กุชชี่ (Gucci) ได้แจ้งว่ายอดขายในไตรมาส 1 ปีนี้อาจลดลงถึง 20% ผลจากเศรษฐกิจจีนและตลาดเอเชียชะลอตัวลง ซึ่งแบรนด์หรูยี่ห้อดังกล่าวนั้นถือเป็นอู่ข้าวอู่น้ำสำคัญของ Kering ซึ่งในปีที่ผ่านมากำไรของบริษัทที่ลดลงถึง 17% ก็มาจากปัญหาเดียวเช่นกัน
Kering ผู้ผลิตสินค้าแบรนด์หรูหลายยี่ห้อได้แจ้งกับนักลงทุนก่อนที่ผลประกอบการในไตรมาส 1 จะออกมาในเดือนเมษายนว่า ยอดขายแบรนด์หรูอย่าง Gucci ในทวีปเอเชียอาจลดลงถึง 20% ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากยอดขายชะลอตัวลงจากหลากหลายปัจจัยด้วยกัน
ผู้ผลิตสินค้าแบรนด์หรูจากฝรั่งเศสรายนี้ได้ชี้ว่ายอดขายทวีปเอเชียในไตรมาส 1 ของปี 2024 ของ Gucci จะลดลงถึง 20% เมื่อเทียบกับปี 2023 ที่ผ่านมา
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ผลิตสินค้าแบรนด์หรูหลายยี่ห้อจากฝรั่งเศสรายนี้ต้องแจ้งนักลงทุนล่วงหน้า เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัวลงกว่าคาด แม้ว่าในปีที่ผ่านมา GDP ของจีนจะเติบโตมากถึง 5.2% ก็ตาม แต่เศรษฐกิจจีนเองก็ยังพบกับความท้าทายจากปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
ข้อมูลจากปี 2022 ที่ผ่านมา Gucci เป็นแหล่งรายได้สำคัญมากถึง 51% ของรายได้รวมทั้งหมดของ Kering ซึ่งถ้าหากแบรนด์ดังกล่าวมีปัญหาเรื่องยอดขายตกย่อมส่งผลทันทีต่อบริษัท
ขณะที่ตลาดแดนมังกรมีสัดส่วนต่อรายได้ของ Gucci มากกว่า 1 ใน 3 ของรายได้รวมของ Gucii ซึ่งถ้าหากตลาดสินค้าหรูแดนมังกรประสบปัญหาจากสภาวะเศรษฐกิจย่อมส่งผลกระทบต่อยอดขายรวมของ Kering ไม่น้อย ซึ่งในปี 2023 นั้น Kering มีกำไรลดลงถึง 17% เมื่อเทียบกับปี 2022 ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากยอดขายฝั่งเอเชียที่ลดลง
ในช่วงที่ผ่านมา หลายแบรนด์หรูได้เน้นเจาะตลาดจีน โดยคาดหวังว่าจะเป็นแหล่งรายได้และผลกำไรให้กับบริษัทไม่น้อยนอกจากตลาดสหรัฐอเมริกา ยุโรป หรือแม้แต่ญี่ปุ่น ที่เป็นตลาดหลักของสินค้าหรูอยู่แล้ว ซึ่งหลายบริษัทเองได้มีการเร่งขยายธุรกิจในจีนอย่างมาก
อย่างไรก็ดี หลังจากการแพร่ระบาดของโควิดตลาดสินค้าหรูในจีนกลับไม่ฟื้นตัวอย่างที่หลายบริษัทคาดไว้ จนทำให้หลายบริษัทเองต้องกระจายรายได้โดยการหาลูกค้าที่สนใจสินค้าหรูทั่วโลกแทน เช่น อินเดีย ตะวันออกกลาง เป็นต้น เพื่อที่จะทำให้รายได้กลับมาเติบโตแทน