Through the line ออฟฟิศ+บ้าน

โดดเด่นสะดุดตา ผู้คนหากได้มีโอกาสไปแวะเยือนโครงการสุรีย์พร ถนนนวลจันทร์ “ตึกสีขาว 5 ชั้น กระจกโปร่งใส มองทะลุเห็นบรรยากาศภายใน ตกแต่งสไตล์โฮมออฟฟิศโมเดิร์น” นี่คือจุดเด่นที่บ่งบอกความเป็นตัวตน ของ Through the line communication ของกูรูการตลาด IMC “ผศ.ธีรพันธ์ โล่ห์ทองคำ” ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้

ออฟฟิศนี้ สะท้อนการใช้แนวคิด Through the line หรือเครื่องมือการสื่อสารการตลาดที่ทะลุผ่านด่าน อุปสรรคปราศจากไลน์ เห็นได้จากสัญลักษณ์ โลโก้บริษัทที่ใช้กราฟิกดีไซน์ให้มีเส้นวิ่งผ่านเส้นอักษร ไปยังTarget เป้าหมาย

ผศ.ธีรพันธ์บอกถึง Concept ว่า ได้นำเอาแนวคิด Through the line เป็นแกนหลักในการใช้ทั้งภายนอกและภายในของการออกแบบในออฟฟิศ ผสมกับปรัชญาตั้งบริษัท ภายใต้แนวคิดว่า “ไม่ควรทำออฟฟิศเป็นออฟฟิศ” แต่ต้องการให้เป็น Home ที่ทำงานได้อย่างมีความสุข มีบรรยากาศแบบ Family ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

“ความเชื่อทางการตลาด อีกทั้งความเป็น “นักบูรณาการ” จึงอยากทำให้ออฟฟิศและบ้านเข้าด้วยกัน หรือที่เรียกว่า Home Office ซึ่งเป็น Themeใหญ่ที่มีความเป็น Modern เพราะ Through the line บูรณาการมาจาก Above the line และ Below the line”

ดังนั้น Through the line communication จึงถูกออกแบบมีดีไซน์ More Trendy ค่อนข้างมาก ไม่ใช่เพียงแค่ Modern แต่ต้องมีความเป็น Trendy โดยผสมความเป็น Trend ของบ้าน และออฟฟิศเป็นโจทย์บังคับ ที่สำคัญต้องมีลักษณะ Through หรือทะลุ โปร่งใส

ดังนั้นกระจกใสถูกนำมาใช้ในการออกแบบ เพื่อสะท้อนความไม่อึมครึม ซ่อนเร้น ปิดปัง ซึ่งสอดคล้องกับการทำธุรกิจของบริษัทว่า “โปร่งใส” จริงใจกับลูกค้า เพื่อนร่วมงาน เน้นการอยู่ร่วมกันอย่างจริงใจ

ขณะที่ “สี” ที่นำมาใช้ตกแต่งก็ยังมีความคาดหวังแบบ Modern+Trendy เช่นกัน ดังนั้นสีก็ต้องไปในแนวทางเดียวกัน โดยสีที่เลือกมา “ขาว-ดำ (Black &White)” และสีเงิน (Silver) ซึ่งสะท้อนความทันสมัยมากที่สุด และยังบ่งบอกถึงความเป็น Through the line เป็นอย่างดี

อีกทั้งยังนำมาใช้แทน Business Units ซึ่งมี 5 หน่วย ได้แก่ สีแดง – Communication สีม่วง – Broadcasting สีเหลือง – Modeling สีน้ำเงิน – Training สี เขียว – Publishing ซึ่งจัดเป็นโทนสีสดใสให้พลัง

“กลุ่มเหล่านี้ เป็นสี Trendy ตามคอนเซ็ปต์ที่วางไว้ โดยมีสีกลาง คือ สีเงิน – สีดำ – สีขาว ซึ่งใช้ได้ทุกยุคสมัย ดังนั้นอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน โต๊ะ เก้าอี้ เฟอร์นิเจอร์ จึงมีกลิ่นอายของ 5 สีเท่านั้น”

ไม่เพียงเท่านี้ ยังได้ใช้วัสดุไม้ – เข้ามาประกอบการออกแบบและตกแต่ง เพื่อเสริมบรรยากาศความเป็นบ้าน ไม่ว่าขอบตึกด้านหน้า สวนหย่อม ลิฟต์ และห้องน้ำทั้งหมดอีกด้วย อะลูมิเนียม – สะท้อนความทันสมัย ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้ ได้ถูกหลอมเข้าไปกับกระจก ซึ่งเป็นวัสดุหลักในการตกแต่ง

ที่น่าสนใจไม่น้อย คือ Theme หลักของแต่ละชั้น ซึ่งใช้บรรยากาศ อารมณ์ความหมายที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งานเป็นหลัก
ชั้น 1 – Gust floor ชั้นนี้ต้องรับแขกเป็นหลัก ด้านหน้าจัดเป็นสวนหย่อมขนาดเล็ก มีต้นไม้สีเขียวให้บรรยากาศคล้ายบ้านเล็กๆ ถัดเข้ามาทางเข้าประตูหมุน ซึ่งไม่เหมือนกับออฟฟิศทั่วไป แต่เพราะต้องการสร้างความแตกต่าง ทันสมัย และมีเอกลักษณ์ และที่เป็นจุดเด่นชั้นนี้คือ เก้าอี้สูงสีแดง 2 ตัวที่วางเป็นชุดรับแขก หากมองจากภายนอกเข้ามาก็จะเห็นได้ชัดเจน

ถัดมาชั้น 2 – Administration Floor ซึ่งเป็นชั้นแผนก HR บัญชี ซึ่งจะมีฉากกั้นแต่ละแผนกอย่างเป็นสัดส่วน แต่ยังคงมีกลิ่นอาย Modern แบบสำนักงานทั่วไป
ส่วนชั้น 3 – Meeting Floor ชั้นนี้เน้นออกแบบให้มีบรรยากาศแบบห้องประชุม ซึ่งค่อนข้างเป็นทางการ

ขณะที่ชั้น 4 – Creative Floor ซึ่งเป็นชั้นทำงานของครีเอทีฟ ซึ่งเน้นบรรยากาศ เป็นแหล่งทำงานคนคิดสร้างสรรค์ พื้นที่โล่ง ไม่มีฉากกั้น (Out of block) และไม่หันหน้าเข้ามากัน แต่จะมีลักษณะมุมส่วนตัวเอง รวมทั้งห้องประชุมครีเอทีฟก็ยังเป็นสไตล์ครีเอทีฟลุค เพื่อลดความตึงเครียดในการทำงาน

สำหรับชั้น 5 – Exclusive Floor ถูกกำหนดเป็นออฟฟิศผู้บริหาร มีการตกแต่งตามสไตล์เรียบง่าย เน้นพื้นที่ใช้สอย ทั้งห้องทำงาน ซึ่งมีขนาดพอประมาณ มีทั้งห้องเก็บอุปกรณ์ทำงาน ห้องครัวขนาดย่อม และห้องน้ำอย่างเป็นสัดส่วน

รวมเบ็ดเสร็จเม็ดเงินที่ใช้ในการซื้อตึกและตกแต่งรวม 18 ล้านบาทใช้เวลาประมาณ 6 เดือนกว่าจะได้มาเป็นโฮมออฟฟิศ สไตล์ Through the line ซึ่งอาจารย์ธีรพันธ์ภาคภูมิใจ โดยเขาสรุปทิ้งท้ายว่า “ออฟฟิศนี้ถูกออกแบบสะท้อนความเป็นตัวตนของเจ้าของ และการทำธุรกิจสื่อสารการตลาด”