โลกใต้น้ำกลางกรุง

เปิดตัวล่วงหน้าสยามพารากอนเพียงวันเดียว สำหรับ “สยามโอเชี่ยนเวิร์ล” แม่เหล็กอีกตัวของสยามพารากอน ซึ่งมี โอเชียนิส ออสเตรเลีย กรุ๊ป จากออสเตรเลียเป็นผู้ลงทุนด้วยเม็ดเงิน 1,200 ล้านบาท

สยามโอเชี่ยนเวิร์ล วาง positioning เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก เป็น “Innovative Tourism Entertainment” ด้วยจุดขาย “อุทยานสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ใช้ธีมว่า Gulf of Siam

ด้วยพื้นที่ขนาด 10,000 ตารางเมตร หรือขนาดเท่ากับสนามฟุตบอล 2 สนาม!! และปริมาณน้ำที่ใช้เท่ากับ 3 สระว่ายน้ำโอลิมปิก บรรจุสัตว์น้ำจืดน้ำเค็มกว่า 400 ชนิด รวม 30,000 ตัว โดยมีพนักงานกว่า 170 คนซึ่งผ่านการฝึกฝนมากว่า 3 เดือน

เป็นอีกครั้งที่สื่อมวลชนทั่วฟ้าเมืองไทยมาร่วมกันทำข่าวอย่างคับคั่ง จนทำให้พื้นที่ขนาดใหญ่ของโลกใต้น้ำแห่งนี้แคบลงถนัดตา ทั้งๆ ที่พีอาร์เอเยนซี่ ได้แบ่งการแถลงข่าวเป็น 2 ช่วงแล้วก็ตาม ช่วงเช้าสำหรับหนังสือพิมพ์ และช่วงบ่ายสำหรับนิตยสารและรายการโทรทัศน์ นับเป็นการเบิกฤกษ์เอาชัยที่ดี เพราะอย่างน้อยๆ ก็ได้จับจองบนพื้นที่สื่ออย่างทั่วถึง ชนิดที่แทบไม่มีตกหล่นเลยทีเดียว

ไฮไลต์อยู่ที่การโชว์ให้อาหารปลาฉลามด้วยนักประดาน้ำมืออาชีพ ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมได้พอสมควร และการสื่อสารแบบ interactive กับนักประดาน้ำ ส่วนการดูเบื้องหลังการทำงานของ staff ผ่าน glass bottom boat ที่พายเหนือน้ำ นั้นไม่น่าตื่นตาตื่นใจเท่าไรนัก

ขณะที่หมัดเด็ดคือ shark dirve หรือการเปิดโอกาสให้ผู้ชมที่ใจกล้าดำน้ำกับปลาฉลาม จะเปิดบริการในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่ง Interactive communication เช่น การสัมผัสดาวทะเลอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่แค่ดูแต่ตาเพียงอย่างเดียว

แม้ราคาค่าเข้าชมจะสูงเกินกว่าโลกใต้น้ำที่อื่นในเมืองไทย คือ ผู้ใหญ่ 450 บาท เด็ก 280 บาท เจฟ ออลสัน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล คาดหวังว่า ปีแรกจะมีผู้เข้าชมกว่า 1.55 ล้านคน เพราะโลเกชั่นและการเดินทางสะดวกสบายมากกว่าที่เซี่ยงไฮ้ซึ่งมีเพียง 5 แสนคนต่อปี ส่วนที่ปูซานมี 1.3 ล้านคนต่อปี

ลูกค้าเป้าหมาย จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 20% และคนไทย 80% แบ่งเป็น ลูกค้าผู้ใหญ่ 65% และเด็ก 35% และคาดว่าจะมีลูกค้าแบบ walk-in 60% แบบกลุ่มทัวร์ 30% และจากโรงเรียนประมาณ 10%

แผนการตลาด 3 เดือนแรก เน้นโปรโมตกับนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นหลัก จากนั้นมีนาคม-พฤษภาคม 2549 จะทุ่มงบโฆษณาผ่านสื่อ โดยใช้งบการตลาดประมาณ 5% จากรายได้ซึ่งไม่เป็นที่เปิดเผยถึงการประมาณการ นอกจากนี้ยังรุกโปรโมตตามโรงเรียนและบริษัททัวร์

เมืองต่างๆ ของโลกที่โอเชียนิส ออสเตรเลีย กรุ๊ป ลงทุนเปิดให้บริการ

เซี่ยงไฮ้ : China’s Biggest Sark Exposition
ปูซาน : Oceans of the World
ควีนส์แลนด์ : Tropical Southern Ocean & Antarctic

ดูไบ : Dubai mall aquarium อยู่ใน Dubai Mall Shopping Center เป็นอะควาเรี่ยมฟรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยปริมาณน้ำ 7 ล้านลิตร กำหนดเปิดบริการในเดือนเมษายน 2007
ปารีส : Paris Ocean Park ด้วยงบลงทุน 85 ล้านยูโร เปิดบริการในต้นปี 2008