วันเดียว…เที่ยวสุวรรณภูมิ

ตลอด 1 วัน ทีมงาน POSITIONING ได้มีโอกาสเข้าไปสำรวจ และร่วมทัวร์พิเศษ จัดโดยความร่วมมือระหว่าง ขสมก. กับการท่าอากาศยาน เพื่อทำความรู้จักสถานที่ไฮไลต์เด่นๆ ทั้งภายนอก และภายในอาคารผู้โดยสาร…

หนุ่มสาว …สวมเสื้อยืดมีโลโก้ AOT ราว 20 คน …พูดจาฉะฉาน…รอยยิ้มเป็นมิตร ทำหน้าที่เป็นไกด์พิเศษ ให้ข้อมูลแก่บรรดาคณะลูกทัวร์ มีทั้งนักศึกษาจากสถาบันการศึกษา ผู้สนใจทั่วไป กลุ่มละประมาณ 50 คน หลังจากที่ทุกคนลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ต้องการเข้าร่วมชมอาคารผู้โดยสาร ซึ่งเปิดให้เข้าชมเพียงเวลา 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-15 สิงหาคม นี้เท่านั้น เนื่องจากอยู่ระหว่างก่อสร้าง ตกแต่งอาคารโดยสารและร้านค้าภายใน

จากอาคารสถานีรถโดยสาร (Bus Terminal) ถึงอาคารผู้โดยสารรถบริการ ขสมก. คันพิเศษ ใช้เวลาราว 10 นาที บรรดาคณะทัวร์ก็มายืนอยู่บนชั้น 4 ของอาคารผู้โดยสาร ทุกคนถูกตรวจกระเป๋าอย่างละเอียด วัสดุเหล็ก ของมีคมถูกห้ามเด็ดขาด

เพราะมาตรการความปลอดภัยในอาคารผู้โดยสาร อันเป็นขั้นตอนปกติของสนามบินในช่วงนี้มีต้องมีความรอบครอบรัดกุมป้องกันไว้ก่อน

ภายในอาคารผู้โดยสารขนาดใหญ่ สูง 7 ชั้นบนพื้นดิน และอีก 2 ชั้นใต้ดิน ไฮไลต์แรก คือ ชั้น 4 เป็นส่วนบริการผู้โดยสารขาออกทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่ในชั้นเดียวกัน จุดแรก คือ เคาน์เตอร์ตรวจบัตรผู้โดยสาร(Check in) ที่เรียงรายอยู่กว่า 360 เคาน์เตอร์ มากกว่าสนามบินดอนเมืองหลายเท่าตัว จุดเด่น เคาน์เตอร์เช็กอินสุวรรณภูมิ คือ สามารถเช็กอินช่องใดก็ได้ ไม่ระบุสายการบิน ขณะที่กระเป๋าสัมภาระสามารถโหลดได้ทุกช่องเช่นกัน

หลังจากเคาน์เตอร์เช็กอิน ผ่านเข้าในบริเวณภายใน เป็น “จุดตรวจคนเข้าเมือง” เป็นจุดสอง อยู่บนชั้นเดียวกัน มีทั้งขาเข้า 130 เคาน์เตอร์ และขาออก 72 เคาน์เตอร์ สำหรับส่วนนี้ ไฮไลต์เด่น “ประติมากรรม พิธีกวนเกษียรสมุทร” ที่ตั้งอยู่จุดกึ่งกลางสำหรับขาออก

เจ้าหน้าที่ไกด์ทัวร์บรรยายให้คณะฟังว่า ประติมากรรมนี้ ทางคิง เพาเวอร์ได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าขึ้น จัดสร้างขึ้นโดยช่างสิบหมู่ งบประมาณการสร้าง 48 ล้านบาท ยาว 21 เมตร สูง 9.5 เมตร มีความหมายโดยตรงต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปรียบเสมือนแผ่นดินทองและความเจริญรุ่งเรืองบนความมั่นคง มั่งคั่ง และเป็นอมตะตลอดไป

หลังผ่านการตรวจหนังสือและศุลกากร ก็เข้าสู่อาคารเทียบเครื่องบิน D ชั้น 4 ส่วนนี้มีร้านค้าต่างๆ ที่สามารถเดินชมและเลือกซื้อสินค้าระหว่างรอขึ้นเครื่องบินได้ หากไม่สนใจซื้อของก็เดินผ่านไปที่แนวทางเดินชั้น 3 มีไฮไลต์เด่น จุดนัดพบ ร้านค้า และเคาน์เตอร์บริการต่างๆ และห้อง VIP ก่อนไปที่ประตูเครื่องบิน (Gate) ของอาคารเทียบเครื่องบินต่างๆ ส่วนนี้

จุดถัดมา ผู้โดยสารขาเข้า เป็น “จุดสายพานรับกระเป๋า” (Baggage Cliam) จุดเด่นอยู่ที่การตรวจสอบสัมภาระไปพร้อมขบวนการลำเลียงกระเป๋าตามสายพานที่เรียกว่า In-line Screening ทำให้ขั้นตอนรับ-ส่งกระเป๋ารวดเร็วและแม่นยำขึ้น แตกต่างจากดอนเมือง ซึ่งเป็นระบบสายพานซึ่งมีเครื่อง X-ray ตรวจสอบก่อน Check in โดยสายพานมีทั้งหมด 23 เส้น เรียงตามลำดับ ยกเว้น เลข 13 เพราะถือว่าเป็นเลขไม่นำโชค ไฮไลต์จุดนี้ อยู่สายพานที่ 23 เพราะเป็นสายพานที่ยาวที่สุดถึง 108 เมตรใช้รองรับสายการบินขนาดใหญ่แอร์บัสรองรับผู้โดยสาร 500-800 คน

สำหรับจุดสุดท้าย มีไฮไลต์อยู่ที่ “ประติมากรรมรูปยักษ์” ตั้งอยู่ในส่วนผู้โดยสารขาเข้า ที่ไกด์สาวอธิบายอย่างตั้งอกตั้งใจ นัยการติดตั้งรูปหล่อยักษ์ 12 ตน เพื่อเป็นเคล็ด ตามความเชื่อเดิม เป็นการปกป้องรักษาวัดพระแก้ว แต่สำหรับสุวรรณภูมิ ยักษ์เหล่านี้ แสดงถึงความยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม เหมือนดั่งผู้คุมให้กับประเทศ ขณะเดียวกันยังเป็นการเชื้อเชิญ และดึงดูดสายตาผู้มาเยือนจากแดนไกลอย่างมีสีสัน สร้างความเคลิบเคลิ้มให้กับผู้มาพบเห็น ไม่เว้นคณะทัวร์ หลังจากฟังเรื่องราว ต่างกระตือรือร้น กดชัตเตอร์เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกอย่างเต็มที่

Inside อาคารผู้โดยสาร
แต่ละชั้นประกอบด้วย :
ชั้น 1 เป็น Bus Lobby และส่วนงาน ทอท. ด้านรักษาความปลอดภัยไฟฟ้า ฝ่ายการท่าอากาศยาน
ชั้น 2 สำหรับผู้โดยสารขาเข้า
ชั้น 3 พื้นที่ในเขตการบิน (Airside) มีพื้นที่ห้องพักผู้โดยสารสายการบิน ร้านค้าบางส่วน จุดตรวจค้นอาวุธ จุดนัดพบ เคาน์เตอร์บริการ
ชั้น 4 สำหรับผู้โดยสารขาออก มีเคาน์เตอร์Check in ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ, พื้นที่ Premium ของการบินไทย, จุดตรวจหนังสือเดินทาง, จุดตรวจศุลกากร, บูธสายการบิน, เคาน์เตอร์พีอาร์ท่าอากาศยาน
ชั้น 5 สำนักงานการบินไทย และกลุ่ม Star Alliance
ชั้น 6 ภัตตาคาร
ชั้น 7 จุดชมวิว ทัศนียภาพสนามบิน
ชั้นใต้ดิน กำหนดเป็นชั้น 0 ซึ่งเป็นสถานีรถไฟ และชั้น 1 เป็นชานชาลารถไฟ และชั้นใต้ดิน ยังเป็นพื้นที่ระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า

ไปสุวรรณภูมิต้องควักเงินเท่าไหร่

ประเภทรถ ค่าใช้จ่าย
1. รถประจำทางขสมก. จัดรถโดยสารปรับอากาศยูโร 6 เส้นทาง ตั้งแต่เวลา 05.00-21.30น.โดยประมาณ ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด แต่ละสายสังเกตป้ายระบุ
1.สายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-บางกะปิ
2.สายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-แฮปปี้แลนด์
3.สายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-อนุสาวรีย์
4.สายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-อู่แพรกษา
5.สายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-สมุทรปราการ
6.สายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-รังสิต

2. แท็กซี่สาธารณะ
3. รถลีมูซีน
4. รถเช่า
5. รถเวียนภายในท่าอากาศยาน (Shuttle Bus)
*เส้นทางปกติ ออกทุก 5 นาที : จากศูนย์ฯไปยังอาคารผู้โดยสาร มีจุดรับ-ส่ง ตามสำนักงานต่างๆ
* เส้นทางสายด่วน ออกทุก 3 นาที จากศูนย์ฯ ไปยังอาคารผู้โดยสารโดยตรง
6. รถประจำทางปรับอากาศพิเศษ (Airport Express) ไม่ประจำทาง รับ-ส่ง ระหว่างท่าอากาศยานกับโรงแรม และสถานที่สำคัญกรุงเทพฯ และปริมณฑล
** หมายเหตุ : ศูนย์บริการขนส่งสาธารณะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โทร 0-2132-9100 ตรวจสอบบริการรถต่างๆ 1. ต้นสาย-สุดสาย ราคาประมาณ 35 บาท

2. เรียกจากอนุสาวรีย์-สนามบินสุวรรณภูมิ
แบบเหมา ราคาไม่เกิน 400 บาท
ยังไม่กำหนด
ยังไม่กำหนด
ไม่คิดค่าบริการ
ยังไม่กำหนด