งสินค้าในสต็อกจะแปรผันเป็นรายได้ หมายถึง “เงินสด” ได้ทันที
…บางคนบอกว่า แสงสว่างทางปัญญาเกิดขึ้นได้จากการอ่านหนังสือ ร้านหนังสือผู้จัดการแห่งนี้อาจมีคำตอบได้ในสิ่งที่คุณกำลังค้นหา
ค่าลิขสิทธิ์หนังสือแปล
ค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์หนังสือต่างประเทศมาแปลเฉลี่ยอยู่ที่ 1,300-1,500 เหรียญสหรัฐต่อหนึ่งเรื่อง หรือประมาณ 60,000 กว่าบาท
แผนการตลาด
1. ออกบูธระดับระดับชาติงานมหกรรมหนังสือ 2 ช่วง เดือนเม.ย.และต.ค.
2. ออกบูธเดือนละประมาณ 4 ครั้ง เช่น สถาบันการศึกษา
3. ซื้อข่ายผ่านเว็บไซต์ร้านผู้จัดการ bookstore.manager.co.th
4. ทำแพ็กเกจถุงใส่หนังสือสำหรับลูกค้า ภายใต้โลโก้สำนักพิมพ์ผู้จัดการ ซึ่งถือเป็นการสร้างแบรนด์วิธีหนึ่งเวลาหิ้วไปไหนมาไหน
กลุ่มเป้าหมาย
1. นักบริหาร, นักการตลาด, ฝ่ายทรัพยากรบุคคล
2. ข้าราชการ ผู้กำลังเข้าอบรมทางวิชาการ
3. นักศึกษาระดับปริญญาตรี-โท-เอก
หนังสือขายดีในร้านผู้จัดการ
1. เมืองไทยรายสัปดาห์ โดย สนธิ ลิ้มทองกุล และ สโรชา พรอุดมศักดิ์
2. แพ้แล้วอย่างไร ชนะแล้วอย่างไร (ซีดี) โดย สนธิ ลิ้มทองกุล
3. เปิดโปงมหาอำนาจอเมริกา โดย สมพงษ์ สุวรรณจิตกุล
4. เจาะรหัสกรรม โดย พระอาจารย์วัลลภ ชวนปัญโญ และ สนธิ ลิ้มทองกุล
5. ศิลปการใช้คนในสามก๊ก โดย บุญศักดิ์ แสงระวี
