Red Carpet
แทบทุกคนในแวดวงฮอลลีวู้ดต่างใฝ่ฝันที่จะได้เดินเฉิดฉายบนพรมแดงใฝ่ฝันที่จะเป็นหนึ่ง…ที่พิธีกรประกาศชื่อในฐานะผู้ท้าชิงมีสิทธิลุ้นรางวัล แม้ในโลกแห่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์จะมีหลายต่อหลายรางวัล แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีเวทีใดหรือรางวัลไหนจะศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่ใฝ่ฝันได้เท่ากับความอลังการแห่ง “เวทีออสการ์”!! ว่ากันว่าสำหรับผู้คนที่ทำมาหากินเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมแห่งฮอลลีวู้ดแล้ว ในช่วงส่งท้ายปลายปีนับเป็นอีกหนึ่งห้วงเวลาที่สร้างความกระอักกระอ่วนใจให้กับผู้คนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้ผลิต ผู้สร้าง ดารานักแสดงและทุกฝ่ายที่อยู่ในวงจร ห้วงเวลาดังกล่าวก็คือ ช่วงก่อนจะก้าวเข้าสู่ฤดูกาล “ประกวดรางวัลออสการ์”
จริงหรือที่ว่า หากผู้ใดได้รับรางวัลไปนอนกอด นั่นเท่ากับเป็นยันต์การันตีถึงความรุ่งโรจน์ในฮอลลีวู้ด? หรือจริงแท้แล้วออสการ์ก็แค่เวทีแห่งการเสแสร้ง เป็นเพียงการแสดงเพื่อช่วงชิงความสำเร็จในเชิงธุรกิจเท่านั้น?
และนี่คือเสียงสะท้อนประสบการณ์ของผู้คนที่เคยเฉิดฉายบนพรมแดง เฉียด…และ/หรือได้ครอบครองออสการ์ตุ๊กตา (เกียรติยศ) แล้ว
พอล แฮ็คคิส ผู้เขียนบทและซิวออสการ์ 2004 มาได้จาก Million Dollars Baby กล่าวว่า “มันก็แค่เป็นเวทีแห่งการโชว์ภาพรูปแบบหนึ่งของฮอลลีวู้ด สำหรับผมแล้ว ออสการ์ไม่ได้มีผลอันใดเลยกับวิถีการทำงาน ออสการ์ไม่สามารถเป็นเครื่องบ่งชี้ผลงานของผมด้วยว่า มันดีเยี่ยมหรือผมใส่ใจกับการทำงานมากน้อยแค่ไหน เมื่อได้มา ผมและครอบครัวก็เฉลิมฉลองด้วยความดีใจกับมันก็เท่านั้น
“คนส่วนใหญ่ถามฉันว่า จากนี้ไปฉันจะก้าวไปทางไหน?” ฮิลาลี่ สแวงค์ กล่าวย้อนไปถึงเมื่อครั้งที่เธอได้รับรางวัลออสการ์ดารานำหญิงเรื่องแรกในปี 2000 จาก Boy Don’t Cry สแวงค์ถึงกับสับสนว่า คำถามดังกล่าวจากผู้คนรอบข้างนั้น หมายถึงอะไร สำหรับตัวเธอแล้ว เธอคือนักแสดงและนี่คืออาชีพ คุณรู้หรือไม่ว่า หลังจากสแวงค์คว้าออสการ์มาแล้ว เธอกลับหันไปเอาดีทางรายการโทรทัศน์ ก่อนจะตัดสินใจหวนกลับมารับเล่นหนังของ “คลินท์ อีสต์วู้ด” และรับออสการ์สาขาดารานำหญิงยอดเยี่ยมไปครองอีกตัวหนึ่งจาก Million Dollars Baby
กรณีของสแวงค์คล้ายกับดาราสาว มาริสา โทเม ผู้ชนะออสการ์สาขาดาราสมทบหญิงยอดเยี่ยมในปี 1992 จาก My Cousin Vinny และ 3 ปีต่อมาเธอประสบความสำเร็จอีกครั้งกับรางวัลดังกล่าวในภาพยนตร์ In The Bed Room
ทั้งคู่ได้รับรางวัลออสการ์อันถือเป็นที่สุดแห่งชีวิตในการเป็นนักแสดงในระยะเวลาที่ไม่ห่างกันนักถึง 2 ครั้ง แต่เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่าทั้ง 2 สาวไม่ได้มีค่าตัวที่หวือหวาสมฐานะดาราออสการ์ จะว่าไปภาพยนตร์ฟอร์มดีๆ ทำเงินเจ๋งๆ แทบจะไม่เคยตกถึงมือพวกเธอเลยด้วยซ้ำ เรื่องราวของโทเมกลายมาเป็น “เรื่องเล่าขำขำ” ไว้อำกันเล่นว่า ออสการ์ปีนี้ใครนะจะเป็น “มาริสา โทเม”?
ย้อนไปถึงรุ่นเก่าหน่อยอย่าง หลุยส์ เรนเนอร์ ดารานำยอดเยี่ยมหญิง 2 ปีซ้อนจาก The Great Ziegfield 1936 และ The Good Earth ใน 1937 ชื่อเสียงและคำยกย่องดังกังวานจากทั่วสารทิศ แต่…เธอกลับไม่มีงานแสดงดีๆ เข้ามาอีก และ…ดูเหมือนจะล้มเหลวด้วยซ้ำ
เรนเนอร์ตัดสินใจจบชีวิตนักแสดงผู้ยิ่งใหญ่อย่างกะทันหันเพียงแค่หนึ่งปีให้หลังการครอบครองออสการ์ตัวที่ 2 ของเธอ
เชอร์, ดารานำหญิงยอดเยี่ยมจาก Moon Struck ในปี 1987 เธอกล่าวว่า ไม่ได้ตื่นเต้นมากมายนักกับออสการ์ เธอเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เพราะความอยากเท่านั้น ไม่ใช่เพราะเล่นหนังเพื่อออสการ์ เธอหมายความตามนั้นจริงๆ นับจากวันนั้นถึงวันนี้ เธอเล่นหนังอีกเพียง 3 เรื่องเท่านั้น เวลาส่วนใหญ่จะหมดไปกับการทำเทป-ซีดีฟิตเนสออกกำลังกายและอัลบั้มเพลง!!
จีน่า เดวิส ดาราหญิงอีกผู้หนึ่งที่คว้ารางวัลนักแสดงสมทบฝ่ายหญิงถึง 2 ครั้งซ้อนจาก The Accidental Tourist 1988 และ Thelma & Louis จากนั้นเดวิสก็หายหน้าไปจากวงการแบบไร้ร่องรอย!!
วูปี้ โกล์ดเบิร์ก ดาราสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก Ghost 1990 เปลี่ยนความมุ่งมั่นไปทำเกมโชว์ทางโทรทัศน์หลังจากได้รับรางวัลออสการ์และไม่ได้เฉียดกรายเข้าใกล้พรมแดงอีกเลย กระทั่ง 12 ปีให้หลังจึงหวนกลับมารับงานแสดงอีกครั้ง
เฮเลน ฮันท์ ดารานำหญิงยอดเยี่ยมจาก As Good As It gets 1997 “ฉันคิดว่า ผู้คนในยุคของฉันต่างสงสัยว่าใครกันนะคือ หลุยส์ เรนเนอร์? เช่นกันในอีก 25 ปีข้างหน้า ผู้คนจะตั้งคำถามว่า ใครกันเหรอ เฮเลน ฮันท์?”
เควิน สเปรย์ซี่ และ คิวบา กู้ดดิ้ง จูเนียร์ รายแรกเป็นเจ้าของรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก American Beauty ส่วนรายหลังเป็นเจ้าของรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก Jerry Maguire การคว้ารางวัลมานั้นดูเหมือนบทจะช่วยส่งตัวตนของตนออกมาอย่างเต็มที่กระมัง จึงได้ประสบความสำเร็จ แต่หลังจากนั้นเส้นทางของทั้งคู่ประมาณว่า โชคดีที่ยังมีคนหาบทให้เล่น!!
น่าเศร้าที่สุดต้องยกให้กับกรณีของ โรแบร์โต้ เบนิกนี่ ดารานำชายยอดเยี่ยมจาก Life is Beautiful เขาประสบความสำเร็จสูงสุด (ถ้าจะวัดจากการเป็นผู้ชนะรางวัลออสการ์) ในวัยเกือบ 50 หลังจากนั้นเบนิกนี่ก็หายหน้าไปจากฮอลลีวู้ดในบัดดล
ส่วนเรื่องที่ทั้งขำทั้งเศร้าต้องยกให้ ฮัล แบร์รี่ ดารานำหญิงยอดเยี่ยมจาก Monster’s Ball 2001 เพราะหลังจากนั้นเพียงแค่ 3 ปีเธอก็หวนกลับขึ้นเวทีอีกครั้ง ในฐานะนักแสดงนำหญิงยอดแย่ (Razzie Awards) จาก Catwoman
อย่างไรก็ตามนั่นก็คือทัศนะและวิถีที่เกิดขึ้นกับเหล่าผู้คว้าออสการ์บางคนเท่านั้น เพราะตัวอย่างออสการ์พาโชคก็ยังมีให้เห็นชัดๆ ไม่ว่าจะเป็น สตีเว่น สปีลเบิร์ก รัสเซล โคว์ เรอเน่ เชลวีเกอร์ หรือ จูเลีย โรเบิร์ต เป็นต้น และประการสำคัญที่ต้องยอมรับเลยก็คือว่า รายชื่อภาพยนตร์ออสการ์โดยเฉพาะในสาขาฮอต อย่าง ดารานำชายยอดเยี่ยม ดารานำหญิงยอดเยี่ยม ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ล้วนแต่ทำเงินเป็นกอบเป็นกำด้วยกันทั้งนั้น
ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่า “ออสการ์” จะดี งาม จริงหรือลวง แต่ก็ยังเป็นที่ใฝ่ฝันของคนในแวดวงโดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ไม่เช่นนั้นคงจะไม่มีบทกอสซิปคนฮอลลีวู้ดทำนองว่า การเตรียมแต่งหน้า ทำผมก่อนงานกว่า 5 ชั่วโมง การลงทุนซื้อชุดที่แพงเว่อร์ระยับ อุบัติเหตุเหยียบชายกระโปรงเพื่อนดาราสาวของทอม ครูส การวนเข้าออกห้องน้ำครั้งแล้วครั้งเล่าของเหล่าบรรดาผู้ที่ถูกเสนอชื่อท้าชิง เป็นต้น
ทำนายทายทัก Oscar 2005
แม้ว่างานประกาศผลรางวัลออสการ์ประจำปี 2005 จะถูกจัดขึ้นในเดือนมีนาคม 2006 แต่ขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเริ่มออกสตาร์ททำงานกันอย่างขะมักเขม้นแล้ว บรรดาโพลจากสำนักต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ลอสแองเจลิส ไทม์ หรือ everythingoscar จึงไม่พลาดในการทำโพลออกมาเรียกน้ำย่อย หรือหากจะมองในแง่ร้ายหน่อย อาจจะเป็นแผนโปรโมตภาพยนตร์นั้นๆ ก็ได้!!
เริ่มที่ Best Director วางผู้ท้าชิงทั้ง 5 ได้แก่ วู้ดดี้ อัลเลน จาก Match Point, จอร์จ คลูนีย์ จาก Good Night, and Good Luck, เดวิด โครเนนเบิร์ก จาก A History of Violence, อัง ลี่ จาก Brokeback Mountain และสตีเว่น สปีลเบิร์ก จาก Munich
ดารานำชายยอดเยี่ยม พุ่งตัวเต็งไปที่ อิริค บานา จาก Munich, ฟิลิป เซมัวร์ จาก Hoffman Capote, นาธาน เลน จาก The Producers, ฮีท เล็ดเจอร์ จาก Brokeback Mountain และ แจ็คควิน โฟนิกซ์ จาก Walk The Line
ดารานำหญิงยอดเยี่ยม โจแอน อัลเลน The Upside of Anger, จูดี้ เดนท์ Mrs.Henderson Presents, เฟลิซิตี้ ฮัฟฟ์แมน Transamerica, ชาลิซ เธียรอน North Country และ รีส วิสเธอร์สปูน Walk The Line
ดาราสมทบชายยอดเยี่ยม แมตต์ ดิลลอน Crash, บ็อบ ฮอสกิ้นส์ Mrs. Henderson Presents, เทอร์เรนซ์ ฮาวเวิร์ด Crash, วิลเลี่ยม เฮิร์ท A History of Violence และจอร์จฟี่ย์ รัฟ Munich
ดาราสมทบหญิงยอดเยี่ยม มาเรีย เบลโล A History of Violence, สการ์เล็ต โจแฮนสัน Match Point, ไดแอน คีตัน The Family Stone, แทนดี้ นิวตัน Crash และอูม่า เธอร์แมน The Producer
บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม Crash, Good Night and Good Luck, Match Point, Mrs. Henderson Presents และ Munich
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยมตอนนี้มีเข้าตากรรมการเพียงแค่ 3 เรื่องคือ Chicken Little, Madagascar และ The Wallace Gromit Movie ส่วนอีก 2 เรื่องแม้จะยังไม่เข้าตากรรมการนัก แต่ก็มีสิทธิ์พลิกโผคือ Corpse Bride และ Robots
สำหรับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมนั้น เซียนหลายสำนักยังไม่กล้าฟันธงลงมา เนื่องจากยังมองไม่ออกว่าปีนี้เทรนด์ความสนใจของกรรมการนั้นจะเอนเอียงไปทางภาพยนตร์แนวไหน
อย่างไรก็ตามยังคงมีภาพยนตร์หวังรางวัลอีกมากที่จะทยอยเปิดตัวในเร็วๆ ซึ่งหากภาพยนตร์ดีจริง มาแรงและเปิดตัวในจังหวะที่สวย อาจเข้ามาสั่นสะเทือนเหล่าตัวเต็งก็เป็นได้ เพราะอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้กับเวทีออสการ์ อาทิ Cinderella Man ที่ลงโรงไปแล้วในช่วงซัมเมอร์ก็มีเคยมีข่าวว่าเป็นภาพยนตร์เข้าข่ายออสการ์ ถึงขนาดที่ว่า 2 ดารานำอย่างรัสเซล โคว์และเรอเน่ เชลวีเกอร์ มีสิทธิ์ลุ้นออสการ์ แต่พอถึงปลายปี กระแสเงียบ ชื่อของทั้งคู่จึงตกโพลไปโดยปริยาย
หรืออาจจะเป็นทำนองเดียวกับปีที่ผ่านมา เมื่อม้ามืดอย่าง Million Dollars baby มาปรากฏตัวในโค้งสุดท้ายและกวาดรางวัลไปแบบชิว ชิว
ออสการ์วันนั้น วันนี้ หรือวันหน้า ถึงบางคนจะว่า ไร้ค่า …แต่ออสการ์ก็ยังคงเสมือนดินแดนแห่งเวทมนตร์ที่ใครๆ ก็อยากสัมผัส (แม้จะยี้ในภายหลังก็ตาม)