นักวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค ที่หากขึ้นเวทีเพื่อสัมมนาเมื่อไหร่ ก็สามารถเรียกสื่อมวลชนให้เข้าไปทำข่าวได้จำนวนมาก หรือหากเกิดภาวการณ์ต้องเตือนสตินโยบายของรัฐบาลในการบริหารระบบเศรษฐกิจทั้งตลาดเงิน และตลาดทุนเมื่อไหร่ หลายคนจะต้องพยายามตามหา ”ศุภวุฒิ สายเชื้อ” เพราะความน่าเชื่อถือในข้อมูล และการคอมเมนต์อย่างมีระบบ ไม่ยากต่อการทำความเข้าใจนัก
“ศุภวุฒิ” เป็นบุตรชายของ ”เชาวน์ สายเชื้อ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ปี 2541-2542 และข้าราชการกระทรวงต่างประเทศในฐานะเอกอัครทูตประจำประเทศฟิลิปปินส์ และนิวซีแลนด์ ซึ่งทำให้ ”ศุภวุฒิ” มีโอกาสศึกษาต่อต่างประเทศตั้งแต่ระดับมัธยม
ปัจจุบัน “ศุภวุฒิ” ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ภัทร จำกัด (มหาชน) โดยเริ่มงานในสายการวิจัยและวางแผน ตั้งแต่ปี 2537 ในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ ซึ่งในปีเดียวกันนี้ได้มีการแยกกิจการระหว่างบริษัทเงินทุน และบริษัทหลักทรัพย์ออกจากกัน “ศุภวุฒิ” จึงเข้ามาอยู่กับบริษัทหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ เมื่อตระกูลล่ำซำได้ขายหุ้น 51% ให้กับบริษัทเมอร์ริลลินซ์ จากสหรัฐอเมริกา จึงกลายเป็นบริษัทหลักทรัพย์เมอร์ริลลินซ์ภัทร “ศุภวุฒิ” ในเวลานั้นได้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการดูแลงานด้านวิจัยและวางแผน
แม้เขาจะออกไปช่วงหนึ่ง และไปคลุกคลีในงานการเมืองอยู่บ้าง ในตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) ดูแลงานด้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ แต่ก็เพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น ซึ่งบางคนก็ลืมไปแล้ว
ขณะที่อีกแง่มุมหนึ่ง เขามักคุ้นอย่างดีกับ ”สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เพราะได้มีโอกาสพบกันเมื่อครั้ง ”สมคิด” เคยทำงานที่ภัทร ถึง 7 ปีในการก่อตั้งศูนย์วิเคราะห์ตลาดทุน
ความเป็นมาที่ดูเหมือนเขาสนิทกับรัฐบาลไทยรักไทย และมีชื่อเป็นแคนดิเดตหลายครั้งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่เพราะความเป็นมืออาชีพ และทำงานในบริษัทหลักทรัพย์มาตรฐานระดับสากล ทำให้เขาสามารถแยกความสัมพันธ์ได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันก็ให้ความเห็นต่อการบริหารงานของรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมาในด้านของเศรษฐกิจมหภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อตลาดทุน เพราะหน้าที่ความรับผิดชอบที่ต้องติดต่อประสานงานกับนักลงทุนต่างชาติตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ที่ ”ศุภวุฒิ”ส่งสัญญาณว่าต่างชาติเริ่มไม่มั่นใจในเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศแล้ว เท่ากับว่านักลงทุนต้องเริ่มระวังแล้วว่าดัชนีตลาดหุ้นจะร่วงลง เพราะ ”ฝรั่งขายทิ้ง”
“ศุภวุฒิ” ไม่ใช่นักวิเคราะห์ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายนัก นอกจากมีโอกาสพบในงานสัมมนาด้านเศรษฐกิจ หรือหากรู้จักมักคุ้นอาจมีโอกาสได้คุยบ้าง เพราะนโยบายของความเป็นบริษัทสากล ไม่เปิดกว้างให้ผู้บริหารให้สัมภาษณ์ได้อย่างพร่ำเพรื่อ ไม่ว่าจะเป็นความเห็นต่อสถานการณ์ต่างๆ และเรื่องส่วนตัว แม้ความจริงแล้วเรื่องส่วนตัวของเขาเต็มไปด้วยสีสันและแง่คิด เหมือนเช่นที่เข้าให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์ของสมาคมนักเรียนเก่านิวซีแลนด์
“ที่โน่นผมโตเหมือนเด็กบ้านนอกเลย คุณพ่อให้กลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทยตอนอายุ 18 ปี เรียนอยู่ประมาณปี 3 เพราะผมเรียนเร็ว เข้ามหาวิทยาลัยตอนอายุ 16 ปี มาถึงก็นั่งรถเมล์ไปลงที่สะพานควาย ยืนอยู่ตั้ง 10 กว่านาทีเพราะข้ามถนนไม่ได้ ยืนอยู่ตั้งนานแน่ะ จนมีคนกลุ่มใหญ่ข้ามไปถึงได้ข้าม อยู่ที่นิวซีแลนด์พอเอาเท้าเหยียบบนทางม้าลายนี่รถเค้าจอดหรือแทบจะถอยให้ทันที อยู่ที่นี่เอาเท้าเหยียบถนนโดนบีบแตรใส่เราต้องถอยกลับขึ้นมา ผมคิดว่า นี่ผมจะมาอยู่กรุงเทพฯได้หรือเนี่ย ลำบากเหลือเกิน”
ถึงอย่างไร “ศุภวุฒิ” ก็เลือกที่จะไม่เปิดเผยโลกส่วนตัวมากกว่า เขาเลือกแสดงทัศนะผ่านสื่อ และเวทีแสดงความคิดเห็นประจำของเขาอยู่ที่ในหนังสือพิมพ์พิมพ์รายวัน ”กรุงเทพธุรกิจ” เป็นประจำทุกวันจันทร์ ผ่านคอลัมน์ “เศรษฐศาสตร์จานร้อน”
และนี่เองคือเสน่ห์ของ ”ศุภวุฒิ สายเชื้อ” นักวิเคราะห์เศรษฐกิจ ที่ทำให้ทุกความเห็นที่แสดงออกนั้น ยังคงความน่าสนใจ
Profile :
Name : ศุภวุฒิ สายเชื้อ
Age : 49 ปี
Education :
– มัธยมศึกษา Boys’High School ประเทศนิวซีแลนด์
– ปริญญาตรีเกียรตินิยม (เศรษฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยวิคตอเรีย กรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์
– ปริญญาโท (เศรษฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์
– ปริญญาเอก (เศรษฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยฮาวาย สหรัฐอเมริกา
Career Highlights :
– ผู้อำนวยการกองแปซิฟิกใต้ ของกระทรวงต่างประเทศ
– บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จนเปลี่ยนปัจจุบันเป็น บริษัทหลักทรัพย์ภัทร



