บอดี้การ์ดไฮโซ

ภาพของ 4 บุรุษหนุ่ม ที่ค่อยๆ ปรากฏกายในมาดบอดี้การ์ด ในงานเปิดตัวบัตรแพลทินัม ของซิตี้แบงก์ เป็นคอนเซ็ปต์ที่เจ้าของบัตรพยายามสื่อสารถึงการวาง Positioning ของบัตรแบรนด์นี้ว่า ถ้าใครถือบัตรนี้จะได้รับความคุ้มครอง ปลอดภัยเหมือนมีบอดี้การ์ดติดตามตัว

เป้าหมายของการสื่อสารของบัตรเครดิตซิตี้แบงก์แพลทินัม ครั้งนี้ คือ การตอกย้ำแบรนด์ในตลาดกลุ่มผู้ถือบัตรเครดิตระดับพรีเมียม และสื่อสารถึงชื่อใหม่ที่จะใช้กันทั่วโลกว่า แพลทินัม ซีเล็คท์ มีการติดชิป เพื่อความปลอดภัยหากบัตรสูญหาย

“ชื่อใหม่ เหมือนย้ำว่า บัตรใบนี้ตอบสนองความรู้สึกของสังคมระดับบนนี้อย่างชัดเจน ด้วยสิทธิประโยชน์พิเศษ ทั้งเงินคืนหรือแคชแบ็ก แบบใช้มากคืนมาก และการบริการพิเศษเหมือนมีเลขาส่วนตัว” วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและธุรกิจบัตรเครดิต อธิบาย

แต่นี่คงไม่ใช่เหตุผลสำคัญของการสื่อสารครั้งนี้ นัยของซิตี้แบงก์ หมายถึง การเปิดศึกสำหรับตลาดบัตรเครดิตระดับพรีเมียม ให้คู่ต่อสู้รับรู้ว่า บัตรไฮโซใบนี้ไม่ได้นั่งซึม เดียวดายไร้ความเคลื่อนไหว หากแต่ซิตี้แบงก์พยายามขายความแบรนด์ระดับโลก และความรู้สึกว่า ใครถือบัตรนี้เหมือนบุคคลชั้นวีไอพี ในสังคมโลก

ที่สำคัญ ซิตี้แบงก์พยายามฉีกหนีคู่แข่ง ด้วยสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ ทั้งแคชแบ็ก และการบริการแบบเลขาส่วนตัว เป็นจุดขาย

แม้สงครามบัตรระดับพรีเมียมจะสัดส่วนไม่ถึงร้อย 10 ของตลาดรวมของบัตรเครดิตประเภทอื่นๆ หากแต่อัตราความสามารถในการจับจ่ายใช้จ่ายของกลุ่มตลาดนี้สูงกว่าตลาดอื่นๆ เกือบ 10 เท่าต่อเดือน

7 ปีกับฐานลูกค้าเกือบ 4 หมื่นราย และกำลังขยายตัวขึ้น แม้จะยังดูจำนวนไม่มาก เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง รูดปรื๊ดๆ ของไทยพาณิชย์ หรือธนาคารกรุงศรี กสิกรไทย ที่โดดลงมาเล่นเซกเมนต์ตลาดพรีเมียมอย่างคึกคัก โดยเฉพาะ บัตรรูดปรื๊ดไทยพาณิชย์ที่บอกว่ามีลูกค้าขยับล้านรายแล้ว

ในขณะที่ซิตี้แบงก์บอกเสมอว่า พยายามเลือกและคัดเลือกกลุ่มลูกค้าระดับนี้เอง ไม่เน้นปล่อยพร่ำเพรื่อ มุ่งการหาลูกค้าจากฐานลูกค้าเดิม โดยมีเงื่อนไขฐานรายได้ขั้นต่ำตั้งแต่ 70,000 บาทขึ้นไป

โดยเฉพาะ กลยุทธ์ไฮโซมาร์เก็ตติ้ง สร้างแบรนด์ผ่าน Celeb โดยมีคนดังระดับไฮโซอย่าง นันทมาลี ภิรมย์ภักดี ในฐานะผู้ดูแลบัตรเครดิต แพลทินัม ซิตี้แบงก์ เป็นแกนหลักสำคัญในการบุกตลาด

Did you knows?

ข้อมูลของซิตี้แบงก์ เปิดเผยว่า อัตราการใช้จ่ายของผู้ถือบัตรแพลทินัม ต่อเดือน จะตั้งแต่ 50,000 ถึง 1,000,000 บาท และมักจะชำระเงินยอดเงินคงค้างเต็มจำนวน ในขณะที่ตลาดบัตรเครดิตประเภททั่วไป หรือกลุ่มระดับแมส จะใช้จ่ายต่อเดือนประมาณ 7,000 บาทเท่านั้น