Dream Marketer ดีเจขายฝัน…วินิจ เลิศรัตนชัย

อดีตดีเจชื่อดังระดับชั้นแนวหน้าของเมืองไทย “วินิจ เลิศรัตนชัย” ผู้คร่ำหวอดในวงการวิทยุมานานกว่า 25 ปี วันนี้เขาได้พลิกบทบาทผันตัวเองมาเป็นนักบริหาร นักการตลาด และเจ้าของธุรกิจในกิจการถึง 3 บริษัทน้องใหม่ที่กำลังมาแรง จนหลายคนจับตามอง

วินิจใฝ่ฝันเป็นดีเจ มาตั้งแต่เมื่อสมัยเป็นนักเรียนชั้นมัธยม ทุกเย็นหลังเลิกเรียนเขามักเก็บตัวไม่ค่อยไปสุงสิงเล่นกับเพื่อนวัยเดียวมากนัก เพราะส่วนใหญ่เขามักใช้เวลาไปขลุกอยู่กับเจ้าของร้านขายเครื่องเสียง คนขายแผ่นเสียง แถวย่านสะพานเหล็ก

“ผมทำสตูดิโอที่บ้าน เริ่มสะสมแผ่นเสียงและศึกษาหาข้อมูลเพลงจากผู้รู้ ซึ่งสมัยนั้นมักไปหาตามแหล่งร้านขายของ คุยกับเจ้าของร้าน คนขายแผ่นบ้าง เพื่ออัพเดตข้อมูลอยู่เรื่อยๆ เพราะวันหนึ่งผมตั้งใจจะเป็นดีเจ”

แล้ววันสานฝันของเขาก็เป็นจริงขึ้นมา หลังเรียนจบระดับ ปวส. จาก โรงเรียนพณิชยการพระนคร เขาก็มุ่งสู่เส้นทางขายเสียง ประเดิมงานครั้งแรกเป็นผู้ประกาศข่าวก่อน ซึ่งทำให้เขาได้มีโอกาสชิมลางในทักษะการใช้เสียง และออกอากาศ ฝึกฝนอยู่ไม่กี่เดือนก็จะได้เลื่อนมาเป็นนักจัดการรายการวิทยุในที่สุด
“ผมฝึกหน้าไมค์ ทั้งการอ่านข่าวและเป็นดีเจแทนเพื่อนที่ไม่สามารถมาจัดรายการได้ เป็นครั้งเป็นคราว เพราะต้องแอบจัด หัดไปเรื่อยๆ ก็จับทางได้ พอมีโอกาสผมก็ไปเป็นนักจัดรายการวิทยุเต็มตัว โดยเริ่มจากรายการ Sunday Gap”

นับจากบัดนั้นเป็นต้นมา เส้นทางคนขายเสียงของเขาก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยสไตล์น้ำเสียงที่มีเอกลักษณ์ ลีลาการพูดดึงดูดคนฟัง เพียงไม่กี่ปีวินิจก็ก้าวขึ้นสู่ทำเนียบนักจัดรายการวิทยุน้องใหม่ที่มาแรงในยุคนั้น หลังจากผ่านเวทีประลองกับค่ายดีเจหน้าใหม่ไฟแรงในยุคนั้นทั้ง ไนท์สปอร์ต และมีเดียพลัส ผู้ผลิตรายการวิทยุที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในสมัยนั้น

“Positioning ผมในอาชีพ ยึดความเป็นกลางและมีเจตนาบริสุทธิ์ให้สมกับการเป็นสื่อที่มีจรรยาบรรณ”

แต่ภายหลังวงการวิทยุถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ส่งผลให้ค่ายมีเดียพลัสเกิดการเปลี่ยนแปลงภายใน ส่งผลให้วินิจต้องต้องตัดสินใจครั้งสำคัญเว้นวรรคอาชีพไประยะหนึ่ง ก่อนรวบรวมสมัครพรรคเพื่อนลงขันกันทำธุรกิจของตัวเองด้วยการเปิดบริษัท Prirate Radio เป็นเจ้าของรายการ ผลิตรายการวิทยุป้อนสถานีต่างๆ ซึ่งที่นี่เอง ส่งผลต่อชีวิตครั้งใหญ่ของเขามากที่สุด

“เงิน 10 ล้านที่เก็บสะสมมานาน เอามาลงทุนทำธุรกิจ เพราะอยากทำงานที่เรารักในวงการวิทยุ แต่เรื่องธุรกิจมันไม่เหมือนกับอาชีพดีเจที่เคยทำ นอกจากผลิตรายการแล้ว ยังต้องรู้เรื่องบริหารเงิน ซึ่งมันเป็นจุดอ่อนและเป็นสิ่งที่ผมไม่ถนัด จนในที่สุดกิจการก็เจ๊งล้มไม่เป็นท่าเลย กลายเป็นว่าผมเป็นหนี้ร่วม 20 ล้าน”

วินิจยอมรับว่าประสบการณ์ครั้งนี้ท้าทายมากที่สุด และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิต ทำให้เข็ดขยาด แต่ด้วยความเป็นคนนักคิด นักฝัน เขาจึงได้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส และพยายามเรียนรู้ที่จะคิดในด้านบวก โดยเลือกมองเปรียบเทียบกับคนที่ประสบความล้มเหลว ลำบากกว่าเป็นแรงขับสำคัญ

“คนอื่นล้มเหลวยากลำบากกว่าผม เขายังลุกขึ้นมาได้ แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้ คนเราในชีวิตอาจมีโอกาสล้ม แต่เมื่อล้มได้ ก็ต้องลุกขึ้นมาได้ แล้วเรียนรู้ความผิดพลาดนั้นมาเป็นครู สอนให้ระมัดระวังมากขึ้น”

อีกทั้งด้วยความเป็นคนหนุ่มที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีสัมมาคารวะ ทำให้เป็นที่เอ็นดูแก่ผู้ใหญ่ รวมทั้งสายสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ในวงการ ทำให้วินิจผ่านพ้นวิกฤตครั้งนั้น และหันมาทบทวนตัวเองและตั้งหลักกับชีวิตมากขึ้น เรียนรู้ความรอบคอบ แต่ไม่หยุดที่จะสานฝันก้าวเดิม

“ตัดสินใจมาตั้งบริษัท Dream Media เพราะใจรักที่ทำงานในวงการนี้ แต่ครั้งนี้ได้อุดจุดอ่อนด้านการเงินด้วยการว่าจ้างที่ปรึกษามาดูแล เพราะประสบการณ์ทำให้ผมทำให้ผมละเอียดรอบคอบมากขึ้น รู้ว่าอะไรที่เสี่ยงก็ต้องลดความเสี่ยงลง”

เมื่อผันตัวเองมาเป็นเถ้าแก่ และอยู่เบื้องหลังเป็นผู้ผลิตรายการคลื่นคนดนตรี ควบคู่ไปกับการเป็นผู้จัดคอนเสิร์ตและอีเวนต์ กิจการก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องนานราว 4 ปี

จนกระทั่งมีค่ายทราฟฟิกคอร์นเนอร์เข้ามาซื้อกิจการและนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น ส่งผลให้วินิจต้องกลายเป็นลูกจ้างอีกครั้ง เมื่อมาบริหารงานในบริษัททราฟฟิก คอร์นเนอร์ เต็มตัว ในฐานะกรรรมการบริหารบริษัทฯ “แนวคิดบริหาร ผมยึดหลักความซื่อสัตย์เป็นสำคัญ และรู้จักแบ่งปันให้คนอื่น เพราะเราทำงานกันเป็นทีม เราได้คนอื่นก็ควรได้ด้วย ไม่ใช่ได้แต่เราฝ่ายเดียว”

หลักบริหารยึดคุณธรรมนี้ เป็นจุดเด่นที่ทำให้ลูกน้องและคนใกล้ชิดยอมรับและศรัทธาเขา จนวันหนึ่งมีเหตุที่ทำให้วินิจตัดสินใจลาออกและหันมาบุกเบิกกิจการตัวเอง ด้วยการเปิดบริษัทใหม่พร้อมกัน 3 บริษัทเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย บริษัท Fresh Air จำกัด, บริษัท Max Maker จำกัด และบริษัท Wave Worker และจำเป็นต้องใช้ทีมงานเป็นจำนวนมาก บรรดาลูกน้องเก่าที่ได้แยกย้ายกระจัดกระจายออกไปทำงานตามที่ต่างๆ ก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

“ผมแยกธุรกิจแต่ละบริษัทและกำหนด positioning ชัดเจน เพราะไม่อยากให้สับสนและอนาคตทั้ง 3 บริษัทจะสามารถเติบโตด้วยตัวเองได้ โดยมีผมเป็นเพียงผู้ดูแลและที่ปรึกษาอยู่ห่างๆ ดังนั้นตอนนี้ก็พยายามสร้างและให้โอกาสคนทำงานระดับปฎิบัติการทำงานได้ด้วยตัวเอง”

แม้จะเพิ่งตั้งบริษัทไม่นาน แต่งานของเขากลับได้รับความไว้วางใจจากบรรดาลูกค้า มีลูกค้ารายใหญ่หลายรายเชื่อมั่นฝีมือเขาในฐานะนักบริหารการตลาดสื่อที่นำเสนองานแบบมีไอเดียไม่เหมือนใคร ที่สำคัญยังสามารถตอบโจทย์การตลาดสินค้าได้อย่างเห็นผล

“ผมทำ Robot Stage เวทีเคลื่อนที่ให้กับแบรนด์ M150 ของค่ายโอสถสภาฯ ขายโฆษณาบนเครื่องบินให้กับแอร์เอเชีย สก๊อตรังนก รวมทั้งทำนิตยสารบนเครื่องบินแอร์เอเชีย และลูกค้ารายใหญ่ในกลุ่มเครื่องดื่ม และไอที ซึ่งกำลังสรุปอยู่เร็วนี้”

ความสำเร็จครั้งนี้ สะท้อนการกลับมาอีกครั้งของชายหนุ่มนักสู้ที่พกพาความมั่นใจอย่างเต็มกระเป๋า และกล้าที่เดินหน้าแบบไม่หวั่นเกรง หลังจากตกผลึกประสบการณ์ ผ่านร้อนผ่านหนาวที่หล่อหลอมให้เขามีวันนี้ แม้หนทางข้างหน้ายังอีกไกล แต่ก็ยังมีที่สำหรับเขาอยู่เสมอ…

Profile

Name : วินิจ เลิศรัตนชัย
Age : 44 ปี
Education :
ปี 2524 ปวส. แผนกการโฆษณา โรงเรียนพณิชยการพระนคร
Career Highlights :
– ปัจจุบัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Fresh Air จำกัด
ผลิตรายการวิทยุและทำโปรโมชั่น
– ประธานเจ้าหน้าบริหาร บริษัท Max Maker จำกัด
ขายโฆษณาบนเครื่องบินและสื่อนิตยสารบนเครื่องบิน
– ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Wave Worker จำกัด
ทำ Sport Event, เว็บไซต์
2544-2548 กรรมการบริหาร บริษัททราฟฟิกคอร์นเนอร์
2541-2544 กรรมการผู้จัดการ บริษัท Dream Media
2537-2538 กรรมการผู้จัดการ บริษัท Prirate Radio จำกัด
2530 นักจัดรายการ บริษัทมีเดีย พลัส จำกัด
2528 นักจัดรายการ โลกสวยด้วยเพลง บริษัท ไนท์ สปอร์ต จำกัด
2527 ดีเจ บริษัท โน้ต โปรโมชั่น จำกัด
2526 นักจัดรายการวิทยุ รายการวิทยุ Sunday Gap
2525 ผู้ประกาศข่าว สถานีวิทยุ พล.ปตอ. 603 กิโลเฮิรตซ์
Status : สมรสแล้ว มีลูกสาว 2 คน คนโตอายุ 12 ปี คนเล็กอายุ 9 ปี