“ถ้าเราไม่ปรับเราก็อยู่ไม่ได้ “ คำพูดที่ย้ำแล้วย้ำเล่าของ กรรณิการ์ ชินประสิทธิ์ชัย ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แบล็คแคนยอน (ประเทศไทย) จำกัด กำลังบอกถึงการสร้างแบรนด์แบล็คแคนยอนในยุคที่การแข่งขันรุนแรง
กรรณิการ์ บอกอีกว่า เธออยู่แบล็คแคนยอนมา 13 ปีตั้งแต่ยุคบุกเบิก คำตอบสำคัญในการทำธุรกิจกาแฟ คือ หยุดนิ่งไม่ได้ ต้องมีไลฟ์สไตล์เข้าไปเกี่ยวเนื่อง หากจะมัวมานั่งชงกาแฟขายอย่างเดียว คงอยู่ในสนามแข่งขันไม่ได้ เหมือนโลโก้ของร้านที่เป็นรูปคาวบอยดื่มกาแฟ ถ้าปล่อยให้คาวบอยแก่ชราลง ไม่นานนักก็คงหมดลมหายใจ
Positioning ของแบล็คแคนยอนจึงต้องพยายามทำให้คาวบอยเป็นหนุ่ม สดใส กระฉับกระเฉง อย่างคอนเซ็ปต์ของร้านสาขาใหม่ 20 แห่งที่จะเปิดภายในปี 2549 นี้ มีนโยบายปรับปรุงภาพลักษณ์ตกแต่งภายในร้านให้ดูสดใสมากขึ้น เช่น การนำสีทองมาตกแต่งภายในร้าน เพื่อให้ดูพรีเมียมมากขึ้น ซึ่งปกติสีภายในร้านจะเน้นเป็นสีน้ำตาลทึมๆ
ไม่ใช่แค่การตกแต่งร้าน เทรนด์หรือไลฟ์สไตล์การดื่มกาแฟนับจากนี้ต่อไป แบล็คแคนยอนจะมีคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ มานำเสนอ และแคมเปญใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ตามเทศกาลหรือวาระต่างๆ เพื่อทำให้แบรนด์ทันสมัยอยู่เสมอ
อย่างล่าสุด การนำศิลปะการตกแต่งบนฟองนมมาเป็นจุดขาย โดยมีผู้ที่มีความรู้ด้านการปรุงกาแฟหรือเครื่องดื่ม หรือเรียกว่า บาริสต้า ซึ่งแบล็คแคนยอนมีบาริสต้า มีดีกรีเป็นแชมป์ประเทศไทย มาสร้างสีสันในการรินนมและโฟมลงในกาแฟให้เกิดลวดลายต่างๆ เช่น ลายใบไม้ ลายฟุตบอล ลายรูปหัวใจ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการดื่มกาแฟ
ส่วนแคมเปญล่าสุด คือ การใช้กระแสฟุตบอลโลกฟีเวอร์มากระตุ้นยอดขาย ดื่ม 5 ถ้วย ดื่มฟรี 1 ถ้วย ซึ่งเชื่อว่าช่วงกระแสบอลโลกจะทำให้จำหน่ายกาแฟได้เพิ่มขึ้นจากยอดปกติไม่ต่ำกว่า 2 แสนถ้วย
แบล็คแคนยอน จะไม่ใช่คาวบอยแก่ๆ อีกต่อไปแล้ว เราจะเป็นคาวบอยหนุ่มที่กระชุ่มกระชวย เป็นภาพลักษณ์ใหม่ที่ทุกคนจะสัมผัสได้
DID YOU KNOW?
รสนิยมการดื่มกาแฟในแต่ละประเทศแตกต่างกันออกไป อย่างผู้บริโภคในซีกโลกตะวันตก มักจะดื่มกาแฟที่มีรสชาติขม หรือ “ติดขม” ในขณะที่ชาวเอเชีย อย่างญี่ปุ่น มักจะนิยมรสชาติแบบนุ่มๆ มีนมมากหน่อย ส่วนประเทศไทย เทรนด์รสชาติจะเน้นความเข้มข้น เช่น หวานมาก มันมาก ไปเลย