คุ้นเคยหน้าตากันเป็นอย่างดี สำหรับ “เกษมสันต์ วีระกุล” อดีตผู้ดำเนินรายการ เหตุการณ์บ้านเมือง รายการนิวส์ทอล์กยุคแรกทางช่อง 3 และอาจารย์หนุ่มใหญ่จากรั้วแม่โดม ที่วันนี้ผันตัวเองมาเป็นนักธุรกิจใหญ่ และล่าสุดกับบาทนักสื่อสารองค์กรในธุรกิจน้ำเมาอย่างเต็มตัวแล้ว
เกษมสันต์ เติบโตมากับครอบครัวที่มีพื้นเพค่อนข้างอบอุ่น มีพี่น้องท้องเดียวกัน 3 คน เขาเป็นคนโต สมัยเด็ก พ่อทำงานเป็นข้าราชการกรมสรรพากร ชีวิตวัยเด็กต้องย้ายบ้านเดินทางเสมอ ทำให้ต้องเปลี่ยนโรงเรียนบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเรียนของเขามากนัก เพราะเขาเป็นคนหัวดี ปรับตัวเร็ว
ตรงกันข้าม สิ่งเหล่านี้กลับบ่มเพาะให้เขาเป็นคนที่เข้ากับคนง่าย และชอบทำงานร่วมกับคนอื่นๆ สมัยเรียนหนังสือที่โรงเรียนสวนกุหลาบ เขาก็เป็นนักกิจกรรมตัวยง รับหน้าที่เป็นประธานชมรมส่งเสริมวัฒนธรรมไทย และประธานชมรม ISAC โครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนต่างประเทศ ซึ่งทั้งสองแห่งทำให้เขาได้เรียนรู้การทำงาน การใช้ศิลปะเพื่อโน้มน้าว และอ่านคนได้เป็นอย่างดี
“สมัยเด็ก ผมเป็นคนเพื่อนเยอะมีเพื่อนเกือบทุกโรงเรียน ยิ่งพอโตขึ้นมาเรียนที่สวนกุหลาบก็ทำกิจกรรมมาก ได้เรียนรู้การทำงาน การบริหารและใช้ศิลปะเพื่อโน้มน้าวและอ่านคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมชอบ”
ดังนั้น อาชีพแรกที่เขาใฝ่ฝัน คือ อาจารย์สอนหนังสือ หลังจากเขาเรียนจบปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์ ซึ่งอาชีพนี้ทำให้เขาได้เรียนรู้ ฝึกฝนการเป็นคนถ่ายทอดวิชาความรู้แก่ลูกศิษย์อย่างตั้งใจ
“ก่อนเข้าชั้นสอน ผมต้องศึกษาเศรษฐศาสตร์เตรียมการสอนเผื่อไว้ 5 ส่วน เพื่อเอาความรู้มาสอนเพียง 1 ส่วน ทำให้เวลาสอนอิน เนื้อหาและสนุกไม่น่าเบื่อ” เกษมสันต์เล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดี
ระหว่างสอนหนังสือ อาจารย์หนุ่มผู้ใฝ่รู้ ได้หันไปจับงานผลิตรายการ เป็นพิธีกรเวทีชาวบ้าน ตามการชักชวนของเพื่อนอาจารย์ที่ทำงานกับมูลนิธิสื่อสร้างสรรค์ เพื่อให้มาช่วยงานข้อมูล และวิเคราะห์ข่าวเป็นครั้งแรกที่ได้มาสัมผัสกับอาชีพนักสื่อสารมวลชนที่คลุกคลีกับชาวบ้านอย่างจริงจัง
“ได้สัมผัสวิถีชาวบ้าน เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพราะเป็นรายการที่สะท้อนเสียงชาวบ้าน ระหว่างนี้ก็มีคนมาชวนเขียนหนังสือ เป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และคู่แข่งรายสัปดาห์ ซึ่งต้องเขียนหลายแนวและต้อง monitor ทั้งด้านสื่อ การตลาด ประชาสัมพันธ์ และการเมือง” อีกทั้งยังทำรายการวิทยุเปิดประเด็น ทาง FM 97.5 MHZ เป็น talk show ยุคแรกๆ
จากการคลุกคลีแบบถึงลูกถึงคน ทำให้เขาค้นพบเส้นทางอาชีพใหม่ และเกิดจุดเปลี่ยนในชีวิตครั้งสำคัญ นั่นคือ ลาออกจากอาจารย์สอนหนังสือ หันมาทุ่มเทอย่างหนักกับงานใหม่ที่ท้าท้ายกว่าเดิม ด้วยการลงขันกับเพื่อนสนิทสมัยเรียนอีก 4-5 คน เปิดบริษัทผลิตรายการ “ว็อชด็อก” เป็นผู้ผลิตรายการทีวี สวมบททั้งเจ้าของบริษัท พิธีกรรายการเอง ที่นี่ทำให้รู้จักคนกว้างขวาง
“พอมาทำรายการทีวีเต็มตัวได้รู้จักคนเยอะขึ้น พอดีได้คุณอากร ฮุนตระกูล อดีตเจ้าของธุรกิจโรงแรมอิมพีเรียล ควีนปาร์ค เป็นผู้สนับสนุน ซึ่งคุณอากรได้แนะนำให้รู้จักกับพี่ศุภลักษณ์ ซึ่งเป็นพีอาร์มือโปรที่เก่งด้านการตลาด”
หลังจากบุกเบิกรายการเป็นที่รู้จัก ไม่ว่า รายการเปิดประเด็นและรายการถามตรงทางช่อง 9 อยู่ร่วม 3 ปีเขาตัดสินใจขายหุ้นให้กับเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และหันมาจับงานเป็นธุรกิจที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ โดยมีศุภลักษณ์ เป็นโค้ชใหญ่ฝึกฝนงานด้านคอลซัล ถูกขับเคี่ยวอย่างหนักทั้งงานพีอาร์ การตลาด และการสร้างสายสัมพันธ์สื่อมวลชน รวมเวลา 7ปี
“สมัยทำว็อชด็อกได้เรียนรู้ธุรกิจเต็มตัว แต่พอมาทำที่นี่ก็ได้ประสบการณ์อีกแบบ โดยเฉพาะงานประชาสัมพันธ์ งานสร้างภาพลักษณ์องค์กร โดยเฉพาะองค์กรที่ต้องเผชิญวิกฤต ที่สำคัญเราทำงานแล้ว ข้างนอกไม่รู้ว่าใคร ผมชอบแนวนั้น”
แต่เส้นทางชีวิตที่เขาขีดเองกลับไม่ได้หยุดลงแต่อย่างใด หลังจากลาออกเพื่อมาแต่งงานและช่วยพ่อตา ทำธุรกิจโรงเหล้าที่บริษัทยูไนเต็ดไวน์เนอรี่แอนด์ดิสทิลเลอรี่ เจ้าของเหล้าไทยยี่ห้อ Black Cat และกุมงานบริหารของกลุ่มสุรากระทิงแดง และบริษัทในเครืออีกหลายบริษัท ก่อนถูกดึงตัวมาช่วยงานที่บริษัทไทยเบฟเวอเรจ
“จริงๆ เข้ามาคลุกคลีงานธุรกิจเหล้าหลายปีแล้ว แต่อยู่เบื้องหลังบริหารมากกว่า แต่พอคุณเจริญขอตัวมาช่วยงานไทยเบฟเวอเรจ ซึ่งช่วงนั้นเจอปัญหาหนักถูกต่อต้านไม่ให้เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ผู้ใหญ่เห็นว่าควรมีคนมาดูแลงานด้านสื่อสารภาพลักษณ์องค์กร จึงได้ตัดสินใจมา”
เกษมสันต์ ยอมรับว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้บริหารมักเก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยมีข่าวเคลื่อนไหวนัก ทั้งที่ในความเป็นจริงบริษัทได้ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคมมาโดยตลอด ทำให้เกิดปัญหาความไม่เข้าใจ และรู้จักองค์กรอย่างเพียงพอ ดังนั้น mission หลักของเขาครั้งนี้ จึงเร่งเดินหน้าสื่อสารองค์กรไปยังคนภายนอกได้รู้จักมากยิ่งขึ้น
“2 เดือนที่คลุกคลีได้ข้อสรุปว่า ปัญหาไทยเบฟเวอเรจคือสื่อสารกับสาธารณชนน้อย เพราะเคยชินกับการทำธุรกิจแบบเดิมที่ให้ข้อมูล การตลาดไม่จำเป็นต้องทำ แต่หลังจากเปิดเสรีธุรกิจเหล้า การทำพีอาร์และสื่อสารภายนอกเป็นสิ่งจำเป็นต้องทำ”
เบื้องต้นต้องเน้นสื่อสารชี้แจงสาธารณชนให้ทราบถึงวัตถุประสงค์หลักที่บริษัทต้องเข้าจดทะเบียน และกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ จากนั้นนำเสนอกิจกรรมทั้งหมดที่ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร ซึ่งภารกิจเขาวันนี้อดีตนักสื่อสารมวลชน ยอมรับว่า “เป็นเพียงจุดเริ่มต้น” ที่รอท้าทายให้เขา …
Profile
Name: เกษมสันต์ วีระกุล
Age : 42 ปี
Education:
– มัธยมศึกษา สวนกุหลาบวิทยาลัย
– ปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
– ปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษ
Career Highlights:
– อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
– กรรมการผู้จัดการ บริษัท ว็อชด็อก จำกัด
– กรรรมการผู้จัดการ บริษัท คิธ แอนด์ คิน คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ คอลซัลแตนท์ จำกัด
– กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยู.ดับบลิว.ดี. มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
– กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริษัทยูไนเต็ดไวน์เนอรี่แอนด์ดิสทิลเลอรี่ จำกัด
ปัจจุบัน
– รองประธานกรรมการ บริษัท สุรากระทิงแดง (1988) จำกัด
– รองประธานกรรมการ บริษัท ยูไนเต็ดไวน์เนอรี่แอนด์ดิสทิลเลอรี่ จำกัด
– รองประธานกรรมการ บริษัท สีมาธุรกิจ จำกัด
– รองประธานกรรมการ บริษัท หลักชัยค้าสุรา จำกัด
– ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด ( มหาชน)
Family:
– หย่าร้าง มีบุตรสาว 1 คน