ธีรยุทธ บุญมี “ขาประจำเจ้าเก่า”

“ปีละหน คนกันเอง” ที่สังคมไทยจะได้เห็นข้อเขียนวิจารณ์รัฐบาลที่เขียนด้วยสำนวนภาษาเชิงเสียดสี มีคำให้ฉายาใหม่ๆ แก่รัฐบาลขณะนั้น ให้หนังสือพิมพ์ได้ไปลงพาดหัวทุกครั้ง ผลงานนี้มาจากอาจารย์ด้านสังคมศาสตร์ที่ชื่อ ธีรยุทธ บุญมี

“ซีอีโอขาโจ๋”, “ประชา Marketing”, “บริกรสีเทา” ไปจนถึง “เศรษฐีโรคจิต” และ “ทักษิโนมิกส์” เป็นบางส่วนของฉายาที่เป็นสีสันในบทวิจารณ์รัฐบาลระยะหลังๆ ของธีรยุทธ

ทุกครั้งหลังธีรยุทธแถลงข่าววิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล สิ่งที่เกิดต่อเนื่องมาคือการแถลงโต้จากบรรดา “องครักษ์” ของรัฐบาล และการตั้งฉายาวิจารณ์กลับตอบโต้คืนให้กับธีรยุทธ เช่น “เสื้อกั๊กตัวเก่า”, “เสื้อกี๊กขาประจำ” หรือ “คนเฝ้าห้องสมุด” ฯลฯ

แต่เหนือกว่าสีสันเหล่านั้น สาระโครงสร้างความคิดในงานของธีรยุทธก็หนักแน่นเป็นที่สนใจและยอมรับของหลายๆ ฝ่ายเสมอมา ตัวอย่างล่าสุดคือการเสนอแนวทางการต่อสู้ที่ทรงอิทธิพลทางความคิด จนฝ่ายกลุ่มพันธมิตรฯ นำไปใช้ทันทีด้วยคำใหม่ที่ยอมรับกันกว้างขวางว่า “อารยะขัดขืน”

ก่อนหน้านี้งานเขียนของธีรยุทธก็วิเคราะห์เสนอทางเลือกให้สังคมไทย ด้วยลีลาแบบวรรณกรรมผสมงานวิชาการอ่านเข้าใจง่ายจนได้รางวัล ศรีบูรพา รางวัลใหญ่ด้านวรรณกรรมที่มีอายุสิบเก้าปีมาแล้วในปี 2546

ย้อนไปเมื่อครั้งเป็นนักศึกษา ธีรยุทธสอบเอนทรานซ์ได้เป็นที่หนึ่งของประเทศ ติดคณะวิศวฯ จุฬาฯ แต่ต่อมาหันไปสนใจการทำกิจกรรมเชิงสังคมจนได้เป็นเลขาธิการ ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ปี พ.ศ. 2515 เป็นผู้นำนักศึกษาคนสำคัญในการเรียกร้องรัฐธรรมนูญในเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516

ปี พ.ศ. 2519 ธีรยุทธได้เดินทางไปใช้ชีวิตในป่าแถบจังหวัดน่านเป็นเวลาถึง 4 ปีครึ่ง ก่อนจะออกจากป่าเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศในระดับปริญญาโท และเอกสังคมมานุษยวิทยาที่เนเธอร์แลนด์ เคยทำงานเป็นนักวิจัยสถาบันสังคมของกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ และทำงานวิจัยให้กับ มหาวิทยาลัยบีเลเฟลท์ เยอรมนี และกลับไทยในปี พ.ศ. 2528 เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และเริ่มบทบาททางการเมืองเป็นนักวิพากษ์วิจารณ์ที่ได้ “ปะทะ” มาแล้วแทบทุกพรรค ควบคู่ไปกับงานประจำหลักคือสอนอยู่ที่คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา