LOCK&LOCK วาง Positioning เป็น High Tech Food Container โดยเป็นแบรนด์ของบริษัท ฮานาโคบิ จำกัด ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจภาชนะเครื่องใช้ในครัวเรือนของเกาหลี นำเข้าและจัดจำหน่ายในประเทศไทยโดย บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) เป็นระยะเวลาเพียงปีเศษ ด้วยยอดขาย 20 ล้านบาท แต่ภายในสิ้นปี 2549 นี้ สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ บอกว่า อย่างน้อยๆ ต้องทำยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท และภายใน 2 ปี จะเติบโตกว่า 10 เท่าตัว
ความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าดังกล่าวของเขานอกจากจะเป็นเพราะคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์แล้ว ยังมาจากอิทธิพลของพรีเซ็นเตอร์ดาราดัง…ฮันซังกุง
มิเคียวยัง ชื่อนี้อาจไม่เป็นที่คุ้นหูสำหรับคนไทยนัก แต่ถ้าเป็น “ฮันซังกุง” แล้ว ร้อยทั้งร้อยของแฟนละครเกาหลี “แดจังกึม” ย่อมรู้จักเป็นอย่างดี กับบทบาทนายหญิงผู้อารีและซังกุงสูงสุดแห่งห้องเครื่องผู้มีหน้าที่ดูแลเครื่องเสวยของราชสำนักอาณาจักรโชซอน หรือเกาหลี เมื่อครั้งอดีตกาล การเลือกเธอเป็นพรีเซ็นเตอร์ของ LOCK&LOCK จึงเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ทั้งเรื่องภาพลักษณ์ กอปรกับกระแสแดจังกึมฟีเวอร์ ที่แผ่ขยายไปยังต่างแดนหลากหลายประเทศ ซึ่งจะสามารถช่วยในการทำตลาดในกว่า 60 ประเทศ เป็นไปอย่างง่ายดายทั้งในเรื่องของ Brand Awareness และ Brand Benefit
การนำ “ฮันซังกุง” มาเปิดตัวในฐานะพรีเซ็นเตอร์ของ LOCK&LOCK ในเมืองไทยครั้งนี้ นอกจากจะสร้างกระแสให้เป็นที่รู้จักแล้ว ยังหวังผลต่อยอดจากกิจกรรมสื่อสารการตลาดต่างๆ โดยมีฮันซังกุงในรูปแบบของ TVC แนะนำการใช้ LOCK&LOCK ที่ว่าด้วยคุณสมบัติของกล่องเทคโนโลยีพิเศษนำเข้าจากเกาหลี ซึ่งเก็บอาหารได้นานและคงความสดไว้ได้มากกว่ากล่องเก็บอาหารทั่วไป และมีความคงทนเป็นพิเศษ โดยสนั่นบอกว่า เคยผ่านการทดสอบปิดเปิดถึง 3 ล้านครั้งแล้วยังสามารถใช้งานต่อได้
แน่นอนเมื่อเป็นนวัตกรรมที่ไม่สามารถผลิตได้ในไทย ราคาย่อมสูงกว่ากล่องเก็บอาหารทั่วๆ ไป โดยมีราคาจำหน่ายตั้งแต่ 80-200 กว่าบาท ด้วยจำนวนกว่า 50 sku แต่เขาเชื่อว่าราคาไม่น่าเป็นอุปสรรค เพราะผู้บริโภคคำนึงถึงความคุ้มค่าที่ได้รับมากกว่า ซึ่งเขาเชื่อว่าผลิตภัณฑ์นี้ตอบโจทย์ในเรื่องของการบรรจุและเก็บอาหารได้สดได้นานกว่าปกติ
อย่างไรก็ตามช่องทางจัดจำหน่ายของ LOCK&LOCK ยังต้องได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีเพียงการขายตรงผ่านสมาชิกศรีไทยฯ กว่า 1 แสนราย และจะกระจายสินค้าให้ทั่วถึงมากขึ้นทั้งในต่างจังหวัดและร้านค้าปลีกต่างๆ รวมถึงรายการประเภท Home Shopping Guide ด้วย
Srithai’s way
ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 4,400 ล้านบาท และจะเริ่มเปลี่ยนบทบาทธุรกิจจากการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เมลามีนและผลิตภัณฑ์พลาสติก (ลังน้ำอัดลม ถังสี หมวกกันน็อก เป็นต้น) มาเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย Trading Company และจะเริ่มรุกหนักนับแต่ปี 2547 เป็นต้นไป ไม่เพียงเฉพาะการสรรหานวัตกรรมจากเมลามีนเท่านั้น แต่จะยัง Diversify ธุรกิจเข้าสู่ไลน์ของเครื่องครัว และเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับประกอบอาหารขนาดย่อม ประมาณ 20,000 รายการจากทั่วโลก ซึ่งคาดว่าภายใน 5-6 ปีข้างหน้าจะทำรายได้ทะลุหลัก 1,000 ล้านบาทได้ไม่ยาก
“การเป็น Trading Company ลงทุนน้อยกว่าผลิตและสร้างแบรนด์เอง เป็นการเรียนลัดทางธุรกิจที่คุ้มค่า”
อีกทั้งจะเริ่มก้าวเข้าสู่ธุรกิจเครื่องสำอางภายในปี 2549 นี้ ความเคลื่อนไหวต่างๆ นี้นับได้ว่าเป็นสีสันที่น่าจับตาของบริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 45 ในอีก 2 ปีข้างหน้านี้ซึ่งจะมีการเฉลิมฉลองครั้งใหญ่