สิงห์ยังเป็นสิงห์

“สิงห์” หรือ เบียร์สิงห์ จัดเป็นแบรนด์เก่าแก่ที่อยู่คู่กับไทยมานาน ในฐานะเป็นเบียร์ไทยอันดับ 1 แม้ว่าจะมีเบียร์ต่างชาติผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาท้ารบ แต่ก็ยังไม่มีรายใดที่สามารถคว่ำแชมป์เก่าลงได้

แต่การมาของ “เบียร์ช้าง” กลับตรงกันข้าม ทำให้บัลลังก์ของสิงห์ถึงกับต้องสั่นสะเทือน เมื่อต้องสูญเสียส่วนแบ่งตลาดไปให้กับ “เบียร์ช้าง” ของค่ายไทย เบฟเวอเรจ กลายเป็นเบอร์ 2 ในตลาด

ความพ่ายแพ้ในครั้งนั้น เป็นแรงบีบ ทำให้ “สิงห์” ต้องหันมายกเครื่อง อัดฉีด เพื่อกลับมาทวงแชมป์อีกครั้ง โดยมี 2 ทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูล “ภิรมย์ภักดี” มาเป็นทัพหน้า ทำหน้าที่บุกตลาด และประชาสัมพันธ์ ให้กับแบรนด์สิงห์ ซึ่งนับว่าเป็นกลไกสำคัญของการตลาดการสร้างแบรนด์ยุคใหม่

ความสดใหม่ของผู้บริหารรุ่นหนุ่มทั้งสอง ก็ทำให้สิงห์กลับมาสร้างชื่อในตลาดได้อีกครั้ง ด้วยแคมเปญการตลาดระลอกใหญ่ ทำให้แบรนด์ “สิงห์” ปรากฏเป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ต่อเนื่อง

แคมเปญการตลาดที่เบียร์สิงห์ทำมาตั้งแต่เมื่อกลางปี 2548 และถือเป็น “ไฮไลต์” ก็คือ การโกอินเตอร์ การเป็นสปอน์เซอร์หลักของการประกวดนางงามจักรวาล และต่อเนื่องมาด้วยการบรรจุ “นาตาลี เกลบโบวา” เป็นพนักงานประจำ

การออกเบียร์ สิงห์ ไลท์ ด้วยแคมเปญทุ่มทุนสร้าง เพื่อตะลุยขั้วโลกเหนือ บล็อกคู่แข่งตัวยงที่ออก ช้าง ไลท์ ในเวลาใกล้กันเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด เป็นการวางหมากเพื่อปักธงในตลาดต่างประเทศต่อไป

ต้องยอมรับว่าแคมเปญเปิดตัวสิงห์ ไลท์ ทำได้น่าสนใจและต่อเนื่องกว่าช้าง ไลท์ อาจเป็นเพราะว่าเบื้องแรกแบรนด์สิงห์มีความพรีเมียมกว่าช้างอยู่ระดับหนึ่งก็เป็นได้ การต่อยอดทำกิจกรรมทั้งหลายเลยดูไม่ประดักประเดิดเท่าไรนัก

การปรากฏต่อสื่อบ่อยครั้งของคนในตระกูลสิงห์เป็นข้อได้เปรียบประการหนึ่งที่คู่แข่งอาจมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นสันต์ จุตินันท์ วุฒินันท์ และปิติ ทุกครั้งที่เขาย่างกรายย่อมหมายถึงนำความเป็นสิงห์ติดตัวไปด้วย โดยเฉพาะ “ปิติ ภิรมย์ภักดี” หนุ่มต๊อดผู้นี้กลายมาเป็นแบรนด์ ไอคอนของสิงห์โดยปริยาย ทั้งในบทบาทของผู้จัดการฝ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ของบุญรอดฯ การเป็นพิธีกรรายการเจาะใจ รวมถึงข่าวคราวความสัมพันธ์กับนางเอกช่อง 7 ที่สร้างพื้นที่ข่าวให้ต๊อดและสิงห์มากขึ้น

การเปลี่ยนผ่านของสิงห์จากรุ่นสู่รุ่น ยังทำให้สิงห์คงเขี้ยวเล็บที่น่ากลัวเช่นเดิม