นักบริหารสาวสวยรุ่นใหม่ที่โดดเด่นจนเป็นที่น่าจับตามากที่สุดแห่งปี อีกคนหนึ่งคงหนีไม่พ้น ภัทรียา ณ นคร หรือ “พาย” เธอได้รับเลือกจากผู้อ่านนิตยสาร POSITIONING ให้เป็น Young Executive ประจำปี 2548 และด้วยความโดดเด่นในหน้าที่การงาน บวกกับบุคลิกภาพที่สง่างาม และความถี่ในการออกสื่อ เหล่านี้ล้วนส่งผลให้คะแนนโหวตของพายมาแรงแซงผู้บริหารหนุ่มๆ พุ่งมาเป็นอันดับ 1 ในกลุ่ม “Rising Star” อีกด้วย
“สังคมปัจจุบันมีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง ถึงแม้เราจะมีความรู้ความสามารถแต่คนอื่นเขาก็มีเหมือนกับเรา และอะไรที่จะทำให้เราโดดเด่นหรือเหนือกว่า การมีบุคลิกภาพที่ดี นี่ล่ะช่วยคุณได้แน่นอน การสร้างบุคลิกภาพที่ดีนั้น คือต้องสร้างทั้งภายในและภายนอก” ความเชื่อนี้ปรากฏบนเว็บไซต์ www.B-Your-Best.com ของพาย โดยความเป็นคนบุคลิกดีของเธอการันตีได้จากหลายรางวัลที่เธอได้รับ รวมทั้ง กระแสตอบรับจากพ็อกเกตบุ๊ก 2 เล่มที่เธอเขียน นั่นคือ Looking Good และ Feeling Good
หลายคนรู้ดีอยู่แล้วว่า พายรับตำแหน่งเป็น PR Manager และ Buyer ให้กับแบรนด์ Gucci ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว หน้าที่หลักของเธอก็คือ เป็นตัวแทนแบรนด์ในการออกงานสังคม ประชาสัมพันธ์งานต่างๆ ดูแลการถ่ายแบบให้ตรงตามคอนเซ็ปต์ของดีไซเนอร์คอลเลกชั่นนั้นๆ และบินไปสั่งซื้อสินค้าคอลเลกชั่นใหม่ๆ ของกุชชี่ที่ประเทศอิตาลีปีละ 4-5 ครั้ง
“กำไรขาดทุนมันเสี่ยงอยู่ทุก season เราจึงต้องคาดการณ์เทรนด์ล่วงหน้าให้ได้ เพราะกว่าสินค้าจะออกก็ 6 เดือน ถึงมีไกด์ไลน์ให้ แต่เราก็ต้องดูด้วยว่า ลูกค้าของเราเป็นใคร สินค้าตัวไหนที่เขาจะชอบ และสินค้าตัวนั้นจะฮิตหรือไม่ จะต้องสั่งมาจำนวนเท่าไร” พายเล่าถึงความท้าทายในงาน พร้อมบอกวิธีแก้ปัญหาคือ ศึกษาจากสถิติและคอมเมนต์ของลูกค้าเป็นการบ้านที่ต้องทำทุกครั้งก่อนบินไปเลือกซื้อสินค้าที่อิตาลี
พายเป็นพรีเซ็นเตอร์ชั้นดีให้กับแบรนด์กุชชี่ ด้วยการสวมใส่เครื่องแต่งกายที่มีโลโก้ของแบรนด์ในเครือกุชชี่ทุกครั้งที่ปรากฏตัวสู่สาธารณชน จนหลายคนเชื่อว่าเธอคงไม่มีเสื้อผ้าและเครื่องประดับเป็นแบรนด์อื่นเลย “พายก็มีแบรนด์เนมอื่นผสมบ้างตามเรื่องตามราว แต่เพราะเรามักใส่สีดำตลอด มันก็เลยคล้ายกุชชี่โดยปริยาย แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่จะไม่เคยเห็นเราใส่อะไรที่เป็นโลโก้ยี่ห้ออื่นเลย” พายหัวเราะ
นอกจากงานที่กุชชี่ พายยังเป็นคอลัมนิสต์ให้แพรวสุดสัปดาห์ เป็นนักเขียน เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้เครื่องสำอางไฮโซแบรนด์ La Mer และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค Sony VIO เป็นพิธีกรรายการสอนทำอาหาร “Yummy Yummy” ทาง UBC ช่อง 17 และยังเป็นผู้ก่อตั้ง One Day Make-Over Program หรือที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์ให้กลุ่มลูกค้าระดับผู้บริหารของบริษัทชั้นนำหลายบริษัท
พายเล่าย้อนถึงจุดเปลี่ยนในชีวิตทำงานว่า แม้ไม่อยากเข้าวงการ แต่เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองพอจะทำอะไรได้บ้าง เธอจึงรับเป็นพิธีกรรายการ Lady’s Corner “ทำกุชชี่ คนก็คิดว่าเราเป็นลูก จะทำดีไม่ดีก็ไม่มีอะไร พอมีโอกาสก็เลยอยากพิสูจน์ตัวเอง นั่นทำให้พายเป็นที่รู้จักมากขึ้นจนได้เขียนหนังสือ และคนก็ยิ่งรู้ว่าเราเป็นใคร ก็เลยได้เป็นวิทยากรสอนบุคลิก และก็มีผลงานอื่นตามมาเรื่อยๆ”
จะเห็นว่าบทบาทหลากหลายล้วนมาจากบุคลิกที่ดี แต่เมื่อได้พูดถึงตัวตนที่แท้จริงของพายก็ทำให้ทีมงานแปลกใจกับอีกด้านของเธอที่ยังคงความเป็นเด็กคือ แก่นซน สนุกสนาน และมองโลกในแง่ดี ซึ่งพายบอกว่า “มันก็คือตัวตนอีกด้านตั้งแต่เด็กที่เราไม่ทิ้ง เพียงแต่จะดึงตัวตนนี้ออกมาให้ถูกที่ถูกเวลา”
ด้วยความซนและชอบเล่นแบบหนักหน่วงกับเพื่อน จึงเกิดอุบัติเหตุกับเธอบ่อยครั้ง เธอเคยหกล้มส่งผลต่อกระดูกหลังทำให้เธอนั่งนิ่งนานกว่าชั่วโมงไม่ได้ หรือล่าสุดเธอก็ล้มหัวโน จนเกือบต้องเลื่อนนัดถ่ายรูปประกอบบทสัมภาษณ์ครั้งนี้ พายเล่าพร้อมหัวเราะว่า คุณหมอเคยขอให้เธอเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เพื่อกระดูกของเธอเองด้วยซ้ำ
กิจกรรมแสนโปรดปรานของพายก็คือการอ่านหนังสือ เธอติดหนังสือมาก จนเรียกว่าอ่านทุกประเภท และต้องเข้าร้านหนังสือทุกวัน ส่วนวิธีการอ่านหนังสือของเธอนั้นแปลกไม่ซ้ำใคร เพราะเธอจะอ่านหนังสือหลายเล่มหลายเรื่องพร้อมกันในคราวเดียว ด้วยเหตุผลส่วนตัวว่า มันไม่เบื่อและไม่อยากให้มุมมองของเธอต้องตกอยู่ภายใต้ความคิดของนักเขียนคนใดคนหนึ่ง
“แต่ละมุมในบ้านจะมีหนังสืออยู่ เล่มหนึ่งเป็นนิยาย อีกเล่มเป็นปรัชญา อีกเล่มเป็นหนังสือแต่งรถหรืออะไรก็ได้ พอเราไปนั่งมุมไหนเราก็หยิบเล่มนั้นมาอ่าน มันสนุกดีและเราก็ไม่ต้องอินเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ที่สำคัญคือมุมมองของเราในช่วงนั้นๆ ก็ไม่ต้องอินไปกับนักเขียนเพียงคนเดียว”
เพื่อนๆ สนิทจึงมักมองว่าเธอบ๊อง แต่พายเรียกบุคลิกเช่นนี้ว่า “work hard play harder” ซึ่งวันทำงานก็ทำเต็มที่ วันหยุดก็พักผ่อนสุดๆ โดยวันอาทิตย์เป็นวันเพื่อสุขภาพที่เธอจะไปเล่นโยคะ และดีท็อกซ์ตัวเองด้วยอาหาร แต่ทว่าการไปเดินช้อปปิ้งเหมือนสาวสังคมคนอื่น เธอว่าไม่ใช่สไตล์ แต่หากต้องซื้อของ เธอจะจดและตรงไปซื้อตามนั้น โดยแหล่งช้อปปิ้งของเธอมีทั้งห้างหรูยันสะพานพุทธ ทีมงานไม่เชื่อหูจึงทักว่า “ไฮโซอย่างนี้ไม่อยากเชื่อว่าจะเดินมาบุญครองหรือสะพานพุทธ”
“พายไม่ค่อยชอบคำว่าไฮโซนะ เราก็แค่แม่ค้าขายกระเป๋าเสื้อผ้าเหมือนแม่ค้าคนอื่น และก็เชื่อว่าคนเราคงมีหลายด้าน แต่พอสัมภาษณ์ที่ไร ภาพพายที่ออกไปมักจะเป็นอย่างนี้ ซึ่งมันก็ดีต่อการทำงานของเรา แต่ถ้ารู้จักจะรู้ว่านั่นเป็นแค่ภาพหนึ่ง ซึ่งจริงๆ แล้วบุคลิกของพายมี 2 ด้าน ที่ต้องเลือกดึงมาใช้อย่างถูกกาลเทศะ อย่างถ้าเป็นงาน หน้าที่ของเราก็คือรับผิดชอบภาพให้ดี เพราะมันเกี่ยวกับธุรกิจ ครอบครัว การเคารพตัวเองและผู้อื่น”
สำหรับหลักการใช้ชีวิต พายตอบว่า “ใช้ชีวิตให้มีความสุข ขอแค่ทุกเวลาและทุกสิ่งที่ทำอยู่เป็นสิ่งที่เรามีความสุข ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นมลพิษในใจ แต่ถ้าทำสิ่งที่รักและมีความสุข เราก็จะทำได้ดี หรือทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้” และอีกสิ่งที่สำคัญคือ “ทำทุกอย่างที่อยากทำ พายลองทำอะไรมาเยอะมาก หลายครั้งที่ล้มเหลว แต่พายก็ตัดใจทิ้งมันไป สิ่งที่เหลือก็จะเป็นสิ่งที่เราอยากทำและทำได้ดีที่สุด”
พายยังสรุปบทเรียนการทำงานที่เป็นคติสอนใจของเธอเอง แต่คนฟังกลับได้กำลังใจขึ้นมาทันที “ทุกโอกาสที่เข้ามาในชีวิตเรา อย่าปล่อยไป อย่าคิดว่าทำไม่ได้เลยไม่ทำ อย่าคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ เพราะวันหนึ่งอาจจะต้องมานั่งเสียดายที่ไม่ได้ลอง และหลายครั้งที่คิดว่าไม่ใช่เรา มันอาจไม่ใช่เราจริงๆ แต่ก็อยากให้ลองทำดู เพราะมันจะทำให้เราค้นเจออีกอย่างที่ใกล้เรามากขึ้น เพราะทุกทางย่อมนำทางไปสู่อีกทางเสมอ”
แม้จะมองโลกในแง่ดีและสุขนิยม แต่พายก็รับว่า บ่อยครั้งที่เคยท้อและเบื่อ ซึ่งเธอแนะวิธีจัดการกับความรู้สึกดังกล่าว “บางครั้งชีวิตอาจจำเจน่าเบื่อและท้อจนเราอยากได้ความตื่นเต้น พายจะอนุญาตให้ตัวเองท้อเต็มที่ แต่ท้อเสร็จแล้วอย่างหนึ่งที่ต้องทำคือ ให้รางวัลกับตัวเอง เพราะวันนี้เราทำงานหนักจนลืมให้รางวัลและบอกรักตัวเอง”
พายเสริมด้วยบทอุปมาเรื่อง I and Me “คนเราจะมี I กับ Me ตัว I จะเห็นแก่ตัว อยากทำทุกอย่าง เช่น อยากได้เงิน อยากสูบบุหรี่ อยากอะไรมากมาย จน Me ซึ่งเป็นตัวตนจริงๆ ของเราเหนื่อยมาก และไม่ได้ทำอะไรให้ตัวเองเลย เราต้องบาลานซ์ให้ได้ ไม่อย่างนั้นตายทั้งคู่” นี่เป็นปรัชญาดำเนินชีวิตดีๆ ที่เธอสะสมจากการอ่าน โดยเฉพาะจากหนังสือของท่านดาไลลามะ
ปิดท้าย พายพูดถึงความท้าทายในการทำงานปีหน้าคือ การบริหารกุชชี่สาขาใหม่ที่สยามพารากอน ซึ่งเป็นที่แรกที่เธอจะนำ Top Brand ในเครือกุชชี่มาเสริมทัพ คือ Bottega Veneta ซึ่งเทียบได้กับแบรนด์ Hermes แม้ดูจะสวนกระแสเศรษฐกิจ แต่พายยึดหลักว่า “ถ้าเราหยุดแค่นั้น…อยู่ที่เดิมมันก็คือถอยหลัง เราจึงต้องเชื่อในแบรนด์ของเราว่ามีโอกาสโต และมีทางไป”
Profile
Name : ภัทรียา ณ นคร
Age : 30 ปี
Education :
ปริญญาตรี (เทียบเท่า) Institut Villa Pierrefeu ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
มัธยมศึกษา โรงเรียนมาแตร์เดอีฯ
Career Highlights :
ปัจจุบัน
– ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และ Buyer แบรนด์ Gucci
– ที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์ (Image Consultant) โปรแกรม One Day Make-Over
– คอลัมนิสต์เกี่ยวกับเคล็ดลับความงามในนิตยสาร แพรวสุดสัปดาห์
– ผู้ก่อตั้งและผู้ดูแลเว็บไซต์ www.B-Your-Best.com
– พิธีกรรายการ Yummy Yummy ทาง UBC 17
– นักเขียนพ็อกเกตบุ๊ก Looking Good และ Feeling Good
ที่ผานมา
– พิธีกรรายการ Lady’s Corner และรายการเฉพาะกิจ “เพื่อนหญิงพลังหญิง”
– วิทยากรพิเศษด้านบุคลิกภาพของ John Robert Powers
– คอลัมนิสต์ในนิตยสาร LIPS
Family :
บุตรสาวคนเดียวของไชยยุทธ และ เภาลีนา ณ นคร