สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ใครๆ ก็เรียกเขาว่า “เสี่ยเจียง” เจ้าของอาณาจักรสหมงคลฟิล์ม ผู้มีเครือข่ายธุรกิจภาพยนตร์ไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาคือบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในวงการหนังไทย เพียงเขาขยับเขยื้อน วงการหนังไทยก็สั่นสะเทือนแล้ว!
โรงหนังที่ยังไม่จบ
บุรุษมาดเสี่ย ที่มักสวมเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมเสื้อหนึ่งเม็ด พูดจาโผงผาง ดุดัน น่าเกรงขาม ถึงวันนี้ 30-40 ปีที่แล้วที่เขายังทำงาน ทำธุรกิจภาพยนตร์อย่างทุ่มเท แม้อายุของเขาจะเข้าวัยเกษียณแล้วก็ตาม แต่โรงหนังชีวิตของเขาก็ยังไม่รู้จบสิ้น
ทุกวันนี้ เสี่ยเจียงยังตื่นนอนประมาณ 3 โมงเย็น ถ้าไม่ติดภารกิจใดๆ เขาจะออกจากบ้านที่ซอยราชครูมาทำงานที่สหมงคลฟิล์ม ย่านสะพานควาย ใครๆ ที่นัดหมายกับเขา มักจะมาพบเขาที่นี่ ตั้งแต่ 4 โมงเย็นเรื่อยไปถึงสองทุ่ม สามทุ่ม
หลังจากนั้นเสี่ยเจียงมักจะเดินทางไปที่คอฟฟี่ช็อป โรงแรมดุสิตธานี เพื่อนัดคุย นัดสังสรรค์กับผู้กำกับหนัง และทีมงานสร้างหนังเป็นการส่วนตัว บางครั้งเขาก็อาศัยเวลานี้ตั้งชื่อหนังใหม่ทั้ง หนังนำเข้า หนังสร้างเองบ้าง เขาใช้เวลาที่โรงแรมดุสิตเกือบรุ่งสาง ตีสี่ ตีห้าบ้าง และกลับไปพักผ่อนที่บ้าน
คนรอบข้างส่วนใหญ่รู้ดีว่าเสี่ยเจียงอยากจะคุยกับใคร เขาจะกรี๊งกร๊างยามดึก ตีหนึ่ง ตีสอง ถือเป็นเวลาปกติสำหรับเขา
แม้ในวันนี้ของเสี่ยเจียง จะมีลูกสาวสามใบเถา ทั้ง “อวิกา” ช่วยดูแลด้านการตลาด ประชาสัมพันธ์ พีอาร์ “จาตุศม” ลูกสาวคนรอง ช่วยดูแลด้านเรื่องธุรกิจทางการตลาด และลูกสาวคนที่สาม “ชมศจี” ดูแลเรื่องการขายหนัง แต่กระนั้นก็ตาม เสี่ยเจียงก็ยังทำหน้าที่พูดคุยกับผู้กำกับหนัง และการผลิตหนัง เหมือนทุกคราว และยังไม่เคยให้ลูกคนใดทำหน้าที่นี้
สำหรับเสี่ยเจียง การคุยกับผู้กำกับ ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เปรียบเหมือนต้นน้ำในการทำธุรกิจ ดังนั้นประสบการณ์และบารมีของเขา เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องรับภาระหน้าที่นี้ต่อไป เขาบอกว่าการคุยกับผู้กำกับต้องมีกึ๋น มีประสบการณ์มากพอตัว
“ผู้กำกับหนังต้องมาคุยกับผมก่อน ระหว่างทำหนังผมไม่เข้าไปยุ่ง แต่ทำเสร็จแล้วผมต้องดูก่อน ถ้าดูแล้วไม่ผ่านก็ต้องแก้ อย่างต้มยำกุ้งฉากไหนไม่ผ่านก็ต้องทำใหม่ เสียเงิน 18 ล้านสำหรับฉากนั้นก็ยอม” เสี่ยงเจียงบอกถึงแนวทางของเขา
อนาคตที่ท้าทาย
วันนี้สหมงคลฟิล์มมีบริษัทในเครือเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์เกือบ 10 บริษัท มีเงินทุนหมุนเวียนของธุรกิจนับพันล้านบาทต่อปี มีหนังฉายเฉลี่ย 8 เรื่องต่อเดือน ไม่แปลกใจเลยที่เสี่ยเจียงบอกว่า “ผมยังตายไม่ได้”
ยิ่งภาพยนตร์ เรื่อง “องค์บาก” และ “ต้มยำกุ้ง” กลายเป็นสูตรความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของเขา ยิ่งทำให้เสี่ยเจียงต้องเหนื่อยอย่างหนักกับบทบาทผู้ผลิต “หนังไทยโกอินเตอร์”
โดยเฉพาะหนัง “ต้มยำกุ้ง” ที่กลายเป็นสูตรล่าเงินดอลลาร์ ขายไปไกลในตลาดโลก ทำให้เขามีงานใหม่ๆ ที่ท้าทาย และช่องทางในการขายหนัง ซึ่งเขายอมรับว่า ต้องเรียนรู้และมีกลยุทธ์แกร่งพอตัวที่จะเข้าไปได้
“สหมงคลฟิล์มยังต้องเดินหน้าต่อไป ยังมีโมเดลใหม่ๆ ที่ต้องคิด ดำเนินต่อไปไม่ว่าจะมีผมหรือไม่ก็ตาม”
ลูกๆ ของเสี่ยเจียงมักรู้นิสัยพ่อของเขาดีว่า เป็นคนปากร้ายแต่ใจดี อวิกา ลูกสาวคนโต เคยเล่าว่า พ่อมักจะไม่สอนในการทำธุรกิจแบบตรงๆ แต่จะให้รู้เรียนเอง ถ้าผิดพลาดถึงจะบอก และให้ลองไปทำใหม่
เสี่ยเจียง เป็นคนเก่ง มองการณ์ไกล เขาชื่อในเซ้นส์ หลายครั้งที่เขาคิดทำ แม้บางครั้งดูเว่อร์ไปบ้าง แต่สุดท้ายทุกคนก็ยอมรับในความคิดของเสี่ยเจียง
แม้ในวันนี้บทบาทในฐานะนายกสมาพันธ์ภาพยนตร์ไทยได้จบลง แต่เขายังเป็นผู้มีบทบาท และอิทธิพลต่อวงการภาพยนตร์ไทยอย่างยิ่ง
…บางคนบอกว่าเพียงเขาขยับตัว ขยับความคิด วงการหนังไทยก็สั่นสะเทือนแล้ว
Profile
Name : สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
Age : 63 ปี
Education : มัธยม โรงเรียนไพศาลศิลป์
Career Highlights:
– พ.ศ. 2511 –ปัจจุบัน ประธานบริษัท สหมงคลฟิล์ม จำกัด
– อดีตนายกสมาพันธ์ภาพยนตร์ไทย (ลาออกเมื่อปี 2549)
– เจ้าของโรงหนังศรีนครธน ย่านตลาดพลู ,โรงหนังมงคลรามา สะพานควาย,โรงหนังเพรสซิเดนท์
Family : แต่งงาน มีลูกทั้งหมด 5 คน มีสาวใบเถา อวิกา (เอ๋) , จาตุศม (โอ๋) , ชมศจี (อุ๋ย) ลูกชาย ชื่อ อัครพล (หนึ่ง) และมีน้องนุชคนสุดท้อง เด็กหญิงนวรัตน์ หรือ น้องเกรซ