จงรักษ์ สกุลภักดี ดีเอ็นเอ เฉพาะโมโตโรล่า

“มุ่งมั่นแรงกล้า พร้อมท้าพิสูจน์ ลุยสู่เป้าหมาย” ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นจริงๆ กับผู้หญิงคนนี้ “จงรักษ์ สกุลภักดี แม้จะเป็นเวลาเพียงชั่วโมงเศษที่ ”จงรักษ์”มีเวลาให้ POSITIONING พูดคุย แต่ยืนยันได้ว่า ”แรงกล้า” จริงๆ เพียงพอที่จะเป็นคำตอบบ่งบอกได้ว่า นี่เองที่ทำให้เธอเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทข้ามชาติอย่างโมโตโรล่า

นัดของเราครั้งนี้ไปที่ช็อปโมโตโรล่า สยามพารากอน หนึ่งในผลงานของ ”จงรักษ์” ที่ต้องการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้โทรศัพท์มือถือให้สามารถสัมผัสได้ถึงบริการของ ”โมโตโรล่า” ผ่านช็อป ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ทำให้โมโตโรล่ากลับมามีชีวิตชีวาในวงการโทรศัพท์มือถือ

ระหว่างที่ยังไม่รู้จะเลือกนั่งร้านไหน เพื่อพูดคุยกันดี “จงรักษ์” ก็อธิบายถึงรสนิยมส่วนตัวว่า

“พี่ทานง่าย กับกาแฟ ไม่ค่อยผูกติดกับอะไร หรือร้านอะไร แต่ดูบรรยากาศกับเซอร์วิส คอนเซ็ปต์เดียวกับโมโตโรล่าช็อปว่าเมกชัวร์แล้ว เข้าไปแล้วอยากกลับมาอีก ที่มาพารากอน ส่วนใหญ่ก็มาดูที่ช็อป มาดูคู่ต่อสู้ มาเดินดูไลฟ์สไตล์แฟชั่น สำหรับผู้บริโภคพี่มองว่ามันต้องมีกระแส ว่าอะไรมา ที่พารากอนรุ่นไหนขายดี งามวงศ์วานก็เป็นอีกแบบหนึ่ง”

แล้วเป็นบิ๊กบอสขนาดนี้รอให้เจ้าหน้าที่รายงานไม่ได้หรือ

“จงรักษ์” บอกว่า “พี่เชื่อว่าเวลาเรา Manage อะไร อยู่ในสถานการณ์ และอารมณ์นั้นๆ ถ้าอยู่แต่ในออฟฟิศ เกิดขึ้นแล้วเพิ่งอ่านรีพอร์ต และเพิ่งรู้ แต่ถ้าเราออกมาเอง จะกลับไปสั่งได้เลย”

เดินหาร้านกันหมดเวลากันไปหลายนาที สุดท้าย ”จงรักษ์” ก็สรุปเลือกร้านหนึ่งที่เธอบอกว่า ”ที่นี่นะ พี่ว่าดู Casual ดี”

“จงรักษ์” เริ่มต้นเล่าถึงที่มาที่ทำให้เธอเป็น Country Manager ของโมโตโรล่า ประเทศไทยว่า“ถ้าเรามอง Global International Firm หรือบริษัทข้ามชาติ สิ่งที่เป็นโจทย์ใหญ่ของผู้บริหารที่ต้องตอบคือเวลาที่เขาจะหา Talent คือผู้นำที่ Capable และ Fit กับ Culture ขององค์กร อันนี้สำคัญ เชื่อว่าผู้นำทุกคนมีความเก่ง มีประสบการณ์ แต่พอเราพูดถึง Culture Fit พูดถึงสิ่งแวดล้อม พูดถึงองค์ประกอบให้เขาประสบความสำเร็จ

“ตรงนี้มันต้องมีดีเอ็นเอ สายเลือดที่มัน Fit กัน สิ่งที่พี่ได้คำตอบจากโมโตโรล่า คือพี่เป็นคนกล้าคิด กล้าตัดสินใจ แล้วก็กล้าทำอะไรที่รับความเสี่ยง หรือท้าทาย ซึ่งตรงนี้มันต้องมีใน Attitude ในการทำงาน และดีเอ็นเอ ที่ Fit กับเขา หมายความว่ามีความเป็นไทย มีความเป็น International อยู่ในตัว มีความเป็น Fighter อยู่ในตัว”

งานนี้ไม่ใช่เพียง ”จงรักษ์” เป็น”ผู้ถูกเลือก” จากโมโตโรล่าเท่านั้น แต่”จงรักษ์” ยังเป็น”ผู้เลือก” อีกด้วย เหมือนอย่างที่เธอเป็นมาโดยตลอด

หากย้อนหลังไปเมื่อครั้งเธอจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 เธอเลือกสอบเทียบชั้นมัธยมปลาย เพื่อเอนทรานซ์ เธอติดคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่เพราะรู้จักตัวเองเป็นอย่างดี ว่าชอบคำนวณ เธอเลือกลงเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะบริหารธุรกิจ ภาควิชาการบัญชี จบภายใน 3 ปีครึ่ง เกียรตินิยม รับทุนเรียนดีมาตลอด รับพระราชทานปริญญาบัตรในระดับปริญญาตรีในวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น

แน่นอนเส้นทางการทำงานของเธอนับจากนั้น ไม่มีใครปฏิเสธเธอ แถมยังได้โอกาสดีกว่าเด็กที่จบจากมหาวิทยาลัยปิดของรัฐ เพราะความได้เปรียบเธอด้านภาษา ซึ่งรับอิทธิพลมาจากคุณแม่ที่ทำงานอยู่บริษัทเชลล์ประเทศไทย ปลูกฝังให้เธอเรียนภาษาอังกฤษมากเป็นพิเศษ

หลังจากนั่งบวกนับเลขอยู่ประมาณ 1 ปี เธอค้นพบว่าไม่ใช่อย่างที่เธออยากเป็น เธอตัดสินใจบินไปเรียนที่อเมริกาด้วยเงินทุนของพ่อแม่ จนจบปริญญาโทสาขาการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ MIS ที่ West Virginia University รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา

“นั่งบวกเลข สลึงชนสลึง ใหม่ ๆ ก็สนุก 2-3 เดือนหลังรู้สึกขาดบาทนึงอยากควักให้เลย ตอนหลังเลยคิดว่าอยากไปนั่งเป็นเบอร์ 1 เบอร์ 2 มี Ambitious มี Drive มีเรื่องความเป็นผู้นำ เพราะที่ผ่านมาพี่ไม่เคยเรียนได้ที่ต่ำว่าเกิน 10 ไม่เคยได้เลข 2 ตัว”

Ambitious หรือความทะเยอะทะยานนั้น ไม่ใช่ที่น่าอายที่จะอธิบายถึงตัวเอง ซึ่ง ”จงรักษ์” บอกว่า“พี่ไม่อาย พี่รู้สึกว่าทำไมฉันทำไม่ได้ ฉันจบรามคำแหงก็จริง แต่จบด้วยเกียรตินิยม ได้เรียนทุน 5 จี ทำงานดี เริ่มต้นเงินเดือนตั้ง 3,500 บาท คนอื่นไม่ได้งานได้ทันทีที่จบ สัมภาษณ์ก็ชนะเด็กจุฬาฯ แต่ทำไมเลขาจบอะไร พูดภาษาอังกฤษได้ ได้ตำแหน่งดีกว่าเรา ก็เริ่มมีอิจฉาเล็กๆ ในใจ ก็คิดว่าตำแหน่งอย่างนั้นเราก็น่าจะทำได้ แล้วจะทำได้อย่างไร ก็ต้องดีกรีเมืองนอก พูดภาษาอังกฤษได้ ตัดสินใจสมัครเรียนเมืองนอก เพราะต้องการพูดภาษาอังกฤษให้เป็น เดี๋ยวนี้พูดภาษาอังกฤษได้เร็วกว่าภาษาไทย ก็คิดว่าวันนึงต้องกลับมาเป็นเบอร์ 1 ให้ได้ คิดตอนบวกเลขตอนนั้น”

และความเรียนเก่งยังเป็นสะพานส่งต่อให้เธอได้งานทำที่สหรัฐอเมริกา

“ที่บริษัท Manufacturing แห่งหนึ่ง พี่ประทับใจเจ้านายคนนึ่งที่เป็นซีอีโอ ชื่อ Bill kaluza เขาคือคนที่ทำให้พี่รู้สึกว่าวันนึงเราจะเป็นแบบเขาให้ได้

ความประทับใจคือตอนที่เขาขึ้นบนเวที บอกผล บอกทิศทางองค์กร กลยุทธ์องค์กร เขา Drive พนักงาน แต่เราอยู่ที่อเมริกาเราขึ้นแบบนั้นไม่ได้ แต่มาเมืองไทยทำได้แน่ ก็เลยกลับมา”

เธอเริ่มต้นเมืองไทยกับการเปิดตลาดให้กับออราเคิลในเมืองไทยและความคิดที่อยากเป็นเบอร์ 1 ก็เกิดขึ้นอีก คราวนี้เธอเริ่มต้นที่องค์กรเล็กๆ ด้วยการเป็นกรรมการผู้จัดการคนแรกของบริษัท แซสซอฟท์แวร์ ในประเทศไทย ด้วยการสนับสนุนเต็มที่จากสามีที่เป็นนักบิน สังกัดกองทัพเรือ ด้วยหลักการคิดที่เธอมักถ่ายทอดให้คนรอบข้างฟังเสมอว่าเกี่ยวกับการเป็นผู้การเรือเล็ก และมาเป็นผู้การเรือใหญ่

“อยู่ออราเคิลมา 8 -9 ปี ก็คิดว่าถ้าไม่เคยเป็นผู้การเรือเล็ก ก็คงขึ้นมาเป็นผู้การเรือใหญ่ไม่ได้ พี่เป็นเสธ.มาโดยตลอด เป็นเบอร์ 2 เป็นเสธ. คนชงเรื่อง แต่ยังไม่กล้าเป็นกัปตันเรือเอง เป็นผบ.เอง ก็คิดว่าถ้าเราไม่เคยเป็นกัปตันเรือเล็ก โอกาสที่จะถูกเลือกเป็นผู้การเรือใหญ่มันน้อย เพราะเพดานบินน้อย เลยตัดสินใจมาแซสฯ” และก็ถึงเวลาที่เธอก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของโมโตโรล่าประเทศไทย

“พี่มีเป้าหมายว่าจะรันองค์กรพันล้านให้เร็วที่สุด วันนี้เราหมื่นล้านแล้ว เพราะเคยอยู่ในระดับ 800 ล้าน ทีนี้อยากจะ Stamp Record และโมโตโรล่าก็เป็นทางเลือกที่ดี“

นี่คือการตอกย้ำอีกครั้งสำหรับการเป็นผู้เลือกของ ”จงรักษ์”

“ถ้าถามว่าเรามารับตำแหน่งตรงนี้ มันมีทั้งความท้าทาย มีทั้งปัจจัยที่เราไม่รู้อีกหลายอย่างว่าปัจจัยที่จะประสบความสำเร็จจะเกิดจากอะไร พี่ตัดสินใจทำงานกับโมโตโรล่า เพราะพี่มอง Company Vision Company Strategy และเขามีหนทางสู่เป้าหมายชัดเจน”

หากจะให้วัดความสำเร็จเส้นทางมืออาชีพในบริษัทข้ามชาตินั้น “จงรักษ์” บอกว่า
“ความเป็นบริษัทข้ามชาติ มี Reward แรง มี Celebrate แต่เวลา Pressure ก็แรง ก็คิดว่า Leadership มีผลสำคัญเยอะ และเกียร์หางเสือของทีมอยู่ที่การบริหารจัดการ อยู่ที่ Mentality ของ Leadership เป็นพื้นฐานและปัจจัยสำคัญ ไม่ได้อยู่ที่จบอะไร ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ใน Industry ไหน

แต่ Principle ของการบริหารจัดการ หลักการนโยบายการจัดการ เป็นปัจจัยสำคัญของลักษณะบุคลิกภาพของ Leadership ผู้นำ เป็นปัจจัยสำคัญที่พี่คิดว่าทำให้พี่มีโอกาสขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 แม้จะเป็นเพศหญิงหรือเพศชายก็จะถูกวัดด้วย Result เหมือนกัน ไม่ได้ตัดสินด้วยเพศ วัดที่การเติบโตของรายได้ มาร์เก็ตแชร์ ความพึงพอใจของลูกค้า”

“เป็นเวลาประมาณ 3 ปีที่ ”จงรักษ์” วัดฝีมือที่โมโตโรล่า เธอมั่นใจที่จะบอกว่า
”ขณะนี้ภาพของโมโตโรล่าเปลี่ยนไปในทางที่บวก ทีมเวิร์คกับ Perception ดีมาก ความรู้สึกทีมเวิร์คเรามีศักยภาพสูง ในการติดต่อกับลูกค้า ในการตามงาน และก็ภาพของ Consumer ที่มองเห็นเรา มีความ Active Consumer Experience กับเรา บวกขึ้น Share of Voice ดีขึ้น เหลือแต่เราต้องทำ Market Share ดีขึ้น คือเราค่อยๆ Set เรื่อง Team Impress ดีขึ้นแล้ว ก็เหลือกลยุทธ์ไปให้ถึง ตอบโจทย์ลูกค้า ผู้บริโภค แล้วทำให้เขาสัมผัสเราได้จริงๆ”

ดูเหมือนว่าพลังของความเป็นผู้หญิงไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญของ ”จงรักษ์” ในเส้นทางการเติบโตที่ผ่านมา แต่หากให้วิเคราะห์ถึงความเป็นผู้หญิงเกื้อหนุนอย่างไรหรือไม่นั้น เธอบอกว่า ”เวลาเลี้ยงลูกค้าไม่ค่อยเสียเงิน (หัวเราะ) การเข้าถึงคนเก่งกว่า การอ่านใจ ในแง่ของพนักงาน ในแง่ของทีม เราจะลงได้ลึกและละเอียดว่าผู้ชาย ผู้ชายมีความเด็ดขาด ผู้หญิงมีความเด็ดขาดแต่แนบไปกับวิธีพูดวิธีโน้มน้าวที่ดีกว่า ผู้ชายคำนึงถึงผล แต่ผู้หญิงก็ได้ผลเหมือนกัน แต่ไม่ทำลาย Relationship ความเป็นผู้นำต้องการการ Share ไอเดีย ต้อง Join ผู้หญิงมีเยอะกว่าเพราะมาจากความเป็นแม่ ถ้ามาจากครอบครัวอบอุ่น แต่ไม่ได้หมายความว่ามาจากครอบครัวไม่อบอุ่นทำไม่ได้ แต่ถ้ามี ก็เป็น On top”

เพราะการหล่อหลอมที่ทำให้เธอชัดเจนอย่างที่เธอบอกว่า”ต้องการ Wining” ทำให้วันนี้โมโตโรล่าลุยแหลก พร้อมกับมาร์เก็ตแชร์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

แต่ความสำเร็จจากการทำงานหนัก ไม่ได้ทำให้ ”จงรักษ์” ดูเคร่งเครียดจนตึงจนเกินไป อาจเป็นเพราะเธอรู้จักมอบรางวัลให้กับตัวเอง และครอบครัว

ทุกวันนี้เธอมีความสุขกับครอบครัว กับสามี และลูกชายวัย 9 ขวบ กับลาบาร์ดอร์อีก 2 ตัว เจ้า ”โมโต” และ ”โรล่า” เฉลี่ยเดือนละ 2 ครั้ง กับการพักผ่อนที่ชะอำ คอนโดมิเนียมริมชายหาดที่เธอซื้อจากโครงการคิวเฮาส์ ที่คำนวณว่าซื้อแล้วคุ้มค่าด้านผลตอบแทน เพราะพื้นที่ดี ฮวงจุ้ยดีหน้าติดทะเล หลังติดภูเขา แบบสไตล์ที่เธอศึกษาปฏิบัติแล้วสบายใจ เหมือนอย่างที่เธอมีบ้านเลขที่กรุงเทพฯ 888/8 สุขุมวิท 50 และสวมสร้อยองค์พระจตุคามรามเทพ-พังพระกาฬ ที่เธอบอกความหมายว่า หมายถึงรบกี่ครั้งก็ชนะ และที่สำคัญเธอยังนั่งวิปัสสนาทุกครั้งหากมีโอกาส หลังจากที่หลายปีก่อนเธอเริ่มรู้สึกตึงเครียดกับสิ่งรอบข้างจนเกินไป

“เพราะพี่บุคลิกภาพอย่างนี้ มีความมั่นใจสูง และรู้สึกว่า Egoพี่แรง และเชื่อว่าผู้บริหารทุกคนที่ประสบความสำเร็จ เคยเป็นเบอร์ 1 และประวัติการทำงานสำเร็จดีมาโดยตลอด บางทีเราฟังคนอื่น แต่เราไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไร

พี่รู้สึกว่าพี่เริ่มเป็นอย่างนั้น เรียกว่า อัตตา ตอนที่เริ่มลงทุน 18 ล้านบาท สร้างสนามเทนนิสเอง เผื่อวันหนึ่งโดนไล่ออก จะได้มีอะไรทำ และลูกเป็นผู้ชาย อยู่ใกล้กีฬา ชอบเล่นกีฬา พอสร้างปุ๊บก็มีความเครียด เริ่มหงุดหงิด Moody แฟนพี่พูดว่ากลับไปที่จุดมุ่งหมายเดิมว่าตรงนี้เป็นรายได้เสริม Enjoyในครอบครัว ลองทำธุรกิจบนที่ดินของเรา อยากให้มีความสุขในการ Run เพราะพี่จะถามว่าเราจะคืนทุนภายในกี่ปี ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ถามคำถามที่เขาไม่ใช่ลูกน้องพี่ เขาเป็นสามีพี่ ถามจนเขาเริ่มเตือน ก็เลยคิดว่าต้องไปวิปัสสนาแล้วมั้งเพื่อบาลานซ์ ไม่งั้นเปลี่ยนไม่ได้

แน่นอนหลักการที่ได้จากการวิปัสสนา ยังทำให้ ”จงรักษ์” ปรับมาใช้กับหน้าที่การงานได้อย่างดี ในการใช้สติ คิด และแก้ปัญหา อย่างที่โมโตโรล่ากำลังดำเนินไป

หลากหลายมุมจากพลังผู้หญิงที่ชื่อ ”จงรักษ์” ปิดท้ายการสนทนาครั้งนี้ ลองให้เธอเปรียบเทียบว่าเธอเสมือนโมโตโรล่ารุ่นใด หยุดคิดเพียงชั่วครู่เท่านั้น ก็ได้คำตอบว่า

“พี่น่าจะเป็น RAZR MAXX รุ่นนี้ไม่ใช่เป็นรุ่นที่สวยสุด แต่พี่ชอบอะไรที่เป็นได้หลายๆ อย่าง All in one หมายความว่าโทรมือถือรุ่นนี้ More than ปัจจัยที่ 5 คือปกติดีไซน์สวยเราอยากมีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่มองคือ Must Have คือต้องมี มันอินเทรนด์ ใช้ทำอะไร ทำได้จากตรงนี้ นอกจาดูหนังฟังเพลง ดูวิดีโอ ถ่ายรูป สิ่งที่ชอบกับตัวนี้ มีฟังก์ชันตรงนี้ คือมีฟังก์ชันที่เรียกว่า ยาฮูโก กดแล้วเหมือนกับเอาอินเทอร์เน็ตคอนเทนต์มาอยู่บนมือถือ

ชอบมือถือที่เป็นแบบ All in one และพี่ก็รู้สึกว่าพี่เป็นแบบนั้น ไม่ได้สวยสุดยอด ไม่ได้เก่งสุดขีด แต่มี Combination ของอะไรหลายๆ อย่างที่จะเกื้อกูลให้องค์กรประสบความสำเร็จได้”

Profile :

Name :จงรักษ์ สกุลภักดี
Age : 44 ปี
Education :
– มัธยมศึกษาตอนต้นโรงเรียนสตรีวิทยา
– สอบเทียบชั้นมัธยมปลาย
– ปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
– ปริญญาโท สาขาการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ MIS
– มหาวิทยาลัยเวสท์ เวอร์จิเนีย รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา
Career Hilight : มีประสบการณ์การทำงานบริษัทข้ามชาติตั้งแต่ศึกษาจบ เริ่มจากเป็นพนักงานบัญชีบริษัท Caldbeck McGregor บริษัทนำเข้าสุราต่างประเทศในกลุ่มบริษัท Inchcape Thailand หลังจบปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา ได้เข้าทำงานที่บริษัทชั้นนำของอเมริกา ชื่อ “โคลัมเบีย แก๊สซิสเต็ม” จากนั้นมาบุกตลาดให้ออราเคิลที่เมืองไทยตำแหน่ง Application Manager
ตัดสินใจมานั่งเป็น กรรมการผู้จัดการคนแรกของบริษัท แซสซอฟท์แวร์ ในประเทศไทย และล่าสุดคือ Country Manager โมโตโรล่าประเทศไทย
Status : สมรส มีบุตรชาย 1 คน
Life Style :
– ชอบกีฬา ว่ายน้ำ เทนนิส สควอช
– นิยมอาหารฝรั่ง
– ไม่ได้ยึดติดของแบรนด์เนม
– วิปัสสนา
– พักผ่อนที่คอนโดมิเนียมส่วนตัวชายหาดชะอำ
Work Philosophy :“มั่นใจว่าการประสบความสำเร็จของเราคือขวัญและกำลังใจของทีมงานที่เราต้องดูแล เป็นคติในใจเสมอว่าประสบความสำเร็จวันนี้ไม่ได้เลย ถ้าไม่มีลูกน้องที่ดีคอยสนับสนุน”