ตุ้ย ชีวิตดั่งฝัน

ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้ มีความฝันวัยเด็ก อยากเป็น “ตำรวจ ทหาร” เฉกเช่นเด็กหนุ่มทั่วไป แต่โชคชะตาขีดเส้นลิขิตให้เขา “เกียรติกมล ล่าทา” กลายมาเป็น “นักล่าฝันจากเวที Academy Fantasia ปีที่3” ในที่สุด วันนี้กับฝันที่เป็นจริง “ศิลปินมืออาชีพ” ในวงการบันเทิง อยู่ในกำมือเขาแล้ว ท่ามกลางกองเชียร์หลายพันคนที่คอยติดตามเป็นกำลังใจให้เขาอย่างใกล้ชิด

ตุ้ย AF ปี 3 กับชีวิตจริง ไม่ใช่ฝัน เรื่องราวที่น่าสนใจของชายหนุ่มที่ไม่แพ้ใคร วิธีคิดในการทำงาน หลักการบริหารเงินทองที่ได้งอกเงยจากน้ำพักน้ำแรง และจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตลูกชาย กลยุทธ์มัดใจแฟนคลับทำอย่างไร ล้วนเป็นคำถามที่ใคร่รู้… POSITIONING ฉบับนี้ มีคำตอบ…

POSITIONING : หลังจากออกจากบ้านของเวทีประกวด Academy Fantasia ชีวิตเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไร
ตุ้ย-เกียรติกมล : วินาทีแรกที่ V2 ถูกประกาศเป็น เดอะวินเนอร์ ความรู้สึกมันลอย เป็นความฝัน ใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่าผมจะรู้ว่ามันคือความจริง เพราะผมกลัวว่าหลับปุ๊บตื่นมาอาจคิดว่าตัวเองฝัน แต่พอเรามาเจอพฤติกรรมแฟนคลับ คนที่ชื่นชอบเรา หรืองาน เวลาพักผ่อน เกือบเดือนกว่าปรับตัวได้ ว่ามันคืออะไร เราเตรียมตัวและรู้มาตลอดว่าจะเจออะไรตอนอยู่ในบ้าน แต่พอออกจากบ้าน มันไม่ใช่สิ่งที่เคยเตรียม หรือเห็นมีคนกรี๊ดเราเยอะแยะขนาดนี้ คิดว่าพวกเค้าเป็นอะไรกันเหรอ ตอนอยู่ในบ้านก็ไม่คิดว่าจะมีคนชอบเรามากถึงขนาดนี้ แต่พอเราเริ่มเรียนรู้แฟนคลับ งาน และสภาพแวดล้อมที่เราเจอปัจจุบัน ก็ค่อยๆ ปรับตัว ตอนนี้ก็อยู่ตัวแล้ว รวมเวลาประมาณเกือบ 5 เดือน เพราะออกจากบ้านประมาณปลายเดือน

POSITIONING : ชีวิตก่อนเข้าประกวด AF เป็นอย่างไร
ตุ้ย-เกียรติกมล : ชีวิตก่อนเข้าบ้านประกวด ใช้ชีวิตเป็นคนทั่วไป ได้แก่ กิน ดื่ม และเที่ยว เพราะทำงานเล่นดนตรีแถวห้วยขวางและเรียนไปด้วย คืนหนึ่งเล่นดนตรี 2-3 แห่ง นอนตี 2 ตื่นนอนบ่ายไปทำงาน เป็นแบบนี้ทุกวันเกือบ 2 ปีเต็ม ได้เห็นอะไรเยอะ ได้รู้จักคนมากมาย ทั้งเสี่ยผู้ชาย และคนต่างชาติ รวมถึงคนไทยชื่นชอบเรา แต่ไม่ใช่ชู้สาว เพราะเห็นเราเล่นดี สนุก เรียนเก่ง เลยติดใจมาเที่ยวบ่อย ช่วงนั้น บอกตรงๆ เหมือนเป็นคนขี้เมาเลย เพราะเวลาคนชื่นชอบเค้าก็จะให้เงินเรา และให้เราดื่มเหล้า เมาทุกวัน แบบน่ากลัว มันห้ามไม่ได้ แต่พอมานั่งตรองชีวิตว่าเราต้องเป็นขนาดนี้เลยหรือ เหล้าเพียวๆ เป็นเป๊กจากคนที่ดื่มไม่เป็น เค้าเอาแบงก์ 500 แบงก์ 1000 มาให้ เราก็ต้องดื่ม หลังจากนั้นผมก็ไปบวชอยู่ประมาณ 1 เดือนเต็มๆ ตอนอายุ 22 เพราะเคยบอกกับคุณแม่และให้สัญญาไว้ตั้งแต่เรียนหนังสืออยู่ชั้น ม.3 ว่า เรียนจบได้ปริญญาแล้วจะบวชให้ ตั้งใจไว้มากเลยว่าจะทำให้ เพราะไม่อยากทิ้งไว้นานเดี๋ยวจะกลายเป็นขี้ปาก อีกอย่างเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว ในที่สุดตัดสินใจลาออกจากวงดนตรีไปบวช ไปใช้ชีวิตแบบพระสงฆ์ ซึ่งก็ขัดกับชีวิตกลางคืนคนละเรื่องเลย เปลี่ยนแปลงมาก แต่ใช้ความอดทนของตัวเอง ยอมรับว่าทำให้ใจเย็นลง และอยู่กับตัวเองมากขึ้น บางครั้งกลัวผีจะเปิดไปตลอดคืนเลย พอสึกก็ต้องเอาเงินค่าไฟถวายวัด (ยิ้ม)

POSITIONING : อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้ตัดสินใจมาประกวด
ตุ้ย-เกียรติกมล : หลังจากสึกออกมาชีวิตดีขึ้น นี่คือเรื่องจริงเลย จากชีวิตต้องทำงาน 2-3 แห่ง นอนดึกตื่นสาย ไปทำงานออฟฟิศทันที แต่ก็ขัดกับตัวเองสุดๆ เหมือนกัน เพราะไม่เคยทำมาก่อน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำงานมาหลายแห่ง และจากคนที่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ มาทำงานรณรงค์ไม่ดื่มเหล้า สูบบุรี่ของ สสส. เวลาเพื่อนถามก็อวดเลย ยืดเลย เพราะได้ใช้วุฒิปริญญาที่เรียนมาด้านการเงิน และทางผู้จัดการฯต้องการเด็กปั้นไม่จำเป็นต้องเรียนจบโดยตรง แต่สอนงานให้ ทำได้อยู่ 3 เดือน วันหนึ่งไปดูงานต่างจังหวัด ดูทีวีเห็นรายการอะคาเดมี่ แฟนเทเชีย เป็นรายการที่เห็นมาตั้งแต่ตอนร้องเพลงกลางคืน และอยากไปประกวด แต่ไม่สามารถไปได้ เพราะไม่มีเวลาว่าง แต่พอได้จังหวะก็สมัคร ตอนไปคัดเลือกไม่ได้หวังอะไรมากนัก แต่ในผู้สมัครที่เข้าไปทีละ 10 คน ผมถูกถามค่อนข้างมาก อาจไปเตะตา ทั้งที่คาแร็กเตอร์ธรรมดา ใส่เสื้อยืด มีรอยสัก กางเกงยีนส์ ถูกถามเป็นนักร้องกลางคืนใช่มั้ย รอยสักเยอะมั้ย ก็งงเค้ารู้ได้ยังไง และก็ถามอื่นๆ ทั่วไป และเจ้าหน้าที่แจ้งว่าอีกอาทิตย์จะติดต่อกลับไป ตอนนั้นรออย่างมีความหวัง ในที่สุดก็ได้รับติดต่อกลับมาจาก 50 คนคัดเหลือ 12 คน

POSITIONING : มีการเตรียมตัวเพื่อการแข่งขันมั้ย อย่างไร
ตุ้ย-เกียรติกมล : เตรียมตัวเองด้วยการดูแลร่างกาย งดเหล้า บุหรี่ เพราะไม่ค่อยได้เจอเพื่อน และคิดถึงตัวเองเป็นหลัก ไม่ได้ไปเรียนอะไรเพิ่มเติม เป็นเพราะฐานะรายได้จำกัด คนอื่นส่วนใหญ่อาจไปเรียนร้องเพลง หรืออื่นๆ แต่ผมได้เพราะตัวเราเอง

POSITIONING : จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิต
ตุ้ย-เกียรติกมล : น่าจะเป็นชีวิตก่อนเข้าเก็บตัวในบ้าน AF หลังจากบวชเป็นพระ ชีวิตเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ และคิดตลอดเลยอายุ 23 แล้ว อยากทำอะไรที่ให้พ่อแม่สุขสบาย ถ้าหากมีเงินเดือนแค่หมื่นบาท คงจะทำอะไรไม่ได้มากแน่ๆ ตัวเองก็ไม่ได้มีหัวค้าขาย เลยถามตัวเองว่าชอบอะไร คำตอบคือ ร้องเพลง เพราะผมทำตั้งแต่เรียนอยู่ ปวช. แล้ว ไม่ว่าเป็นการประกวดในโรงเรียน แต่ระดับเวที AF ยังไม่เคยเลยสักครั้ง

POSITIONING : ตอนเป็นเด็กอยากเป็นอะไร และอีก 10 ปีข้างหน้า ตุ้ยอยากเป็นอะไร ทำอะไรในชีวิต
ตุ้ย-เกียรติกมล : อยากเป็นตำรวจ ทหาร เคยลองไปสอบนายร้อย สมัยเรียน ปวช. แม่ก็ช่วยเสียค่าเรียนพิเศษเป็นเรื่องเป็นราวเลย เป็นเดือน ทั้งเรียนเนื้อหาวิชาการและฟิตร่างกาย ผลปรากฏสอบไม่ได้ เพราะไม่ได้เรียนสายสามัญ เอาความรู้เด็กพาณิชย์ไปสอบ จะเอาอะไรไปสู้กับเค้า ตอนนั้นมันมีคำตอบให้ตัวเองอยู่แล้วว่ามันไม่น่าจะได้ เพราะผมไม่ชอบวิชาทฤษฎี เจอวิชาฟิสิกส์ เคมี ก็งงแล้ว หลังจากนั้นทิ้งไปเลย แต่ความสามารถเล่นกีตาร์ได้ตั้งแต่อยู่ ม.3 หัดจากคนแถวบ้าน และหัดเรื่อยมาจนได้ไปเล่นดนตรี ร้องเพลงกลางคืนก็เลยยึดเป็นอาชีพเลย

POSITIONING : มีคติและหลักใช้ชีวิตอย่างไร
ตุ้ย-เกียรติกมล : ผมคิดว่าอะไรจะมา มันมาเอง ไปดิ้นรนไขว่คว้ามาก คิดสูง พอตกลงมามันก็เจ็บเปล่าๆ ปล่อยให้เป็นไปตามชีวิตที่เค้าขีดไว้ดีกว่า และนิสัยส่วนตัวผมเป็นคนเข้ากับคนอื่นง่าย และเป็นคนเก็บความรู้สึก เวลาไม่พอใจใครก็จะเก็บความรู้สึกอยู่ ไม่แสดงออกทันที บางครั้งกับแฟนคลับ (บางคนเท่านั้น) ซึ่งในจำนวน 100 คน มีเพียง 1-2 คนที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดี ถ้าหากไม่พอใจใครก็ไม่แสดงออก เพราะคิดเสมอว่า เราอยู่ตรงจุดนี้ เราต้องเป็นผู้ให้ โดยรูปธรรมแฟนคลับเค้าก็ให้เรามาตั้งนานจนถึงทุกวันนี้ อย่างเมื่อกี้เดินเข้ามามีแฟนคลับเอาข้าว น้ำมาให้กิน โดยสรุปต้องอยู่แบบผู้ใหญ่ และอดทนสูง มิฉะนั้นเราแย่

POSITIONING : มีสิ่งใดในชีวิตที่อยากทำและยังไม่ได้ทำ
ตุ้ย-เกียรติกมล : คิดไว้หลักๆ ตอนนี้เริ่มได้ทำตามที่ตั้งใจแล้ว คืออยากให้พ่อแม่สบาย ออกจากงานและอยู่บ้านเฉยๆ และงานทุกด้านที่อยู่ในวงการนี้อยากลองให้หมด จะได้รู้ เพราะคนเราเกิดมาตายครั้งแล้ว ที่ได้ทำไปแล้วมี เล่นละคร ออกคอนเสิร์ต เป็นพรีเซ็นเตอร์ และอนาคตคิดไว้ว่า หากมีโอกาสจะมีกิจการเป็นของตัวเอง คงไม่พ้นเรื่องรถ อาจเป็นอู่รถ หรือ Car Wash ตอนนี้ผมรู้จักคนกว้างขวางมากขึ้น คงอีกไม่นาน เพราะคงร้องเพลงไปตลอดชีวิตไม่ได้

POSITIONING : สำหรับการทำงาน ตุ้ยมีหลักบริหารจัดการงานอย่างไร
ตุ้ย-เกียรติกมล : ผมเป็นคนไม่ค่อยเลือกงานมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ที่ผ่านมาไม่มีอะไรหนักไปกว่าที่เจอมาแล้ว ฉะนั้นทุกวันนี้หากพี่ๆ หยิบยื่นงานอะไรมาให้ แบบไม่มีข้อแม้ อะไรก็ตาม เพราะคิดว่าเค้าต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด และเมื่อเค้ากล้าเลือกเรามาตรงนี้ก็ต้องดูแลให้ดีอยู่แล้ว ไว้ใจ และพี่ทีมงานทุกคนเหมือนพี่น้องกัน ไม่ใช่เจ้านายกับลูกค้า

POSITIONING : สำหรับรายได้ มีวิธีบริหารจัดการเงินอย่างไร
ตุ้ย-เกียรติกมล : ไม่ต้องทำอะไรมาก เงินที่ได้มายกให้แม่ดูแล และเอาส่วนหนึ่งแบ่งไว้เพื่อการดำรงชีวิต หรือถ้าอยากได้อะไรพิเศษก็จะไปบอกเค้า ตั้งแต่ออกจากบ้าน AF 5 เดือนก็ยังไม่อยากได้อะไร อย่างแต่งรถที่ชอบ ก็ยังเบรกไว้ก่อน เพราะยังไม่พร้อม อีกอย่าง แต่ละเดือนจะมีลิมิตในการใช้จ่าย และพยามท่องตลอด มีเงินเยอะจะไม่ใช้เยอะ แต่ใช้ตามสถานการณ์ที่จำเป็นต้องใช้ เปรียบเทียบกับเมื่อก่อน รายได้แตกต่างกันราวหน้ามือกับหลังมือเลย สมัยก่อนคิดทำอะไรสักอย่างลำบากยากเข็ญ เพราะเงินน้อย แต่ก็ไม่ถึงอับจนไม่มีกิน แต่ด้วยการดำเนินชีวิตช่วงนั้นมันต้องใช้เงินมากกว่านี้ รายได้ร้องเพลง 3 แห่งเฉลี่ยประมาณ 2 หมื่นบาทต่อเดือน ตอนแรกก็โอเค แต่ระยะหลังเงินน้อยลงก็ไม่โอเค มาถึงรายได้ปัจจุบันแตกต่างเป็นสิบเท่าเลย

POSITIONING : ปัจจุบันมีแฟนคลับมากขึ้น มีวิธีพูดคุยและสื่อสารเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีไว้อย่างไร
ตุ้ย-เกียรติกมล : ตามนิสัยผมเลย ทุกคนจะเข้าใจนิสัยผม เพราะผมจะไม่ตามใจแฟนคลับมาก แฟนคลับ 100 คนผมให้เท่ากัน ต่อให้ 1 ใน 100 แฟนคลับคนหนึ่งให้ของขวัญราคาแพงเยอะแยะก็ตาม ของขวัญที่เคยได้มูลค่ามากเช่น มือถือ ทั้งที่เราเคยประกาศไปแล้ว ไม่รับของมีค่า แต่แฟนคลับส่งมาถึงบ้านเลย ทั้งเค้าที่อยู่ต่างจังหวัด จะมาถือโอกาสว่าตุ้ยต้องให้เค้ามากกว่าแฟนคลับคนอื่นๆ ไม่ได้ และผมจะแสดงอาการให้เค้ารับรู้นิสัย หรือกรณีถ่ายรูปมีแฟนคลับมุงเป็นสิบคน อยากถ่ายรูปเดี่ยว ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ กว่าจะเสร็จ และตอนนั้นถ้าผมต้องไปทำงานต่อ ผมจะประกาศเลยว่า ขอถ่ายเดี่ยวๆ และให้เอารูปเดี่ยวผมไปแล้วกัน คุยกับเค้าดีๆ ว่าผมต้องไปทำงานต่อนะครับ ครั้งแรกตะขิดตะขวงใจ แต่ก็ต้องทำ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากมีเวลาถ่ายรูปกับแฟนคลับผมก็ให้เคยหลายครั้งยืนถ่ายเป็นชั่วโมงก็มี ตอนไปเกาหลียืนถ่ายที่หน้าพระราชวังเกาหลีแบบรายคนกับแฟนคลับประมาณ 40 คน แต่มีข้อแม้ให้เตรียมกล้องถ่ายรูปไว้ก่อนเพื่อความว่องไว (ยิ้มแจ่มใส )

POSITIONING: แฟนคลับแสดงความพอใจ ให้ของขวัญ ทำอย่างไร
ตุ้ย-เกียรติกมล : ของขวัญที่ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นของที่แฟนคลับเอามายัดใส่มือให้เป็นถุงสีแดง เป็นแฟนคลับรุ่นแม่ และเราก็วิ่งไปคืนไม่ทัน มาเปิดดูเป็นทองเยาวราช แต่แบบนี้มันก็มากนะ ขนาดพ่อแม่ผมยังไม่เคยซื้อทองให้ผมใส่เลย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด สำหรับการมายืนให้จุดนี้ เพราะเราต้องดูแลคนจำนวนมาก และเรารู้อยู่เสมอว่า เกิดมาได้เพราะพวกเค้าส่วนหนึ่ง และเค้าให้มาโดยตลอด ผมคิดจะเปลี่ยนไปใช้รถสิบล้อแล้ว เคยแซวแฟนคลับกับไปเหมือนกัน โดยเฉพาะช่วงวาเลนไทม์ที่ผ่านมา แฟนคลับให้ของขวัญกลับมาเยอะมาก สิ่งของต่างๆ และเสื้อผ้า เล่นคอนเสิร์ตเสร็จตี 2 กระทั่งตี 3 กลับบ้านยังต้องขนของขวัญอยู่เลย เราเข้าใจจุดนี้และจะไม่มีอาการรำคาญเลย ต่อให้ผมเหนื่อยสายตัวแทบขาดก็ตาม ทุกวันนี้เค้าก็แฮปปี้นะกับพฤติกรรมผม ออกคอนเสิร์ตทีไรก็มีแต่คำชม สำหรับแฟนคลับในต่างจังหวัดที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงตัว ผมใช้วิธีเข้าเว็บไซต์บ่อยๆ ตอบคำถาม เขียนเล่าความเป็นไปของเราแต่ละวัน ไปทำอะไรมาบ้าง เพื่อให้รู้สึกว่าเราอยู่ใกล้เค้าตลอด ทำนองนั้นที่ www.tuiaf.com ในแต่ละอาทิตย์ ขึ้นอยู่กับงาน ถ้าว่างจากงานก็เข้าทุกวันเลย

POSITIONING : แฟนคลับกับความประทับใจ
ตุ้ย-เกียรติกมล : ทุกวันนี้ผมประทับใจทุกเรื่องกับแฟนคลับ แต่กรณีที่เห็นชัดเจน คือ แฟนคลับรอผม ล่าสุดตอนไปซ้อมละครเวที ต่อบท เลิกประมาณตี 3 หรือเรียนเวิร์คช็อปตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน แฟนคลับก็ยังนั่งรออยู่ พอผมออกมาปุ๊บเอาของให้กิน เค้าก็บอกลากลับแล้วนะ หรือถ่ายรูปแป๊บหนึ่ง เสร็จแล้วก็ปล่อยให้เรากลับบ้านเลย เป็นการตั้งใจรอแบบไม่ได้หวังอะไรมากมาย แค่เห็นหน้าและรู้ว่าเราทำงานเสร็จและกลับบ้าน เค้าก็โอเคแล้ว มันรู้สึกดีมาก และปลื้มใจนะ ผมอยากบอกกับแฟนคลับว่า ขอบคุณมากๆ กับทุกการดูแล ใส่ใจที่มีให้ผม เพราะไม่ว่าผมไปไหนมาไหนรู้หมด ติดตามไปทุกที่ และผมรับรู้ทุกอย่างกับความรู้สึกที่มีให้ แม้บางทีผมไม่ได้แสดงออกมากมายนะ ผมเคยเป็นอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้น แบบดิบๆ ให้เค้าเห็นตลอด อยากให้เค้ารับรู้ความรู้สึกเค้าไม่แตกต่างจากความรู้สึกผมเท่าไหร่

ไลฟ์สไตล์

กีฬาสุดโปรด และทีมโปรด : ฟุตบอล / แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
สถานที่ท่องเที่ยวสุดโปรด : น้ำตก / ทะเล
รถยนต์ที่ใช้ปัจจุบัน : โตโยต้า โคโรล่า รุ่น AE 92
มือถือที่ใช้ปัจจุบัน : โซนี่ อิริคสัน รุ่น W 700 I
ศิลปินและเพลงโปรด : แบงก์ วงแคลช / เพลงรักเธอสุดใจ- ก้อง สหรัฐ
บุคคลต้นแบบ : พี่เบิร์ด-ธงไชย
มุมมองต่อแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง : สอนให้ใช้จ่ายเฉพาะสิ่งจำเป็น
ติดตามข่าวสารการเมืองหรือไม่ / อย่างไร : บางครั้งคราว / ดูทีวี
เว็บไซต์ที่เข้าบ่อย : เว็บไซต์ตัวเอง และเว็บไซต์รถยนต์

Profile
ชื่อ-นามสกุล เกียรติกมล ล่าทา
อายุ 24 ปี
วัน-เดือน-ปีเกิด7 พ.ค. 2526
การศึกษา ปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจ สาขาการเงิน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พระนคร
ผลงานล่าสุด พรีเซ็นเตอร์ เทสโก้ โลตัส และพระเอกละครเวที เงิน เงิน เงิน